Writer: Neeraj Kim
คงไม่มีใครเหมาะสมกับฉายา ‘เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง’ ไปมากกว่า แอน-ทองประสม อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะเธอมีผลงานการแสดงอันโดดเด่นมากมายหลายต่อหลายเรื่อง แต่ความสามารถรอบด้านและยังปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์จนถึงทุกวันนี้คงเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าเหนือกาลเวลา
แอนเริ่มเข้าวงการครั้งแรกตั้งแต่ปี 2535 ด้วยการถ่ายแบบลงนิตยสาร จากนั้นก็โลดแล่นต่อมา เธอแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ฝากผลงานจนเป็นตำนานไว้หลายเรื่อง ทั้ง เพลิงบุญ (2539) แรงเงา (2544) อุ้มรัก (2549) สวรรค์เบี่ยง (2551) และผลงานล่าสุดในละครเรื่อง เกมรักทรยศ (2566) ที่ได้เผยแพร่ในแพลตฟอร์มแบบสตรีมมิ่งจนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ชั่วข้ามคืน และการันตีกับผู้ชมชาวไทยว่าเธอนี่ล่ะคือนักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิงไทย
ภาพลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงทำงานบวกกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้วันนี้ แอน-ทองประสม มีโอกาสถ่ายแฟชั่นเซ็ตกับ Tory Burch แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับลักชัวรี่จากนิวยอร์กที่มีดีไซน์สวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลา ลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ เลยชวนเธอพูดคุยถึงความสุขของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ และความมั่นใจในทุกวันที่เริ่มได้ง่ายๆ จากการแต่งตัว
“แอนว่าผู้หญิงทุกคนมีพลังของความเป็นหญิงในตัวเองอยู่แล้ว” หญิงสาวในชุดสวยจาก Tory Burch เริ่มพูดถึงสไตล์ที่สะท้อนความมั่นใจ “ถ้าเราแสดงทุกอย่างออกมาด้วยความมั่นใจ หรือศึกษามาอย่างดีพอก็จะเกิดเป็นพลังงานที่สร้างผลลัพธ์ทางความรู้สึกกับคนอื่น แอนเชื่อว่าทุกคนมีเชื้อเพลิงส่วนตัว อยู่ที่ใครจะกักเก็บและใช้มันออกมาให้เป็นประโยชน์แค่ไหน แอนเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเพราะเราทำการบ้านมา ผลงานที่ออกมาก็จะมีเสน่ห์ คนดูรู้สึกดีกับงานเรา ทั้งความภูมิใจในตัวเองและความมั่นใจมันมีอยู่ในตัวแอน มากน้อยแล้วแต่ใครจะวัด ถ้าขาดทั้งสองสิ่งนี้แล้ว ชีวิตอาจจะขาดความกล้าหาญที่จะดำเนินการต่อไปเลยล่ะ” เธอสรุปสาระสำคัญของความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ได้อย่างตรงประเด็น และเข้ากันได้ดีกับปรัชญาในการออกแบบเสื้อผ้าของ Tory Burch ที่เชื่อว่าเครื่องแต่งกายเรียบหรู สวมใส่ง่ายในหลายโอกาส จะช่วยให้ผู้หญิงดูดีได้ในทุกวัน
“แอนรู้ว่าผู้หญิงยุคนี้ต้องการความสมดุล ทั้งการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและการตามหาความสำเร็จ” เธอเริ่มแชร์ประสบการณ์กว่า 35 ปีในวงการ เสมือนเป็นตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ที่ทาบทับภาพในวัยเด็กของตัวเอง และสะท้อนการตกผลึกที่ได้เรียนรู้มาตลอดชีวิต “สมัยที่ยังเด็กกว่านี้ เราอาจจะมีแพสชั่นและอยากทำอะไรตามใจตัวเอง เชื่อว่าถ้าทำสิ่งที่ชอบ คนอื่นจะหันมาสนใจมันเอง คำถามก็คือเราเป็นฟันเฟืองสำหรับใครหรือเปล่า” เธอโยนโจทย์ใหญ่กลับมาให้เราได้นั่งคิด และไม่ลืมว่าซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นของวงการอย่างเธอเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของอุตสาหกรรมเท่านั้น
