หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากภาพยนตร์ Dune ทั้ง Part 1 และ Part 2 ล่าสุด Timothée Chalamet นักแสดงหนุ่มอเมริกัน-ฝรั่งเศสวัย 28 ก็กำลังจะมีผลงานเรื่องใหม่ A Complete Unknown ซึ่งได้กำหนดฉายในอเมริกาแล้ว นั่นคือวันที่ 25 ธันวาคม 2024
ภาพยนตร์เรื่อง A Complete Unknown ซึ่งเริ่มถ่ายทำกันที่นิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์กันมาตั้งแต่ช่วงต้นปีบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของบ็อบ ดีแลน ศิลปินเพลงชื่อดังชาวอเมริกัน โดยนำเสนอชีวิตศิลปินในวัย 19 ซึ่งออกเดินทางจากมิเนสโซตามาตามหาความฝันที่นิวยอร์ก ไปจนถึงช่วงเทศกาลดนตรีโฟล์กที่กรีนนิช นิวพอร์ตในปี 1965 ซึ่งเขาได้สร้างปรากฏใหม่ให้กับวงการเพลงโฟล์กเมื่อเขาหันมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ Dylan Goes Electric ของ Elijah Wald ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2015 ส่วนชื่อเรื่อง A Complete Unknown นำมาจากท่อนหนึ่งของบทเพลงโฟล์กร็อก Like a Rolling Stone ของดีแลน
ในเทรเลอร์แรกที่เพิ่งปล่อยออกมา เราได้เห็นหนุ่ม ทิโมธีสวมบทบาทเป็นดีแลน ซึ่งเปิดฉากด้วยการแนะนำบ็อบ ดีแลนผ่านนักดนตรีโฟล์กชื่อดัง พีท ซีเกอร์ (รับบทโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) ซึ่งบรรยายถึงเขาด้วยคำพูดที่คลุมเครือ ตามด้วยเพลง “A Hard Rain’s A-gonna Fall” ของดีแลน ประกอบกับการแสดงบนเวทีของเขาและภาพชีวิตในการเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง (โดยได้ Elle Fanning มารับบท Sylvie Russo แฟนสาวศิลปิน และ Monica Barbaro รับบทนักร้องสาว Joan Baez) ก่อนจะจบด้วยย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของดีแลนที่มิเนสโซตา เมื่อเขาเล่นดนตรีให้กับครอบครัวได้ฟัง และบอกกับทุกคนว่า “ตอนนี้เล่นได้เท่านี้นะ”
ในเทรลเลอร์นี้ เรายังได้เห็นทิโมธีโชว์ความสามารถในการร้องเพลง A Hard Rain’s A-Gonna Fall ด้วยตัวเอง ซึ่งทำเอาแฟนๆ ของดีแลนที่ได้ฟังรู้สึกเซอร์ไพรส์มากๆ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีเบื้องหลังการถ่ายทำออกมา ก็มีคลิปที่ทิโมธีถ่ายทำฉากเล่นดนตรีโดยร้องสดคู่กับโมนิกาด้วย
“มันน่าทึ่งมากสำหรับวัฒนธรรมอเมริกัน และเรื่องราวของบ็อบ ดีแลน หนุ่มวัย 19 ที่เดินทางมานิวยอร์ก พร้อมเงินแค่ 12 ดอลลาร์ในกระเป๋า ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกได้ภายในสามปี โดยเริ่มจากการได้รับการยอมรับเข้าสู่วงการดนตรีโฟล์กในนิวยอร์ก แล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจนกลายเป็นศูนย์กลางของวงการเพลง” แมนโกลด์ ผู้กำกับซึ่งได้มีโอกาสพบกับดีแลนในวัย 83 ปีกล่าว
เขายังได้เล่าผ่านสื่อ The Rolling Stone ถึงตอนที่เขาอธิบายให้ดีแลนตัวจริงฟังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร… “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่สำลักความตายในมินนิโซตา และทิ้งเพื่อนและครอบครัวของเขาทั้งหมดไว้ข้างหลัง และสร้างสรรค์ตัวเองใหม่ในสถานที่ใหม่ ได้เพื่อนใหม่ สร้างครอบครัวใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ เริ่มสำลักตายอีกครั้ง แล้วก็หนีไป” โกลด์แมนบอกว่ามันไม่ใช่การเล่ารื่องแบบตรงๆ แต่เขาเลือกที่จะกระเทาะตัวตนและสิ่งที่มีอิทธิพลต่อตำนานเพลงโฟล์กคนนี้
ผู้กำกับยังเล่าด้วยว่าทิโมธีแสดงได้เก่งมาก โดยเฉพาะในการแสดงสด “หากทิมมี่กล้าพอที่จะแสดงและเปิดเปลือยอารมณ์ และกระโจนลงไปในฉากนั้น ผมก็ควรจะกล้าพอที่จะยืนหลังกล้องและถ่ายมันไว้ และทิมมี่ถือเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญในเรื่องนี้ เขาอยากมีส่วนมากๆ และเราก็เตรียมการถ่ายทำกันหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะต้องเจอกับโควิดด้วย แต่มันก็หมายความว่าช่วงเวลานั้นทิมมี่ได้บ่มเพาะตัวเองในฐานะนักดนตรีอย่างแท้จริง”
ทิโมธี ชาลาเมต์นั้นถือเป็นนักแสดงเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีความสามารถรอบด้าน ก่อนจะได้สวมบทบาทตำนานเพลงโฟล์กในครั้งนี้ เขาได้โชว์ความสามารถในการสวมบทบาทที่แตกต่างในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาแสดง ทั้งการแสดงเป็นตัวเอกในบท พอล อะเทรดีส ในสุดยอดภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Dune ทั้งสองภาค และวิลลี่ วองก้า ในภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่อง Wonka รวมถึงบทบาทสยองขวัญในภาพยนตร์เรื่อง Bones and All และบทชายหนุ่มติดยาใน Beautiful Boy และบทบาทที่แจ้งเกิดให้กับเขาอย่าง เอลิโอ เพิลแมน ใน Call Me By Your Name ซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 80 ปีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และล่าสุด ยังมีข่าวออกมาจากจากค่าย A24 ว่าเขาจะรับบทในภาพยนตร์ชีวประวัตินักปิงปองเรื่อง Marty Supreme ด้วย
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
เบื้องหลังการถ่ายทำของ Timothée Chalamet เเละ Elle Fanning ของภาพยนตร์เรื่อง ‘A Complete Unknown’