Gorn: คร็อปแจ๊กเก็ตแขนกุดสีขาวกระดุมสองแถว กางเกงขายาวสีขาว ทั้งหมดจาก DOLCE & GABBANA
Kim: แจ๊กเก็ตและกางเกงขายาวผ้าทอสีออฟไวท์ ทั้งหมดจาก LORO PIANA
Gun: แจ๊กเก็ตผ้าทอสีออฟไวท์ กางเกงขากว้างสีเบจ ทั้งหมดจาก LORO PIANA
Onglee: เสื้อโค้ตยาวสีนู้ด เวสต์ตกแต่งกระเป๋าสไตล์ utility เสื้อเชิ้ตแขนยาวคอปกสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ ถุงเท้าสีดำ รองเท้าหนังสีดำ ทั้งหมดจาก PRADA
Victor: เสื้อเทรนช์โค้ตสีเบจและสีน้ำตาล จาก ROKH X H&M เสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าบู๊ตหนังสีดำ ทั้งหมดจาก H&M
Writer: Nannaphat Moonming
ในวันที่วงการ T-POP กำลังคึกคักและเติบโตอย่างเต็มที่ ชั่วโมงนี้คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก PROXIE (พร็อกซี่) บอยกรุ๊ปจาก bROTHERS Music ภายใต้ความดูแลของติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี นอกจากเพลงฮิตติดหูที่ถูกนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องจนแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่พวกเขาห่างหายไปจากหน้าสื่อ ความร้อนแรงของหนุ่มๆ ยังได้รับการการันตีด้วยรางวัลบอยแบนด์แห่งปีมาหมาดๆ ด้วยอายุวงเพียงสองปีเท่านั้น
เพลงของพร็อกซี่มีความโดดเด่นและกลิ่นอายทางดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยความเป็นเรโทรที่หยิบเอาแนวเพลงดิสโก้มาผสมผสานกับซาวด์ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยขึ้นทั้งแทร็ป ฟังกี้ โซล รวมถึงอาร์แอนด์บี ผนวกกับเนื้อร้องที่ถูกเขียนและถ่ายทอดอย่างละเมียดละไม สะท้อนตัวตนความเป็นวงออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้คนฟังมีภาพจำที่ค่อนข้างชัดเจนต่อพวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ความเป็นบอยกรุ๊ปก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างที่อาจทำให้สมาชิกแต่ละคนไม่สามารถนำเสนอความสนใจของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่นัก ทว่าการมาถึงของ PROXIE Solo Project โปรเจ็กต์ที่นำเสนอผลงานเพลงเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคน ภายใต้การโปรดิวซ์ของเจนพัฒน์ มนตรีเลิศรัศมี จึงเป็นเสมือนประตูหกบานที่ชวนให้ผู้ฟังเปิดเข้าไปสำรวจและทำความรู้จักกับตัวตนและสีสันที่ชัดเจนขึ้นของโชกุน-ปวริศร์ ศรีชัยชนะ, กัน-รัชชานนท์ เรือนเพ็ชร์, กร วรรณไพโรจน์, คิม-ปัณณธร จิรศาสตร์, อองรี-ออสการ์ เอ็ดเวิร์ด วัตราเศรษฐ์ และวิคเตอร์-วรเมธ กอนุประพันธ์
เช่นเดียวกับบทสัมภาษณ์จาก L’Officiel Thailand ที่จะชวนคุณผู้อ่านมาทำความรู้จัก 6 ความแตกต่างที่ลงตัว ความชอบในฐานะปัจเจก รวมถึงเป้าหมายระยะยาวที่พวกเขามีร่วมกัน
กร
การต้องสวมหมวกสองใบทั้งการเรียนหมอและการเป็นไอดอล กรได้เรียนรู้อะไรบ้าง