“แอนเป็นนักแสดงตั้งแต่อายุ 13 งานของเราคือต้องทำเพื่อประชาชนคนดู และต้องรู้โจทย์ของคนจ้างว่าต้องการอะไร ฉะนั้นงานที่ทำออกไปต้องตอบโจทย์ทั้งความชุ่มฉ่ำในหัวใจของเรา แต่ก็ต้องได้ผลลัพธ์ทางความรู้สึกของคนอื่นด้วย แอนจะเชื่อเรื่องความสัมพันธ์มาก ถ้าวันนี้เรารีบเดินไปข้างหน้า แต่วันหนึ่งหันหลังกลับมาแล้วไม่เหลือใคร ก็คงไม่ใช่ชีวิตที่เราต้องการ แอนอยากให้ผู้หญิงทุกคนกักเก็บมิตรภาพระหว่างทางเอาไว้ให้ดี เพราะบางครั้งความสำเร็จไม่ได้มาจากตัวเงินอย่างเดียว แต่คือความรักและความช่วยเหลือในวันที่เราต้องเจอกับปัญหา อันนั้นคือมูลค่าอย่างหนึ่ง ฉะนั้นแอนอยากแนะนำให้ทุกคนรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์และความสำเร็จที่กำลังหาอยู่ด้วย”
ความสง่างามและเรียบหรูดูโก้ของ Tory Burch สะท้อนความเป็น Smart Woman ที่ดูดีในทุกสถานการณ์ของแอนได้เป็นอย่างดี นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทว่าเป็นสไตล์ที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ ขณะที่รูปแบบการแต่งตัวในยุคปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย ผู้หญิงอีกไม่น้อยต่างเลือกสรรเสื้อผ้าที่มาพร้อมฟังก์ชั่น เช่นเดียวกับโลกแห่งความบันเทิงที่ความสวยงามต้องมาพร้อมกับเนื้อหาซึ่งตอบสนองรสนิยมผู้ชมอย่างลงตัว
“แอนว่าตอนนี้คนดูไม่ได้ต้องการดาราที่เป็นแค่ดารา แต่ต้องเป็นคนที่มีมุมมองทางวิชาชีพ สามารถทำให้คนดูติดตามต่อในโซเชียลมีเดียได้” เธอเล่าถึงภูมิทัศน์ในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “ทุกอาชีพต้องเป็นประโยชน์ต่อกัน แสงแห่งความเป็นดาราจะดึงดูดให้ตามดูแค่ความสวยความงามอย่างเดียวไม่ได้ เหมือนกับการแต่งตัวที่ต้องเล่าเรื่องใหม่ให้ได้ว่าแฟชั่นไม่ใช่แค่ความลักชัวรี่ แต่ต้องสะท้อนตัวตนออกมาจากการมิกซ์แอนด์แมตช์อย่างมั่นใจ และใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันได้” เธอขยายความต่อว่าผู้หญิงในแบบแอน ทองประสม คือคนทำงานที่มีแพสชั่น เธอมักจะแสดงออกให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่สบายๆ รักษาสมดุล สร้างพลังงานบวกให้กับคนที่ติดตามทั้งผลงานของเธอและตัวตนในโซเชียลมีเดีย
ตลอดการพูดคุยครั้งนี้ เธอเน้นย้ำถึงเรื่องการรักษาสมดุลให้กับชีวิตอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่าสิ่งนี้จะสร้างความสุขให้กับชีวิตของเธอในวัย 48 ปี อย่างน้อยก็เป็นภูมิต้านทานชั้นดีต่อความท้าทายใหม่ๆ ในวงการบันเทิงที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม “การเปลี่ยนแปลงในตอนนี้มันทำให้เราเหลือตัวนิดเดียวจากที่เคยยิ่งใหญ่ เราจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ภายในไม่กี่วัน” เธอนิ่งไปสักพักก่อนพูดประโยคนี้ออกมา และเล่าต่อว่าไม่รู้จะเริ่มพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้จากตรงไหน เลยเปรียบเปรยให้เห็นเป็นภาพว่าภูมิทัศน์ในวงการบันเทิงปัจจุบันช่างกว้างใหญ่แบบไร้ขอบเขต เสมือนต้องใช้ดาวเทียมส่องจากด้านบนเพื่อให้เห็นพื้นที่แห่งพลวัตทั้งหมด ยังไม่รวมความตื้นลึกซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และการเปิดใจเพื่อให้มองเห็นมิตินี้
“เวลาออกไปทำงานทุกวันนี้ เด็กทุกคนยกมือไหว้แอนหมดแล้ว ผู้กำกับบางคนอายุยี่สิบกว่า ถ้าเรายังมีอัตตา ไม่ฟังพวกเขา ไม่ยอมให้เขาเป็นผู้นำ หรือไม่ปรับตัว แอนก็จะโดนดีดทิ้งไปในวันหนึ่ง เพราะเขาเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนสังคมต่อไป ถ้าเราข้ามยุคมาได้และยังมีประโยชน์อยู่ เป็นระบบนิเวศอย่างหนึ่งที่จะอยู่กับพวกเขาได้ ก็ทำไปเถอะ ชีวิตมันจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็ได้เปิดประสบการณ์ตัวเองด้วย” ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในสัจธรรมชีวิตหรือเปล่า แต่ท่าทีของเธอที่ตอบออกมานั้นเต็มไปด้วยความสบายตัว และมองทุกอย่างด้วยความเข้าใจ
