Wednesday, January 22, 2025

“ตอนนี้เราเป็นตัวเองแล้วก็เติบโตขึ้นจากเด็กน้อยในตอนนั้น” – ตู-ต้นตะวัน

เฉลิมฉลองส่งท้ายปีกับนักแสดงสาวเก๋ ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล ในแฟชั่นเซ็ตสุดเฟรช แวดล้อมด้วยธรรมชาติจาก DIOR คอลเลกชั่น Miss Dior ทริบิวต์ให้กับสัญลักษณ์แฟชั่นจากยุค ’60s และดีไซน์ของ Marc Bohan และ Philippe Guibourgé ในปี 1967 นำเสนอลายพิมพ์ Miss Dior Allover, Tie & Dior และ Dior Bayadère สีสันสดใส ผสานกับงานตัดเย็บสุดประณีต สะท้อนความมีชีวิตชีวาและอิสระเสรีแบบหญิงสาวยุคใหม่

ถ้าบทบาท ‘กอหญ้า’ ในซีรีส์ F4 Thailand: Boys Over Flowers จะทำให้ทุกคนมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างตัวละครหญิงแกร่งผู้ไม่ยอมแพ้ กับตัวตนจริงๆ ของนักแสดงสาวคนนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะยิ่งเมื่อพิจารณาจากความหนักหน่วงของหน้าที่การงานในช่วงที่ผ่านมา การใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสปอตไลต์ ไปจนถึงภาระหน้าที่ทางด้านการศึกษา (เธอเป็นพี่ปี 6 ของคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ก็ต้องยอมรับว่า ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล เป็นผู้หญิงแกร่งจริงๆ ที่พยายามบาลานซ์ทุกอย่างไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง 

ในวันนี้นักแสดงสาวได้เติบโตขึ้นมากนับตั้งแต่เดบิวต์เป็นนักแสดงและถูกจับตามองอย่างมากในฐานะนางเอกหน้าใหม่เมื่อตอนอายุ 20 แต่ถึงอย่างนั้นตูก็ยังคงความสดใสเป็นธรรมชาติในแบบที่เป็นตัวเธอ ครั้งนี้เราได้พบกับเธอในวันที่เพิ่งผ่านพ้นวันเกิดปีที่ 24 ของเธอไปได้ไม่กี่วัน ตูบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขสุดๆ เพราะได้ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนๆ รวมถึงแฟนคลับซึ่งมารวมตัวกันเพื่ออวยพรวันเกิดให้ และเธอก็ตอบแทนด้วยความรักกลับไปเช่นกัน (เราเห็นเธอถักโครเชต์เป็นของขวัญให้กับแฟนๆ ด้วย) 

“พอเห็นพวกเขามีความสุข เราก็แฮปปี้แล้ว ด้วยความที่เราเป็นแฟนคลับของศิลปินมาก่อนก็จะมีความเข้าใจ การที่เราได้ของจากคนที่เราชอบ มันมีความสุขมากๆ ถ้าบอกอะไรผ่านตรงนี้ได้ ก็อยากขอบคุณพวกเขาแหละ ในฐานะที่เราเป็นแฟนคลับ เราไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรจากคนที่เรารัก และเราก็ทําทุกอย่างให้ด้วยความรัก”

จากเด็กสาว ‘อินโนเซนต์‘ แต่ก็พอจะรับรู้ความเป็นไปในวงการบันเทิงจากพี่ชายบ้าง ตูได้เรียนรู้มากมายจากการทำงานเป็นนักแสดง “ช่วงเวลาที่เข้าวงการมาต้องบอกว่าได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองก็คือการที่เราเป็นคนแข็งแกร่งกว่าที่คิดเยอะมาก เพราะว่าได้ผ่านเรื่องอะไรมาค่อนข้างเยอะ เลยกลายเป็นว่าเราดีลกับความรู้สึกกับตัวเองได้ค่อนข้างดี แล้วก็ใช้ชีวิตให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้นด้วย”  

สี่ปีในวงการทำให้เธอตกหลุมรักอาชีพนักแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือไปจากความฝันที่จะเป็นทันตแพทย์ “ณ ตอนนี้ตูก็ยังอยากจะแสดงไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีคนจ้าง แล้วก็รอบทบาทใหม่ๆ เช่น บทที่ไม่ใช่นางเอก หรือเรื่องราวที่ไม่จำเป็นต้องมีพระเอกนางเอก เล่าชีวิตแบบเรียลๆ ออกไปเลยก็ได้”