“คงเป็นเรื่องการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต ด้วยเวลาในแต่ละวันที่จำกัด เราต้องประเมินตัวเองและเลือกว่าจะให้ความสำคัญอะไรมาก่อน ในจุดที่ต้องตัดสินใจก็ทำให้กรได้เรียนรู้ว่าในชีวิตเราไม่มีอะไรฟรี บางทีเราต้องเสียสละบางอย่างเพื่อบางอย่าง ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่สำคัญมากๆ”
สเตจประทับใจในความทรงจำ
“ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้กรยังไม่ชินและตื่นเต้นกับทุกสเตจเลยครับ อาจจะเพราะเราพยายามหาโชว์ใหม่ๆ เพื่อมาเล่นในเฟสติวัลต่างๆ เลยยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าให้เลือกหนึ่งสเตจขอยกให้คอนเสิร์ตเดี่ยวของพวกเรา PROXIE The 1st Concert ‘ACCESS’ เป็นหนึ่งในไมล์สโตนสำคัญของวงเราปีที่แล้ว สำหรับกรมันเร็วมากๆ ด้วยอายุของวงและประสบการณ์การทำงานของเรา แต่เพราะมีทุกๆ คน ทั้งผู้ใหญ่ทางค่ายที่มอบโอกาส และแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุน ทำให้ความฝันนี้เป็นจริงขึ้นมาได้”
ความสนุกของ PROXIE Solo Project และสีสันใหม่ๆ จากกร
“โปรเจ็กต์โซโล่ครั้งนี้คือการเปิดประตูไปสู่โลกของพร็อกซี่ แต่ละคนมีความชอบที่แตกแขนงกันออกไป เพลงโซโล่ของกรอย่าง Someone Someday เป็นเพลงสไตล์ซิตี้ป็อปที่ทั้งดนตรีและเนื้อหามีความน่ารักมากๆ โดยเริ่มมาจากคำถามที่ตอนเด็กๆ คนจะชอบถามเราว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เพลงนี้ก็เป็นเหมือนคำตอบว่า เราอยากเป็น Someone ของเธอใน Someday ครับ (หัวเราะ) เหมือนมุก ‘เรียนแพทย์ได้เป็นหมอ แล้วเรียนอะไรหนอจะได้เป็นแฟนเธอ’”
สองปีมานี้ PROXIE ได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานใหม่ๆ มากมาย ทั้งการได้ร่วมเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ หลายเวที ล่าสุดยังไปร่วมโชว์ในงาน Superball presents T-POP Showcase Tokyo 2024 ที่ญี่ปุ่น กรตั้งเป้าหมายอะไรไว้ในอนาคตบ้าง
“ผมมองเป้าหมายแยกกันตลอดทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในระยะยาวพร็อกซี่ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าเราอยากจะพาสิ่งที่พวกเราทำออกไปข้างนอกประเทศให้ได้จริงๆ แบบที่ไม่ใช่แค่การได้ไปแสดงแล้วจบไป เหมือนกันกับ K-POP ที่มีลักษณะพิเศษ ปัจจัยบางอย่างที่ทำให้คนหลงรักได้ขนาดนั้น กรเชื่อว่า T-POP เองก็สามารถทำอย่างนั้นได้ แต่อาจจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายเพื่อขับเคลื่อนตรงนี้ไปพร้อมๆ กัน เพื่อผลักดันเพลงไทยไปสู่สากลครับ”
คิม
ในฐานะพี่ชายคนรองของวง มองความสัมพันธ์ของเรากับน้องๆ เป็นอย่างไรบ้าง
