Saturday, October 12, 2024

เทรเลอร์แรก! Timothée Chalamet สวมบทเป็นบ็อบ ดีแลน ตำนานเพลงโฟล์ก

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากภาพยนตร์ Dune ทั้ง Part 1 และ Part 2 ล่าสุด  Timothée Chalamet นักแสดงหนุ่มอเมริกัน-ฝรั่งเศสวัย 28 ก็กำลังจะมีผลงานเรื่องใหม่ A  Complete Unknown ซึ่งได้กำหนดฉายในอเมริกาแล้ว นั่นคือวันที่ 25 ธันวาคม 2024 

ภาพยนตร์เรื่อง A Complete Unknown ซึ่งเริ่มถ่ายทำกันที่นิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์กันมาตั้งแต่ช่วงต้นปีบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของบ็อบ ดีแลน ศิลปินเพลงชื่อดังชาวอเมริกัน โดยนำเสนอชีวิตศิลปินในวัย 19 ซึ่งออกเดินทางจากมิเนสโซตามาตามหาความฝันที่นิวยอร์ก  ไปจนถึงช่วงเทศกาลดนตรีโฟล์กที่กรีนนิช นิวพอร์ตในปี 1965 ซึ่งเขาได้สร้างปรากฏใหม่ให้กับวงการเพลงโฟล์กเมื่อเขาหันมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ Dylan Goes Electric ของ Elijah Wald ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2015 ส่วนชื่อเรื่อง A Complete Unknown นำมาจากท่อนหนึ่งของบทเพลงโฟล์กร็อก Like a Rolling Stone ของดีแลน 

ในเทรเลอร์แรกที่เพิ่งปล่อยออกมา เราได้เห็นหนุ่ม ทิโมธีสวมบทบาทเป็นดีแลน ซึ่งเปิดฉากด้วยการแนะนำบ็อบ ดีแลนผ่านนักดนตรีโฟล์กชื่อดัง พีท ซีเกอร์ (รับบทโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) ซึ่งบรรยายถึงเขาด้วยคำพูดที่คลุมเครือ ตามด้วยเพลง “A Hard Rain’s A-gonna Fall” ของดีแลน ประกอบกับการแสดงบนเวทีของเขาและภาพชีวิตในการเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง (โดยได้ Elle Fanning มารับบท Sylvie Russo แฟนสาวศิลปิน และ Monica Barbaro รับบทนักร้องสาว Joan Baez) ก่อนจะจบด้วยย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของดีแลนที่มิเนสโซตา เมื่อเขาเล่นดนตรีให้กับครอบครัวได้ฟัง และบอกกับทุกคนว่า  “ตอนนี้เล่นได้เท่านี้นะ”

ในเทรลเลอร์นี้ เรายังได้เห็นทิโมธีโชว์ความสามารถในการร้องเพลง A Hard Rain’s A-Gonna Fall ด้วยตัวเอง ซึ่งทำเอาแฟนๆ ของดีแลนที่ได้ฟังรู้สึกเซอร์ไพรส์มากๆ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีเบื้องหลังการถ่ายทำออกมา ก็มีคลิปที่ทิโมธีถ่ายทำฉากเล่นดนตรีโดยร้องสดคู่กับโมนิกาด้วย

“มันน่าทึ่งมากสำหรับวัฒนธรรมอเมริกัน และเรื่องราวของบ็อบ ดีแลน หนุ่มวัย 19 ที่เดินทางมานิวยอร์ก พร้อมเงินแค่ 12 ดอลลาร์ในกระเป๋า ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกได้ภายในสามปี โดยเริ่มจากการได้รับการยอมรับเข้าสู่วงการดนตรีโฟล์กในนิวยอร์ก แล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจนกลายเป็นศูนย์กลางของวงการเพลง” แมนโกลด์ ผู้กำกับซึ่งได้มีโอกาสพบกับดีแลนในวัย 83 ปีกล่าว

เขายังได้เล่าผ่านสื่อ The Rolling Stone ถึงตอนที่เขาอธิบายให้ดีแลนตัวจริงฟังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร… “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่สำลักความตายในมินนิโซตา และทิ้งเพื่อนและครอบครัวของเขาทั้งหมดไว้ข้างหลัง และสร้างสรรค์ตัวเองใหม่ในสถานที่ใหม่ ได้เพื่อนใหม่ สร้างครอบครัวใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ เริ่มสำลักตายอีกครั้ง แล้วก็หนีไป” โกลด์แมนบอกว่ามันไม่ใช่การเล่ารื่องแบบตรงๆ แต่เขาเลือกที่จะกระเทาะตัวตนและสิ่งที่มีอิทธิพลต่อตำนานเพลงโฟล์กคนนี้

ผู้กำกับยังเล่าด้วยว่าทิโมธีแสดงได้เก่งมาก โดยเฉพาะในการแสดงสด “หากทิมมี่กล้าพอที่จะแสดงและเปิดเปลือยอารมณ์ และกระโจนลงไปในฉากนั้น ผมก็ควรจะกล้าพอที่จะยืนหลังกล้องและถ่ายมันไว้  และทิมมี่ถือเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญในเรื่องนี้ เขาอยากมีส่วนมากๆ  และเราก็เตรียมการถ่ายทำกันหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะต้องเจอกับโควิดด้วย  แต่มันก็หมายความว่าช่วงเวลานั้นทิมมี่ได้บ่มเพาะตัวเองในฐานะนักดนตรีอย่างแท้จริง”

ทิโมธี ชาลาเมต์นั้นถือเป็นนักแสดงเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีความสามารถรอบด้าน ก่อนจะได้สวมบทบาทตำนานเพลงโฟล์กในครั้งนี้  เขาได้โชว์ความสามารถในการสวมบทบาทที่แตกต่างในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาแสดง ทั้งการแสดงเป็นตัวเอกในบท พอล อะเทรดีส ในสุดยอดภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Dune ทั้งสองภาค และวิลลี่ วองก้า ในภาพยนตร์​มิวสิคัลเรื่อง Wonka รวมถึงบทบาทสยองขวัญในภาพยนตร์เรื่อง Bones and All และบทชายหนุ่มติดยาใน Beautiful Boy และบทบาทที่แจ้งเกิดให้กับเขาอย่าง เอลิโอ เพิลแมน ใน Call Me By Your Name ซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 80 ปีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์  และล่าสุด ยังมีข่าวออกมาจากจากค่าย A24 ว่าเขาจะรับบทในภาพยนตร์ชีวประวัตินักปิงปองเรื่อง Marty Supreme ด้วย

บทความอื่นที่น่าสนใจ:

เบื้องหลังการถ่ายทำของ Timothée Chalamet เเละ Elle Fanning ของภาพยนตร์เรื่อง ‘A Complete Unknown’

Other Articles