“ความท้าทายและความสุขของแอนตอนนี้คือการได้ทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ เหมือนตัวเองได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เปลี่ยนโจทย์ใหม่ๆ โดยกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ การคิดอ่านของพวกเขาทำให้แอนรู้สึกสนุก พวกเขาชัดเจนว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร แอนชอบอะไรแบบนี้ที่มันเคลียร์ ในฐานะที่เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก แอนอยากเล่นละครต่อ อยากท้าทายตัวเองในบทบาทของความเป็นผู้ใหญ่ จะเป็นนักแสดงนำอย่างไรให้คนยังดูเราอยู่ทั้งที่อายุเยอะแล้ว ใช้ความสามารถของตัวเองโดยให้คนดูสนใจแต่คอนเทนต์หรือกล้ามเนื้อทางการแสดงที่เรานำเสนอ แต่มันไม่ง่ายที่ใครจะลุกขึ้นมาทำ ก็ต้องอาศัยเด็กรุ่นใหม่นี่ล่ะที่เขาจะทลายกรอบบางอย่างลง นำเสนอพล็อตใหม่ๆ ผสมผสานคนหลายรุ่นเข้าไปด้วยกัน”
ดูเหมือนว่าการเกษียณหรือหยุดทำงานไม่เคยอยู่ในจินตนาการของผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าเราจะเห็นเธอเล่นละครน้อยลง แต่ทุกคนต่างรู้ดีกว่าเธอยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญของวงการบันเทิงไทยในฐานะโปรดิวเซอร์ เลยแอบสงสัยไม่ได้ว่าการทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
“ก่อนหน้านี้แอนทำงานเยอะมาก (เน้นเสียง) ตอนนี้แต่ละงานก็มีความห่างขึ้น แต่แอนเชื่อเรื่องความสม่ำเสมอ ต่อให้บางครั้งที่เราเหนื่อย ก็ต้องรักษาจังหวะตัวเอง แอนเชื่อเรื่องกฎของการแทนที่ เมื่อมีสิ่งหนึ่งหายไปจะมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมาทดแทนเสมอ ในวันที่เรายังมีงาน นั่นแปลว่ามีคนเห็นคุณค่าในตัวคุณ ถึงจะเหนื่อยก็ต้องทำเพราะเราต้องการจังหวะที่มันสม่ำเสมอ แอนจะบอกกับทุกคนว่าถ้าเมื่อไรมีคนมาชวนทำงานหรือไปเป็นทีมของเขา แสดงว่าเขามองเห็นประโยชน์ในตัวเรา ถ้าทำได้ รับทำไปเลย โอกาสมาแล้วทำเลย เพราะแอนเป็นคนได้โอกาสตั้งแต่วันแรก และนำพาตัวเองเข้าไปสู่จักรวาลตรงนั้น เราพาตัวเองไปพบเจอกับผู้คนที่อยู่รอบตัว มันไม่มีคำว่าโชคดีสำหรับแอน ทุกอย่างเป็นเพราะเรา”
“แอนอยากทำหนังหรือซีรีส์สั้นๆ เพราะเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำ” เธอเล่าอีกหนึ่งความฝันให้เราฟัง เป้าหมายเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ เพราะไม่ได้ทำเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น “อยากทำเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านหนังรักสักเรื่อง ถ่ายทำในจังหวัดเล็กๆ ให้คนดูได้เห็นความสวยงามและอยากมาเที่ยว แอนจะโปรโมตโลเคชั่น ส่งเสริมประเทศไทย ทำเท่าที่แรงในตอนนั้นจะทำได้ มูลค่าทั้งหมดที่แอนสั่งสมมายังช่วยคนอื่นได้อีกมาก อยากออกไปพบปะผู้คน และแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจในทุกๆ วันเลยค่ะ”
Photographer: Intrachai Watmakawan
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Makeup: Jeera Jareonthamasuk
Hair: Hairbykatemoss
Photographer Assistants: Chudchpong Aumponrat, Suratham Thepphasut
Stylist Assistant: Tisakorn Kunchornnok
Co-ordinator: Akeera Sasungnern