“ถึงจะเป็นพี่รองของวงที่อายุไล่เลี่ยกับพี่กัน แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเราครับ ไม่ได้รู้สึกว่าอายุเป็นปัญหาเลย เพราะทั้งผมและพี่กันพยายามวางตัวเป็นกันเองกับน้องๆ ไม่ให้เข้าถึงยากเกินไป ผมอาจจะแซวหรือหยอกล้อกับพี่กันได้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะด้วยวัยที่ใกล้กัน แต่พวกเราทุกคนก็สนิทกันมากๆ”
ตัวตนของคิม–ปัณณธร
“หลายคนถ้าไม่รู้จักผม มองจากภายนอกอาจจะคิดว่าผมหยิ่ง ด้วยความที่หน้าเราเต้าหู้ ดูไร้อารมณ์ แต่พอได้มารู้จักแล้วจะเข้าใจว่าเราไม่ได้หยิ่งเลย ผมค่อนข้างมีความเป็นเอ็กโทรเวิร์ต ชอบคุย ชอบทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ แม้แต่เวลาเล่นเกม ถ้าเป็นเกมที่สามารถเล่นกันหลายคนได้ ผมจะต้องเล่นกับเพื่อนเท่านั้นครับ ถ้าต้องเล่นคนเดียว ผมยอมไม่เล่นดีกว่า (หัวเราะ) แต่ถ้าเมื่อไหร่อยู่คนเดียวก็จะกลายเป็นคนพูดน้อย เพราะส่วนใหญ่เราจะใช้พลังงานไปกับการเข้าสังคมหมดแล้ว”
PROXIE ไม่มีการกำหนดตำแหน่งในวงตายตัว ถ้าให้ตั้งชื่อตำแหน่งของตัวเองได้ คิดว่าเราเป็นตำแหน่งอะไรของวง
“ตำแหน่งเจ้าระเบียบครับ มีความเป็นพ่อบ้านคิม เพราะผมชอบให้ทุกอย่างอยู่เป็นที่เป็นทางและเป็นระเบียบ ถ้ามีตรงไหนที่พวกเราอยู่กันแล้วมันรกมากๆ บางทีผมจะเป็นคนคอยจัดข้าวจัดของ รอให้เด็กๆ มาทำลายให้มันรกอีกรอบ แล้วก็ค่อยจัดใหม่ (หัวเราะ)”
ช่วงนี้ได้มีโอกาสออกไปพบปะ User บนสเตจใหญ่หลายเวทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทางวงได้มีการพูดคุยหรือเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษในการทำโชว์หรือเพอร์ฟอร์แมนซ์เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกใหม่ๆ ผ่านสเตจ
“พวกเราเตรียมโชว์ใหม่ๆ กันอยู่ตลอดเลยครับ ยิ่งถ้าเป็นโอกาสพิเศษ เช่นเทศกาลดนตรีหรืองานประกาศรางวัลต่างๆ เราจะพยายามหาสิ่งแปลกใหม่ ออกไอเดียร่วมกันว่าท่อนไหนสามารถปรับเปลี่ยนให้แตกต่างจากปกติได้บ้าง อาจจะเป็นการลำดับเพลงใหม่ มีท่อน Dance Break มาเพิ่ม ทำดนตรีใหม่ เพื่อโชว์ให้แฟนๆ ได้เห็นสีสันใหม่ๆ และสนุกไปกับโชว์ของพวกเรา”
โมเมนต์ไหนที่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งที่สุดนับตั้งแต่เดบิวต์มาจนวันนี้
“ผมคิดว่าน่าจะมีคนตอบคล้ายๆ กันนี้ไปแล้ว สำหรับคิมขอยกให้คอนเสิร์ต PROXIE The 1st Concert ‘ACCESS’ ของพวกเราครับ”
ในอนาคตแฟนๆ จะได้เห็นแง่มุมหรือแนวเพลงแบบไหนในผลงานโซโล่ของคิม ขอคำใบ้สั้นๆ
“ด้วยความที่เราเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ประจำวง คีย์เวิร์ดของคิมคือคำว่า ‘ร้องตาม’ ครับ คิดว่าเป็นเพลงที่ทุกคนจะอยากมีส่วนร่วมไปกับเพลงนี้แน่นอนครับ”
อองรี
ชีวิตวัยเด็กของเด็กชายอองรี
“ตอนเด็กๆ ผมเล่นกีฬาเยอะมาก แทบทุกประเภท และค่อนข้างเป็นเด็กเงียบครับ อินโทรเวิร์ต ไม่กล้าคุยกับคนที่ไม่รู้จัก อีกอย่างคือเป็นคนชอบเก็บโมเมนต์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเอาไว้เป็นวิดีโอ เพื่อจะได้มาดูย้อนหลังว่าเราเคยเป็นยังไงตอนอายุเท่านั้น ผมจะชอบถ่ายคลิปตอนแกะของขวัญที่ตัวเองได้และอัพลงยูทูบ พอย้อนกลับมาดูรีแอ็กชั่นของตัวเองแล้วก็รู้สึกสนุกดีครับ”