หลังจากบทบาทนำในซีรีส์ F4 Thailand: Boys Over Flowers ที่เป็นกระแสไปทั่วเอเชีย ตูยังคงมุ่งมั่นตั้งใจกับการพัฒนาฝีมือทางการแสดงอย่างต่อเนื่องซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว ทั้งใน ‘Ten Years Ticket’ ซีรีส์ดราม่าที่คนทั่วไปอาจไม่รู้จัก แต่เป็นอีกเรื่องที่เธอรักและทุ่มเทแบบสุดๆ หรือภาพยนตร์ล่าสุดเรื่อง ‘หลานม่า’ อีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสามารถซึ่งประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย “ตอนอ่านบทเราคิดแล้วว่าต้องออกมาดีแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสามารถไปไกลได้มากขนาดนี้จริงๆ”

ส่วนผลงานใหม่นั้นคงต้องรอให้เธอเรียนจบในช่วงต้นปีหน้า “ปีหน้าจะตะลุยถ่าย Scarlet Heart Thailand แบบหนักๆ ไปเลยค่ะ” ตูเล่าถึงโปรเจ็กต์ใหญ่ที่อิงจากนวนิยายจีนเรื่อง Bubu Jingxin ของเหริน ไห่เยี่ยน และผลิตโดย GMMTV “ถ้าใครเคยอ่านนิยายต้นฉบับ เรื่องมันขับเคลื่อนด้วยตัวนางเอกคล้ายๆ กับ F4 Thailand: Boys Over Flowers ก็เลยอยากจะโฟกัสกับบทนี้ให้มากๆ เพื่อคุณภาพของงานที่จะออกมา ซึ่งระหว่างนี้ก็มีเวิร์กช็อปกันเรื่อยๆ”

นอกจากการแสดงและการเรียนแล้ว อีกหนึ่งบทบาทสำคัญก็คือการทำหน้าที่เฮาส์แอมบาสเดอร์ของ Dior ประเทศไทยซึ่งดำเนินมานานปีกว่า เธอบอกว่า “คล้ายกับการเดินทางที่ทำให้เราไปเจออะไรใหม่ๆ” อย่างการไปชมโชว์ในช่วงปารีสแฟชั่นวีก ซึ่งเป็นเหมือนความฝันที่เป็นจริง “สำหรับตู ดิออร์ให้ความสำคัญกับความเป็นผู้หญิง แล้วก็มีความเฟมินิสต์ เชิดชูเรื่องอัตลักษณ์ และการที่แฟชั่น empower คนใส่ ถึงจะเน้นเรื่องเสน่ห์แบบหญิง แต่ใส่แล้วทำให้รู้สึกว่าแข็งแกร่ง อย่างคอลเลกชั่น Miss Dior ที่ถ่ายวันนี้ มันมีลูกเล่นและสดใสมากๆ”

Fill The Gap

คําที่สื่อถึงตัวของฉันในอดีตได้ดีที่สุดคือคำว่า… ความอินโนเซนต์ เมื่อก่อนเรายังไม่ได้เจอประสบการณ์เยอะขนาดนี้ ยังอยู่ในสังคมแบบเดียว ไม่ได้เจอคนเยอะแยะมากมาย แล้วก็มีมุมมองที่…ถ้าพูดแบบคนแก่ก็คืออ่อนต่อโลกนิดหนึ่ง แต่พอเข้าวงการมามันเหมือนเราได้เจอคนใหม่ๆ เยอะขึ้น และได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ด้วยค่ะ

คําที่สื่อถึงตัวฉันในวันนี้คือคําว่า… เป็นตัวฉัน หมายถึงว่าสิ่งที่เราเจอมามันหล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราในวันนี้ และมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ตอนนี้เราเป็นตัวเองแล้วก็เติบโตขึ้นจากเด็กน้อยในตอนนั้น 

คําที่เหมาะจะนิยามตัวฉันในอนาคตคือ… ตัวเราที่ดีกว่าเดิม ตอนนี้เราเป็นตัวเรา แต่ก็อยากเป็นเราที่โตขึ้น เก่งขึ้น ดีขึ้น จริงๆ ตอนนี้ก็รู้สึกพอใจในตัวเอง อาจจะเพราะตัวเราในปัจจุบันมักมองว่าตอนนี้เราโตแล้ว แต่ในอนาคตอาจจะมองย้อนกลับมาแล้วรู้สึกว่าเรายังมีอะไรที่เป็นเด็กอยู่ ยังไม่โตเลยนี่นา เลยคิดว่าในอนาคตเราอาจจะอยากพบเจอการตัดสินใจใหม่ๆ จากตัวเราในอนาคตก็ได้

