Hermès เน้นย้ำความมุ่งมั่นของเมซงในการเชิดชูการแสดงออกทางศิลปะควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองความคิดสร้าง
สรรค์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ผ่าน Window Display เปี่ยมเอกลักษณ์ใหม่ ผลงานดีไซน์ของ “ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์” ที่ Hermès เซ็นทรัล เอ็มบาสซี
ก่อนหน้านี้ Hermès ประกาศเปิดร้านผ่านการรีโนเวทและขยายพื้นที่ใหม่ภายในเซ็นทรัล เอ็มบาสซี บูทิกแห่งนี้ถือเป็นร้าน 1 ใน 3 แห่งของ Hermès ในประเทศไทย โดยผ่านการรีโนเวทและขยายพื้นที่ใหม่ภายในเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ด้วยสำนักงานสถาปัตยกรรม RDAI ของปารีสบนพื้นที่ 2 ชั้นของบูทิก พร้อมทั้งจัดแสดงผลงานอย่าง 16 métier ของเมซงเอาไว้พร้อมกับผลิตภัณฑ์ของเมซงที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยของมรดกทางงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในผลงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าเมซงแห่งนี้ให้ความสำคัญต่องานศิลปะและในครั้งนี้ Hermès ได้ทำงานร่วมกับ “ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์” ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่เป็นที่รู้จักด้วยความสามารถอันโดดเด่นในการผสมผสานงานฝีมือไทยแบบดั้งเดิมเข้ากับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ผ่าน Window Display
ผลงานของเขาได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมท้องถิ่น เลือกผสมผสานความเชื่อเรื่องจิตและวิญญาณ ธรรมชาติ และประเด็นทางสังคมเข้าไว้ด้วยกัน บนเส้นทางที่หยั่งรากลึกอยู่ภายใต้ความประทับใจของเขาที่มีต่องานศิลปะ ผลงานที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของธีรวัฒน์สะท้อนถึงความงดงามล้ำค่าของวัฒนธรรมไทย ทั้งยังบอกเล่ามุมมองที่เป็นปัจจุบัน ทั้งในเรื่องเอกลักษณ์ สิ่งแวดล้อม และชุมชนได้อย่างกลมกลืน
นอกจากนี้ Hermès ยังมีการเฉลิมฉลองธีม “Drawn to Craft” ในปี 2025 โดยธีรวัฒน์นำเสนอการตีความประเพณีและงานฝีมือของ Hermès โดยเขาหยิบแรงบันดาลใจจากคอลเลกชั่นผ้าพันคอของ Hermès อาทิ “Mon Petit Cheval Mexicain” ผลงานการออกแบบของ Wlodek Kaminski และ “Brides de Gala” ผลงานของ Hugo Grygkar โดยมุมมองของธีรวัฒน์นั้นมุ่งเน้นไปที่การเลือกใช้ลวดลายม้าซึ่งเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในรากฐานของ Hermès มาอย่างยาวนาน
Mon Petit Cheval Mexican ซึ่งแปลเป็นไทยว่า ม้าเม็กซิกันตัวน้อยของฉัน ผลงาน Window Display ในครั้งนี้ ธีรวัฒน์ได้นำแรงบันดาลใจมาถ่ายทอดเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่แสดงให้เห็น ถึงทักษะการทำงานฝีมืออันยอดเยี่ยมตั้งแต่การวาดเส้นที่มากด้วยรายละเอียดไปจนถึงการทอผ้าอย่างพิถีพิถัน
นอกจกานี้ธีรวัฒน์ยังทำให้ผ้าพันคอผืนนี้มีชีวิตขึ้นมาใหม่จากความชื่นชอบผ้าพันคอที่ไอคอนิกของ Hermès อย่าง “Brides de Gala” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบังเหียนม้าในคอลเลกชั่นของสะสม Émile Hermès โดยเขาสร้างบังเหียนม้าในรูปแบบ 3 มิติสุดโดดเด่น โดยผสมผสานวัสดุต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มผิวสัมผัสและความล้ำลึกเข้ามา การผสมผสานเสน่ห์ของภาพสเก็ตช์ที่วาดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติเข้ากับความแม่นยำของงานฝีมือชั้นสูง
เรียกได้ว่า Window Display ทั้งหมดนี้เสมือนการถอดรหัสและตีความใหม่ผ่านสายตาของศิลปินไทยในรูปแบบที่สนุกสนานจากผลงานดั้งเดิมของผ้าพันคอ อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจในการทำงานชิ้นนี้คือการแสดงให้เห้นถึงมรดกทางงานฝีมือของชาวไทยเฉกเช่นสิ่งเมซงยึดมั่น เขามาผสมผสานกับงานฝีมือท้องถิ่น ทั้งงานทอผ้าและงานปัก โดยใช้ฟาง เส้นใยสับปะรด ผักตบชวาตากแห้ง ลูกปัดไม้ธรรมชาติ และหนังลูกวัวของ Hermès มาเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์ การออกแบบทั้งหมดนี้
โดย Window Display แต่ละช่องบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ทว่าศิลปินได้ผสานฝีแปรงและการลงสีเพื่อให้ผลงานศิลปะมีชีวิตขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่เหมือนผลงานต่อเนื่องของช่างฝีมือคนหนึ่ง พร้อมเชิญชวนผู้ชมให้เข้าสู่จักรวาลแห่งศิลปะและงานฝีมือโดยจัดแสดงอยู่ที่ชั้น G ของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
บทความที่เกี่ยวข้อง
HERMÈS โฉมใหม่ ณ CENTRAL EMBASSY และดีเทลภายในบูทิก : All You Should Know About
Hermes Spring/Summer 2025 มิติหลายด้านของความมินิมัลที่เรียบหรู
3 เรือนเวลาต่างสไตล์จาก Hermès