ซึ่งการทำยูทูบทำให้เราค้นพบตัวเองด้วยไหมว่าอยากเข้ามาทำงานในวงการ
“คิดว่าไม่เกี่ยวนะครับ แค่มันทำให้เราพูดเก่งขึ้น แต่จุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณแม่เป็นแฟนคลับ Rain เราเลยมีโอกาสได้ดูสเตจของเขาตั้งแต่เด็ก และรู้สึกว่าอยากจะทำอย่างนั้นบ้าง อยากลองขึ้นไปอยู่บนเวที พอเริ่มโตและมีโอกาสเข้ามาออดิชั่น มาลองทำงานตรงนี้จริงๆ แล้วความฝันของเราก็กลายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าอยากจะเป็นศิลปิน”
ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมาการเป็น PROXIE ให้อะไรกับเราบ้าง
“น่าจะเป็นเรื่องความอดทนครับ เมื่อก่อนผมเป็นคนที่เครียดง่ายมาก เวลาเจอเรื่องอะไรเข้ามากระทบก็จะเครียดและกังวลได้ง่าย แต่การทำงานและเติบโตกับพร็อกซี่ รวมทั้งค่าย ทีมงาน ทุกคนช่วยสอนเราเยอะมากๆ ทำให้รู้สึกว่าสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาต่างๆ จากภายนอกที่เข้ามาได้ดีขึ้น มีมุมมองและหาวิธีในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น”
ใบ้หน่อยว่าในอนาคตแฟนๆ จะได้เห็นแง่มุมหรือแนวเพลงแบบไหนในผลงานโซโล่ของเรา
“ผลงานของผมจะมีความเป็นร็อกนิดๆ ครับ ถ้าให้ใบ้หนึ่งคำคงเป็นคำว่า ‘จี๊ด’ แต่จะจี๊ดยังไงต้องรอติดตามครับ”
อะไรที่ชุบชูใจอองรีในวัย 20 ได้ดีที่สุด
“สำหรับผมคือการได้ออกมาทำงานทุกๆ วันนี่แหละครับ มันคือการได้ออกมาเจอเพื่อนๆ เจอแฟนๆ เราได้ทำงานด้วยกัน สร้างความทรงจำไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะมีความเหนื่อยบ้างแต่ก็เป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีมาก”
ถ้าให้ลองเปลี่ยนเป็นสมาชิกคนใดคนหนึ่งในวงได้หนึ่งวัน อยากจะลองเป็นใคร
“วิคเตอร์ครับ ผมรู้สึกว่าไลฟ์สไตล์และความคิดของวิคเตอร์ค่อนข้างมีความเป็นปรัชญา เขามีความสนใจที่เจ๋งมากและบางทีตัวผมเองก็เข้าไม่ถึง เช่น วิคเตอร์จะชอบเก้าอี้มาก เห็นแล้วจะสามารถอธิบายได้เลยว่าเก้าอี้แบบนี้ดีไซน์ยังไง ทำมาจากวัสดุอะไร ซึ่งเจ๋งมากเลยครับ ถ้าผมเป็นวิคเตอร์แล้วมีองค์ความรู้แบบนี้เป็นของตัวเอง มันคงจะเจ๋งมากๆ (ยิ้ม)”
วิคเตอร์
อายุของวิคเตอร์ห่างกับพี่ที่โตสุดในวงถึงแปดปี สิ่งนี้เป็นปัญหากับเราไหม
“ที่จริงต้องบอกว่าถึงพี่กันจะโตในด้านการทำงาน แต่ความสนใจของพี่กันค่อนข้างเด็ก เขายังคงชอบโมเดล ชอบการ์ตูน ซึ่งไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ไกลตัวเรามากขนาดนั้น พี่ๆ ในวงทั้งพี่คิมและพี่กันจะมีวิธีเข้าหาผมในแบบที่ไม่ได้จริงจังจนเกินไป ทำให้เราสามารถคุยกับพี่ๆ ได้แทบจะทุกอย่าง ผมเรียนรู้อะไรจากพี่กันเยอะเลยครับเพราะเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในวงการมามากที่สุด เขาร้องเพลงเก่ง เต้นเก่ง แร็ปเก่ง ทักษะทุกอย่างครบเครื่อง ผมเองไม่ค่อยมีพื้นฐานการร้องมาก่อนก็จะขอคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ ว่าควรร้องในช่องเสียงแบบไหน ให้พี่กันช่วยสอนครับ”
