Writer: Neeraj Kim
“วันที่ 30 พฤษภาคม 1995 ผมได้พบรักแรกของผมแล้ว” คำพูดในจินตนาการของหนุ่มใบ้กับสาวเพิ่งอกหักที่โคจรมาเจอกันอย่างเหงาๆ ท่ามกลางความวุ่นวายในฮ่องกงยามวิกาล ทาเคชิ คาเนชิโร่ ในวัย 22 รับบทหนุ่มใบ้สภาพเกรอะกรังแต่ก็ยังดูดีด้วยรูปทรัพย์ที่ติดตัวมา ความสดใสของเขาในเรื่อง Fallen Angels (1995) ช่างมีเสน่ห์ชวนค้นหา สวนทางกับโทนของเรื่องที่นำเสนอฮ่องกงยามราตรี และตีแผ่วิถีชีวิตที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไร ราวกับว่าผู้กำกับ หว่อง กาไว กำลังถ่ายทอดมุมเศร้าของเขาเมื่อรู้ว่าเกาะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเอเชียแห่งนี้กำลังจะกลับไปอยู่ในอ้อมอกของประเทศจีนแผ่นดินแม่อีกครั้งในปี 1997 หลังตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และอยู่ร่วมกันอย่างสมประโยชน์มานานกว่า 99 ปี
หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง เกิดที่ฮ่องกงในเดือนและปีเดียวกับที่หนุ่มใบ้ได้สารภาพรักกับสาวเพิ่งอกหัก แม้คนฮ่องกงส่วนใหญ่จะมีท่าทีเป็นกังวลกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านอันน่าวิตก ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ฮ่องกงในยุค ’90s ยังคงเป็นเกาะแห่งเศรษฐกิจ และเป็นเดสติเนชั่นของหนุ่นสาวชาวไทยที่อยากนั่งเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้ง เกาะแห่งนี้ได้รับอิทธิพลความคลาสสิกมาจากผู้ดีชาวอังกฤษแบบเต็มๆ สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลแทรกสอดอยู่ในซอกของตึกระฟ้า ป้ายไฟนีออนให้แสงส่องสว่างสลับสีอย่างมีศิลปะในยามพระอาทิตย์ลาลับ รวมถึงวิถีการแต่งตัวแบบโก้สมาร์ตที่ผู้ชายใส่สูทผูกไท ส่วนผู้หญิงก็ใส่เทรนช์โค้ตตัวใหญ่ในวันที่อากาศเย็น เหล่านี้ล้วนเป็นบริบททางสังคมแบบนานาชาติที่ประกอบสร้างหลิงหลิงมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่น่าแปลกใจที่พลังงานของเธอจะเป็นนิยามอันชัดเจนของความเป็น ‘พลเมืองโลก’ แบบไม่ต้องตะโกน วัดจากวิธีการทำงานอย่างมืออาชีพ และรสนิยมที่ดูเป็นคนใส่ใจทั้งภาพรวมมากกว่าแค่เรื่องสวยงามเพียงอย่างเดียว
CHALLENGES ARE GIFTS
“หลิงอยู่ฮ่องกงมาตั้งแต่เกิด จนอายุ 17 ก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองไทย” หลิงหลิงเริ่มเล่าถึงชีวิตและจุดเปลี่ยนของตัวเอง เธออยู่ในชุดเรียบหรูจาก Loro Piana ซึ่งเข้ากันได้ดีกับบุคลิกแบบอ่อนโยนแต่ชัดเจน รวมถึงเครื่องหน้าซึ่งเคยเป็นที่พูดถึงในสังคมออนไลน์ “ตอนนั้นหลิงมีโอกาสได้ประกวดนางงามไหมขอนแก่น ประจำปี 2559 พอมีคนเอารูปเราไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียก็เริ่มมีคนทักว่าหน้าเหมือนคุณอาภัสรา หงสกุล กับพี่แอฟ-ทักษอร จากนั้นช่อง 3 ก็มาทาบทามว่าอยากเป็นนักแสดงของช่องไหม หลิงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยตัดสินใจเซ็นสัญญา และเริ่มต้นงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ตอนนั้น” แน่ล่ะว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กสาวซึ่งเติบโตในต่างประเทศมานานกว่า 