เจาะลึกเบื้องหลังกลิ่นหอมใหม่ที่มีระดับจากคอลเลกชั่นน้ำหอมชั้นสูงอย่าง L’ Art et La Matière พร้อมกับมุมมองของโลกน้ำหอม จากสายตาของผู้ที่คร่ำหวอดในวงการมามากกว่าหลายสิบปี
ถือเป็นอีกหนึ่งคอลเลกชั่นน้ำหอมนิชหรือที่แบรนด์นิยามเอาไว้ว่า ‘น้ำหอมชั้นสูง’ ที่ได้รับกระแสตอบรับมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยกับ L’Art et La Matière ของ Guerlain ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมหลักที่ถูกคัดสรรค์มาเป็นอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมนำมาปรุงอย่างพิถีพิถัน เพื่อดึงกลิ่นหอมที่โดดเด่นของส่วนผสมหลักนั้นๆ ออกมาให้มากที่สุด สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับน้ำหอมแต่ละกลิ่นในคอลเลกชั่นได้เป็นอย่างดี
ในปีนี้ Guerlain กลับมาพร้อมกับสมาชิกใหม่ในคอลเลกชั่นอันหรูหรานี้อีกครั้ง กับ Tobacco Honey กลิ่นหอมสุดเย้ายวนที่ผสานเอาไว้ซึ่งส่วนผสมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วไว้ในขวด และในการเปิดตัวนี้ ลอฟฟีเซียลได้มีโอกาสพูดคุยกับ Thierry Wasser ผู้ดำรงตำแหน่ง Master Perfumer รุ่นที่ 5 ของแบรนด์ แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงน้ำหอมกลิ่นใหม่และโลกของน้ำหอมในมุมมองของเขา
แรงบันดาลใจของกลิ่น Tobacco Honey มาจากไหน?
Thierry: “กลิ่นหอมใหม่นี้เริ่มมาจากการที่เราอยากจะนำ Tobacco และน้ำผึ้งมารวมอยู่ด้วยกัน ผ่านฝีมือของทีมนักปรุงน้ำหอมมืออาชีพของเรา ที่จริงแล้วการมาเจอกันของสองส่วนผสมนี้มีมานานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 จากการที่ยาสูบในสมัยนั้นถูกเคลือบด้วยน้ำผึ้งเพื่อรสชาติและกลิ่นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งขึ้น มันเป็นสองส่วนผสมที่ผสานกันได้อย่างลงตัวมากๆ เรียกว่าเป็นมิตรกันเลยก็ว่าได้
และก็เป็นฤกษ์ดีที่ Guerlain จะนำกลิ่นของ Tobacco มาใช้อีกครั้งหลังจากที่มันเคยเป็นส่วนผสมของน้ำหอมในปี 1959 อย่าง Vetiver de Guerlain การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นการตีความกลิ่นอันลุ่มลึกนี้ใหม่อีกครั้ง และเรียกได้ว่าเป็นสมาชิกใหม่ที่โดดเด่นมากๆ ในคอลเลกชั่น L’Art et La Matière”
คุณคิดว่าน้ำหอม Tobacco Honey เหมาะกับใคร?
Thierry: “ผมไม่ได้เป็นหมอดูที่หยั่งรู้อนาคต เพราะฉะนั้นผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้เหมาะกับใครโดยเฉพาะ (หัวเราะ) การที่คนเราจะชอบน้ำหอมกลิ่นหนึ่งสำหรับผม คุณต้องเปิดใจที่จะเข้าถึงกลิ่นของมันก่อน หลายๆ คนมีความคิดในหัวมากเกินไปเมื่อมาถึงการเลือกน้ำหอม คุณต้องสัมผัสมัน ว่าคุณชอบมันหรือไม่ชอบ มีจุดไหนที่เหมาะกับคุณบ้างหรือเปล่า และกลิ่น Tobaccco Honey ก็เช่นเดียวกัน หากคุณสนใจในกลิ่นนี้ ผมแนะนำให้คุณมาทดลองและทำความรู้จักกับมันก่อนจะตัดสินใจ”
ณ จุดนี้ ที่คอลเลกชั่น L’Art et La Matière กลายมาเป็นที่นิยมมากๆ รวมถึงในประเทศไทย คุณมีอะไรอยากจะบอกคนที่ยังไม่เคยทดลองหรือกำลังตัดสินใจมาทดลองน้ำหอมในคอลเลกชั่นนี้บ้างไหม?