ในชั่วโมงที่ T-POP กำลังมาแรงถึงขีดสุด ท่ามกลางแสงสปอตไลต์และผู้ชมที่จับจ้องตลอดเวลา วิคเตอร์เคยมีช่วงเวลาไหนที่รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองไหม
“จริงๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาทำงานตรงนี้ ผมย้ำเตือนตัวเองมาตั้งแต่แรกเลยว่าจงเป็นตัวเองให้มากที่สุด เพราะในท้ายที่สุดผมไม่ได้อยากจะเป็นศิลปินที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ผมรู้สึกว่าเสน่ห์ของคนเราอยู่ที่ความแตกต่างหลากหลาย และความไม่เพอร์เฟ็กต์นี่แหละครับ เลยอยากจะแสดงตัวตนออกไปให้เต็มที่ เติบโตไปเรื่อยๆ ตามวันเวลา และผมคิดว่าแฟนคลับที่ชอบตัวตนความเป็นเราก็น่าจะสนุกที่ได้เติบโตไปพร้อมๆ กับผมเช่นกัน”
อะไรที่อยู่ในความสนใจของวิคเตอร์
“ผมคลั่งใคล้ใน Aesthetic (สุนทรียศาสตร์) มากๆ ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณสองสามปีผมเคยอินกับแฟชั่นการแต่งตัว ชอบแต่งตัวแบบเวอร์ๆ อยากจะดูเท่ โดดเด่นที่สุดในชั้นเรียน แต่ช่วงหลังมานี้ขอบเขตของสุนทรียะสำหรับผมมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นการทำกิจกรรม หาความรู้ การทุ่มเทตั้งใจกับอะไรบางอย่าง ซึ่งผมมองว่ามันน่าหลงใหลกว่า”
ถ้าให้เปรียบชีวิตของเราเป็นหนังหรือการ์ตูน คิดว่าตัวเองเหมือนตัวละครไหนจากการ์ตูนหรือหนังเรื่องอะไร
“ผมคิดว่าตัวเองเหมือน ‘โป’ จากกังฟูแพนด้าครับ เพราะอยู่ดีๆ โปก็ได้รับโอกาส จากแพนด้าที่ช่วยพ่อขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ดีๆ ก็ได้กลายมาเป็นผู้ถูกเลือกและได้เป็นนักรบมังกร เหมือนผมที่ได้รับโอกาสและสุดท้ายมาลงเอยในฐานะศิลปิน ทั้งที่เป็นคนขี้อายและพูดไม่เก่งเลย”
แฟนๆ จะได้เห็นแง่มุมหรือแนวเพลงแบบไหนในผลงานโซโล่ของเรา ขอคำใบ้สั้นๆ
“‘เยอะ’ ครับ คำใบ้สั้นๆ ของผม (หัวเราะ)”
กัน
เล่าถึง ‘คนในใจ My Only One’ เพลงซึ้งๆ ใน PROXIE Solo Project ของกัน
“เป็นเพลงช้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนเพลงประกอบละครครับ พี่ปู๋-ปิยวัฒน์ มีเครือ (วง Hens) มาเขียนเนื้อร้องให้ จากคีย์เวิร์ดแรกเริ่มที่ขอพี่ปู๋ไปคือกันอยากให้มีคำว่า ‘มหาสมุทร’ อยู่ในนั้น โดยเนื้อหาในเพลงบอกเล่าว่าต่อให้เราต้องดำน้ำข้ามมหาสมุทรเพื่อไปเจอคนที่เรารัก เราก็ยอมลำบากได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ไปเจอกับคนในใจ คนเดียวคนนั้นของเรา ซึ่งเพลงก็ออกมาตรงใจกันมากๆ ครับ”