17 ปี ที่จะต้องร่วมงานกับอุตสาหกรรมบันเทิงไทยซึ่งมีคนมากหน้าหลายตา และยังมีวิถีในการแสดงแบบเฉพาะตัว หลิงหลิงบอกกับเราตามตรงว่าสิ่งที่ต้องเรียนเพิ่มอย่างหนักคือการใช้ภาษาไทย และแอ็กติ้งเพราะมีส่วนสำคัญสำหรับการทำงาน แต่เธอมองว่าการปรับตัวเป็นเรื่องสนุก เพราะทำให้ได้เจอสิ่งใหม่ และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว “ทุกอย่างถือว่าเป็นความท้าทายหมดเลย เพราะมันคือสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำ ทั้งภาษา การแสดง ความรู้เรื่องแฟชั่น หรือแม้กระทั่งเรื่องมุมกล้อง เราก็ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ท้าทายมากๆ”
หลายคนอาจรู้จักหลิงหลิงครั้งแรกในบท แอนนี่ จากละครซีรีส์ ‘ดวงใจเทวพรหม’ ตอนใจพิสุทธิ์ (2567) ทว่าผลงานชิ้นแรกของเธอเริ่มมีตั้งแต่ปี 2563 จากเรื่อง ‘ตราบฟ้ามีตะวัน’ และเคยเป็นนักแสดงรับเชิญในบท เจ้านางจันทราวดี จากละครภาคต่อ ‘พรหมลิขิต’ (2566) “สำหรับบทแอนนี่ที่ได้รับมันไม่เหมือนเราเลย ต้องดึงจริตให้จัดจ้านกว่าเดิม เป็นอีกตัวตนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใน ‘ใจพิสุทธิ์’ หลิงต้องทำงานกับนักแสดงเยอะมาก แอบกดดันนิดหนึ่งแต่ก็พยายามทำการบ้านก่อนเข้ากองให้เยอะๆ จะได้รู้สึกกังวลน้อยลง พยายามต่อบทกับคนที่เราเล่นด้วย หรือเวลามีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาเพื่อนนักแสดง ซึ่งช่วยให้เราก้าวข้ามอุปสรรคได้เยอะเลย พอละครออกอากาศแล้วคนดูชอบก็รู้สึกหายเหนื่อยแล้ว”
GIRL THINGS
ถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา นักแสดงผู้ชายรุ่นใหม่ในสมัยนี้ดูจะมีโอกาสและมูลค่าทางการตลาดกว่านักแสดงหญิง โดยเฉพาะศิลปินที่โตมาจากซีรีส์วายซึ่งแทบจะกวาดพื้นที่และทรัพยากรไปทั้งวงการ คำว่าวาย (Y) นั้นย่อมาจาก ยาโอย (Yayoi) เป็นศัพท์ภาษาญี่ปุ่นซึ่งหมายถึง ชายรักชาย มักใช้คำนี้จำกัดความสื่อเพื่อความบันเทิงหลายประเภท เช่น นิยาย ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ชอบเพศเดียวกัน แต่ถ้าหากเราคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มากพอก็จะรู้ว่ายังมีอีกหนึ่งวาย (Y) ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามากระชับพื้นที่ส่วนแบ่งของตลาด นั่นคือ ยูริ (Yuri) หรือกลุ่มหญิงรักหญิง ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานอีกใบของซีรีส์แนวชายรักชาย
‘ใจซ่อนรัก’ (2567) เป็นผลงานเรื่องล่าสุดของหลิงหลิง เธอรับบทเป็นคุณหมอฟ้าลดา และมีคู่ขวัญเป็น ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ โดยละครเรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับซีรีส์แนว Girls Love ของเมืองไทย เพราะได้รับความนิยมไปทั่วโลกโดยมียอดเทรนด์ใน X รวมสูงกว่า 4.27 ล้านโพสต์ และส่งผลให้หลิงหลิงมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่าหนึ่งล้านคน นอกจากนี้บัตรแฟนมีตติ้งยังขายหมดอย่างรวดเร็ว และยังมีการจัดงานพบปะแฟนคลับในต่างประเทศอีกด้วย “โห (นิ่ง) ต้องบอกว่าเรื่องนี้ทำให้หลิงมีคนรู้จักมากขึ้น ได้มีโอกาสทำงานหลากหลายแบบมากขึ้น แล้วก็ได้เปิดหูเปิดตาเพราะได้ไปจัดงานแฟนมีตติ้งที่ต่างประเทศด้วย เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย ถือว่าเป็นของขวัญให้กับนักแสดงตัวเล็กๆ คนนี้เลยล่ะ” ความน่ารักของเธอคือตอบปฏิเสธทันทีเมื่อเราถามว่าเรียกหลิงหลิงว่าเป็นคนดังได้แล้วหรือยัง “ต้องคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนดัง เดี๋ยวลอย (หัวเราะ) หลิงยังคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงทั่วไปปกติ แต่ได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น ได้อยู่กับแฟนคลับหลายเชื้อชาติ ยังคงพัฒนาตัวเองต่อไป เพราะพอมีคนติดตามเรามากขึ้นก็อยากมีอะไรใหม่ๆ ที่แปลกตานำเสนอให้คนที่รอดูงานของเรา ไม่อยากทำอะไรซ้ำเดิม แล้วก็เตรียมภาษาให้พร้อมเพราะจะได้พูดคุยกับแฟนๆ”
คำตอบของหลิงหลิงที่เข้าเป้าและตรงประเด็นทุกครั้ง อาจเกิดจากวัยวุฒิที่สั่งสมมาตลอดเกือบ 30 ปี แม้ว่าอายุจะไม่ใช่อุปสรรคของการเป็นศิลปิน ทว่าการร่วมงานกับออม-กรณ์นภัส ซึ่งมีส่วนต่างที่ห่างกันกว่า 7 ปี ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดปัญหาของความต่างระหว่างวัยขึ้นหรือไม่ “อย่างน้องออมก็ถือว่าเด็กเพราะอายุยี่สิบต้นๆ แต่หลิงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีช่องว่างทางอายุขนาดนั้น ดูจากภายนอกเหมือนเป็นคนที่เข้าหายาก แต่พอทำงานแล้วเราก็พร้อมเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งนะ ไม่ได้รู้สึกว่าการทำงานกับคนรุ่นใหม่จะเป็นอุปสรรค เพราะวัยรุ่นสมัยนี้เขาตั้งใจทำงานกันมากๆ” เธอเน้นย้ำถึงการเวิร์กช็อปทางการแสดง และเตรียมตัวก่อนทำงานอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมองภาพรวมอีกที หลิงหลิงไม่ใช่เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ แต่เป็นผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบและเคารพกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่อย่างเต็มภาคภูมิ “ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน รู้สึกว่าตัวเองอิมโพรไวส์ได้ดีขึ้น เพราะอยู่กับคู่เล่นของเรามากขึ้น ถ้าไปเจอความรู้อะไรใหม่ๆ ก็จะพยายามจำความรู้สึกนั้นไว้ ทำให้พูดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ดีขึ้นกว่าตอนแรก ช่วงนั้นกังวลเรื่องภาษามาก พยายามท่องบทอย่างเดียวจนโฟกัสผิดจุด แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเล่นได้สบายตัวมากขึ้นเพราะอยู่กับพาร์ตเนอร์ อยู่กับสถานการณ์ตอนนั้นจริงๆ ยึดความต้องการของตัวละครเป็นหลัก”
QUALITY LIFE
เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แค่ไม่ปิดโอกาสตัวเอง จากเด็กสาวอายุ 17 ที่ฝันอยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือไม่ก็มีธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง กลับกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ “ไม่เคยคิดจะเข้าวงการบันเทิงเลยเพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองสวย และไม่ได้มองว่าตัวเองเหมาะกับการเป็นนางงามด้วย แต่ตอนนั้นมีคนรู้จักมาชวนหลายรอบ แล้วเราก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก เลยลองสักครั้ง สรุปว่าได้มง” เธอชวนเราย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง “หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรหรือต้องการอะไร จึงลองทำสิ่งที่ตัวเองชอบไปก่อน หรือลองทำให้มันหลากหลายมากยิ่งขึ้น บางครั้งโอกาสอาจมาแบบที่เราไม่คาดคิด ลองไปก่อน แล้วอย่าลืมตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง อยากให้ลงทุนกับตัวเองเยอะๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือหาความรู้ให้กับตัวเอง ยิ่งเราทำก็ยิ่งได้”
ใช่ว่าทุกคนจะมีเป้าหมายที่อยากแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ตัวเองไม่หยุดอยู่ที่เดิม ความคิดเหล่านี้สะท้อนถึงความมีรสนิยมและเป็นคนช่างเลือกของหลิงหลิง โดยเฉพาะสไตล์การแต่งตัวที่ไม่ฉาบฉวย แถมยังคำนึงถึงคุณภาพและความยั่งยืนจากการใช้งาน “สไตล์การแต่งตัวของหลิงจะมีความ Old Money หน่อยๆ เน้นความเรียบหรูแบบคลาสสิก และใส่ซ้ำได้ บางคนคิดว่าต้องแต่งตัวให้ทันตามเทรนด์ แต่หลิงรู้สึกว่าการมิกซ์แอนด์แมตช์ทำให้เราสร้างลุคใหม่ได้เหมือนกัน แถมยังอยู่ในเทรนด์รักษ์โลกที่มาแรงตอนนี้ด้วย เสื้อผ้าของ Loro Piana ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีเลย เพราะเป็นแบรนด์ที่เลือกสนับสนุนความยั่งยืนในกระบวนการผลิต เลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นขนสัตว์ที่ใช้จะเลือกเป็นการเก็บขนสัตว์ชนิดต่างๆ ด้วยการหวีขนหรือตัดขนแกะในขณะที่สัตว์ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น หรือบางชิ้นทำมาจากเส้นใยดอกบัว หลิงว่าเสื้อผ้าที่เรียบหรูใส่ได้นานและบ่อยกว่า ซึ่งเหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก”
อะไรคือเป้าหมายในวงการบันเทิงของหลิงหลิง เราถาม “อยากให้ทุกคนจดจำเราในบทใดบทหนึ่งที่เคยเล่น ที่เหลือก็อยากให้คนดูรู้สึกสนุกและมีความสุขกับซีรีส์หรือหนังที่เราเล่นก็พอแล้ว นั่นคือหน้าที่ของนักแสดง นั่นคือสิ่งที่หลิงอยากมอบให้ทุกคน” เธอทิ้งท้ายด้วยการออดอ้อนให้ผู้อ่านช่วยติดตามอินสตาแกรมของเธอไว้ด้วยเพื่อจะได้มองเห็นชีวิตในมิติอื่นๆ นอกจากการเป็นนักแสดง พลังงานของหลิงหลิงยังมีมากเหลือล้นทั้งที่เธอทำงานอย่างเต็มที่ตั้งแต่เช้าจนค่ำมืด เราแสดงความยินดีกับเธออีกครั้งที่ผลงานเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และเราอวยพรให้เธอพบเจอแต่กำลังใจดีๆ จากการทำงาน เพราะนี่ควรเป็นรางวัลตอบแทนอันยอดเยี่ยมจากการทำงานอย่างตั้งใจของเธอ
Photographer: Pannatat Aengchuan
Fashion Director: Daneenart Burakasikorn
Makeup: Andi Soon
Hair: Pongsiri Pornpijaipak
Photographer Assistants: Kridsanapol Petjarus, Nuttapon Mansukphol, Tawin Manajit, Aphilak Triamtung
Stylist Assistant: Jetwat Viriyarat
Coordinator: Akeera Sasungnern