สิ่งที่ทําสําเร็จไปแล้วคือ… น่าจะเป็นเรื่องการให้ความสำคัญกับความสุขของตัวเองค่อนข้างเยอะ เราแคร์เรื่องเนกาทีฟของคนอื่นน้อยลง แล้วก็เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องของผลงาน น่าจะเป็นหนังเรื่อง ‘หลานม่า’ ซึ่งประสบความสำเร็จมากๆ 

สิ่งที่อยากเอาชนะให้ได้… ความกังวลบางเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง คือรู้สึกว่ายังมีเรื่องที่ทำให้รู้สึก insecure เรายังคิดเยอะเกี่ยวกับตัวเอง แต่พยายามที่จะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนั้นไป ซึ่งมันยากไหมเหรอ? จริงๆ แค่เรามี self esteem ที่มากพอ ก็ไม่ต้องไปสนใจคําพูดของคนอื่นที่ทำให้รู้สึก insecure 

สําหรับฉัน ศิลปะคือ... การรังสรรค์ การถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นผลงานหรือชิ้นงานอะไรบางอย่างที่สวยงาม แม้ว่าคนทั่วไปจะมองความสวยงามไม่เหมือนกัน แต่สําหรับศิลปิน นี่แหละศิลปะของเรา อย่างในการเป็นนักแสดง ศิลปะสำหรับตัวเราคือการที่เราแสดงเป็นตัวละครหนึ่งซึ่งอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงออกมาให้คนรับรู้และเข้าใจสิ่งที่ตัวละครนั้นเป็นหรือต้องการจะสื่อ ซึ่งมันสวยงามค่ะ

เสน่ห์ของการแสดงที่ทำให้อยากเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ คือ… การได้ค้นพบอีโมชั่นที่ตัวเองไม่มี หรือได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยของคนที่เราอาจจะเคยไม่เข้าใจ พอเราได้ไปเทคคลาสแอ็กติ้ง มันทําให้เราเข้าใจคนมากขึ้น ความน่าสนใจของศาสตร์นี้คือการได้เป็นคนที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะเป็น   

ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับ… คนรอบตัว คนที่บ้าน หมา เพื่อนๆ นอกจากใช้กับเรื่องเรียน ก็จะใช้เวลากับคนรอบตัวกับโลกภายนอกนี่แหละ แต่ถ้าอยากพักผ่อนจริงๆ จะอ่านหนังสือ อ่านนิยาย แล้วก็ทํางานฝีมือเล็กน้อย อย่างถักโครเชต์ ร้อยลูกปัด 

บทเรียนที่มีความหมายต่อชีวิตคือ… หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวข้องกับจังหวะเวลา ในช่วงเวลาหนึ่ง อะไรที่มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่อะไรที่มันจะเป็นของเราสักวันหนึ่ง วันที่จังหวะเวลามันใช่หรือเหมาะสม มันก็จะกลับมาเป็นของเราเอง

ถ้าเปรียบชีวิตตอนนี้เป็นหนังสักเรื่อง… น่าเป็นหนังชีวิตหรือ documentary เป็นชีวิตที่มีเรื่องราวเยอะมากจนทําเป็นหนังได้ ถ้าเป็นตัวละครก็เป็นตัวนําที่มี motivation หรือแรงขับเคลื่อนให้เราทำอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะทํา ยังไม่อยากหยุดตอนนี้

ฉันจะมีความสุขที่สุดถ้า… คนที่เรารักมีความสุข แฮปปี้ที่เห็นครอบครัว เพื่อนๆ หรือแฟนคลับภูมิใจในตัวเรา เพิ่งได้มีโอกาสเจอทุกคนในช่วงวันเกิด เป็นช่วงเวลาที่ฟูลฟิลหัวใจมากที่ทุกคนมอบความรักให้เรา และเราได้มอบกลับคืนไป

อยากให้ทุกคนจดจําเราในฐานะ… นักแสดงและทันตแพทย์ 

Photographer: John Tods

Fashion Director: Daneenart Burakasikorn

Writer: Pimpilai Boonjong

Makeup: Sapsiri Siriwong 

Hair: Promya Bangpong 

Photographer Assistants: Narong Thaveeyart, Udomsak Aemausin, Wanlop Bancheun

Stylist Assistants: Jetwat Viriyarat, Noppamas khomsom 

Co-Ordinator: Akeera Sasungnern

บทความอื่นที่น่าสนใจ:

ฟรีน สโรชา และ มาริโอ้ เมาเร่อ อัพเดตผลงาน ‘ไรเดอร์’ ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของพวกเขา

ช่วงเวลาเว้นวรรคเพื่อเริ่มใหม่ของทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

“คิดว่ามันโอเคนะที่ไม่เพอร์เฟกต์” เบคกี้-รีเบคก้า แพทริเซีย อาร์มสตรอง

Other Articles