กันเคยเดบิวต์มาแล้วก่อนที่จะมาร่วมรายการ The Brother และเดบิวต์เป็น PROXIE ระยะเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ถ้าเปรียบตัวเองกับภูเขาน้ำแข็งคิดว่าเราแสดงตัวตนออกมามากน้อยแค่ไหนแล้ว
“ผมมีความคิดว่าคนเราไม่สามารถเป็นตัวเองได้เต็มร้อยตลอดเวลาอยู่แล้วในการทำงานหรืออยู่ร่วมกับคนอื่น ด้วยกาลเทศะ หรือคนที่เราอยู่ด้วย แต่ถ้าพูดถึงตัวกัน นับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้แฟนๆ น่าจะเห็นตัวตนของกันได้ค่อนข้างชัดเจนมากๆ ครับ ถ้าเปรียบกับภูเขาน้ำแข็งก็น่าจะเป็นภูเขาทั้งลูกแล้วนะครับ ไม่ใช่แค่ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็ง”
นอกจากการดูแลน้องทุกคน กันมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้างในช่วงเวลาที่มีหลายอย่างให้ต้องคิด
“หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อจะได้พร้อมเต็มที่ในการทำงานครับ กันจะวางแผนกิจกรรมในแต่ละวันที่ต้องทำแบบละเอียดเลยว่าวันนี้ต้องไปทำอะไรบ้าง มีอะไรที่ต้องโฟกัสเป็นพิเศษไหม เสร็จภารกิจแล้วถ้ามีเวลาเหลือและไม่เหนื่อยมากอาจจะแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย ในขณะเดียวกันถ้าระหว่างวันมีเวลาว่างก็อาจจะมีกิจกรรมกับเมมเบอร์ในวง คุยเล่นกัน นัดกันกินข้าวบ้าง”
อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้สมาชิกทุกคนสนิทสนมและรู้ใจกันมากขนาดนี้
“ผมพยายามทำตัวให้เด็กลงเพื่อเล่นกับน้องๆ ครับ ด้วยความที่เคยอยู่ในฐานะน้องเล็กของวงมาก่อนและห่างจากพี่ๆ ในวงประมาณ 7-8 ปีเหมือนกัน ทำให้เข้าใจมุมมองและเข้าหาน้องๆ แต่ละคนได้ง่ายขึ้น ผมพยายามเรียนรู้ธรรมชาติของน้องแต่ละคนด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าเราควรจะพูดคุยหรือดูแลแต่ละคนแบบไหนครับ”
โมเมนต์อะไรที่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งที่สุดในฐานะ ‘กัน PROXIE’
“ผมยกให้คอนเสิร์ต PROXIE The 1st Concert ‘ACCESS’ การมีคอนเสิร์ตเป็นความฝันของพวกเรามาตลอดครับ ตอนแรกแอบกังวลเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีแฟนๆ ให้การสนับสนุนเยอะขนาดนี้ แต่สุดท้ายพอบัตรขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง เลยเป็นความรู้สึกขอบคุณที่แฟนๆ อยากมาชมคอนเสิร์ตของพวกเรา ผมตื้นตันมากตั้งแต่รอบซ้อม จนพอถึงวันจริงก็ร้องไห้ด้วยครับ เพราะรู้สึกขอบคุณทุกคนจากใจจริงๆ”
โชกุน
เล่าถึงผลงานโซโล่ ‘ชอบไหม (ไหนลองบอก)’ ให้ฟังหน่อย
“เพลงนี้เป็นผลงานที่มีตัวตนความเป็นโชกุนแบบชัดเจนมากๆ ด้วยความที่เราใช้เวลากับมันตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มแต่งเพลงจนถึงงานเสร็จ เลยรู้สึกว่างานชิ้นนี้สะท้อนทั้งตัวตน เสน่ห์ และความชอบของเราเอาไว้ได้ครบถ้วนมากๆ ครับ”
การเป็นคนแรกของวงที่นำเสนอผลงานโซโล่ สร้างความกดดันหรือรู้สึกท้าทายเราอย่างไรบ้าง
“ตื่นเต้นและค่อนข้างกดดันนิดหน่อย อยากจะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ตั้งแต่เนื้อเพลง เนื้อหาและคอนเซ็ปต์มิวสิกวิดีโอ ไปจนถึงขั้นตอนการอัดเสียง ซ้อมเต้น เราเต็มที่มากๆ กับทุกขั้นตอนเลย อย่างมิวสิกวิดีโอมีฉากหนึ่งที่ต้องเต้นอยู่กลางวงไฟ เราค่อนข้างกลัวว่ามันจะระเบิดใส่ขาไหม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องแอ็กติ้งมั่นใจ ไม่กลัว ด้วยแอตติจูดว่าไฟคือตัวแทนความร้อนแรง ความเซ็กซี่ของเรา แต่ในใจคืออย่าระเบิด อย่าตู้มต้ามนะ (หัวเราะ)”
PROXIE เปลี่ยนชีวิตของโชกุนไปอย่างไรบ้าง
“มากๆ ครับ จากเดิมที่ไม่ได้เป็นคนแอ็กทีฟอะไรมากมาย เรียนเสร็จกลับบ้านมาก็นอน ใช้ชีวิตสนุกๆ ไปเรื่อย แต่พอมาอยู่ตรงนี้ทำให้มีความตื่นตัวขึ้น สลัดความขี้เกียจออกไปได้เยอะ กลายเป็นคนที่เห็นภาพในอนาคตของตัวเองชัด มีแพสชั่นในการทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่เราชอบออกมาให้ทุกคนเห็น ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนภูมิใจในตัวกุนที่เป็นแบบนี้มากๆ เช่นเดียวกับที่กุนก็ภูมิใจในตัวเองมากเหมือนกันครับ”
User คอยให้การสนับสนุนวงอย่างอบอุ่น เรียกว่าอยู่เคียงข้างตั้งแต่ก่อนจะเดบิวต์ มีเหตุการณ์ไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษไหม
“ความประทับใจของกุนคือทุกครั้งที่พวกเราออกเพลงใหม่ แฟนๆ จะฝึกร้องเพลงและแฟนชานท์อย่างเต็มที่มาโดยตลอด แถมร้องเสียงดังมากๆ ทุกครั้งกุนอยากจะถอดอินเอียร์ออกมาฟังเลยครับ ภูมิใจมากๆ ที่เพลงของพวกเรามีทุกคนมาร่วมร้องร่วมเชียร์ไปด้วยกัน ส่งกำลังใจมาถึงเวที ช่วยเติมเต็มความรู้สึกดีๆ ให้กับพวกเราทั้งหกคนมากครับ”
วางเป้าหมายต่อไปในฐานะ PROXIE ไว้อย่างไร
“อยากให้คนต่างชาติได้รู้ว่า T-POP ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก อยากให้ทุกคนได้สัมผัสกลิ่นอายดนตรีที่แทรกความเป็นไทย อย่างในเพลง ตบปาก ที่พี่แอ้ม (อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์) แต่งก็จะมีชุดเมโลดี้ที่มีเสน่ห์ความเป็นไทยอยู่ อยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักและเห็นเอกลักษณ์ทางดนตรีที่น่าสนใจของเพลงไทย อีกอย่างคืออยากมีเวิลด์ทัวร์ มีครอบครัวของพร็อกซี่ที่ใหญ่ขึ้นทั้งแฟนๆ ในต่างประเทศและแฟนชาวไทยหน้าใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเป็นแรงใจให้กับพวกเราในอนาคตครับ”
Photographer: Pannatat Aengchuan
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Makeup: Chanont srinumtha
Hair: Chalumchai Loonsukwong, Peerachada Kittirakpokhin
Photographer Assistants: Nuttapon Mansukphol, Yodboon Satyalakha
Stylist Assistants: Thitaree Trisiritanyagorn, Panithan Prasongsanti
Producer: Angkana Wongwisetpaiboon