Thierry: “คุณต้องเข้าใจถึงแก่นและหัวใจของคอลเลกชั่นนี้ก่อน เราเปิดตัวคอลเลกชั่น L’Art et La Matière มาตั้งแต่ปี 2005 และน้ำหอมแต่ละกลิ่นในคอลเลกชั่นนี้ต่างก็มีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนกันเห็นได้ชัดจากชื่อกลิ่นบนฉลากของแต่ละขวด ความโดดเด่นนั้นมาจากส่วนผสมหนึ่งชนิดที่เราตั้งใจดึงเอาคาแรคเตอร์ออกมาให้ได้มากที่สุดและมีเอกลักษณ์ที่สุด น้ำหอมในคอลเลกชั่นนี้ก็เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เรามีนักแสดงนำ มีนักแสดงสมทบ มีฉาก มีไฟ ทั้งหมดจะช่วยดึงความโดดเด่นของส่วนผสมหลักในแต่ละกลิ่นให้ออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นวานิลลา กุหลาบ แผ่นหนัง หรือแม้แต่ Tobacco มันอาจจะฟังดูซับซ้อน แต่แท้จริงเเล้วเราต้องการจะเฉลิมฉลองความงดงามของส่วนผสมหลักให้ดีที่สุดในแบบของเราก็เท่านั้น”
คุณมีเกณฑ์ในการเลือกส่วนผสมหลักสำหรับน้ำหอมในคอลเลกชั่น L’Art et La Matière บ้างไหม?
Thierry: ” ไม่มีเลยครับ คุณอาจจะเห็นว่าเรามีกลิ่นน้ำหอมที่หลากหลายมากในคอลเลกชั่นนี้ ทั้งกลิ่นกุหลาบ กลิ่นหนัง กลิ่นของดอกส้ม (Neroli) กลิ่นดอกมะลิ รวมถึงกลิ่น Vetiver แต่ถ้าสังเกตให้ดีคุณจะเห็นว่าบางกลิ่นมีส่วนผสมหลักเดียวกันแต่มันแตกต่างกันตรงที่แต่ละกลิ่นถูกตีความในมุมมองที่แตกต่างกัน ด้วยแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน ดังนั้นน้ำหอมแต่ละกลิ่นในคอลเลกชั่นนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของนักปรุงน้ำหอมเมื่อได้สัมผัสส่วนผสมหลักนั้นๆ มากกว่าจะมีการเลือกส่วนผสมเป็นมาเป็นจุดตั้งต้น”
จะมีความน่าตื่นเต้นอะไรให้เรารอติตามไหม? ในคอลเลกชั่น L’Art et La Matière ในปีหน้านี้
Thierry: ” ผมพูดถึงดอกส้มหรือ Neroli ไปแล้วก่อนหน้านี้ รู้หรือเปล่าครับ ว่าชื่อ Neroli เป็นชื่อที่เหล่านักปรุงน้ำหอมตั้งให้กับสารสกัดที่ได้จากดอกของต้นส้ม สำหรับผมกลิ่นของดอกส้มเป็นกลิ่นที่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เล่า ก็อาจจะเป็นไปได้ ที่เราจะหยิบกลิ่นของดอกส้มขึ้นมาตีความอีกครั้ง หลังจากกลิ่นมะลิและกลิ่น Tobacco ที่พึ่งเปิดตัวกันไป”
เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เราได้มุมมองใหม่ๆ จากผู้ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์อันน่าหลงใหลของน้ำหอม หากจะเล่าไป Thierry Wasser นั้นหลงใหลในกลิ่นของธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก จากคุณพ่อที่เป็นนักเคมีในบิรษัทปรุงน้ำหอมชื่อดัง หลังจากนั้นเขาก็ได้จบการศึกษาในด้านพฤกษวิทยาและฝึกงานต่อในโรงเรียนเครื่องหอม หลังจากนั้นเขาก็ฝากผลงานเป็นน้ำหอมกลิ่นโดดเด่นไว้มากมาย ถ้าหากจะพูดในแบรนด์ Guerlain แล้วคงจะต้องเป็นกลิ่น Le Petite Robe Noire, Shalimar Parfum Initial รวมถึง Mon Guerlain และอีกหลายกลิ่นในคอลเลกชั่น L’Art et La Matière เขาเชื่อในงานฝีมือและหลงรักมัน และการปรุงน้ำหอมก็เป็นหนึ่งในนั้น
สำหรับนำ้หอม Tobacco Honey นั้นผสานเอาไว้ด้วยกลิ่นของ Tobacco บริสุทธิ์ที่ลุ่มลึกกับความหวานชื่นกลมกล่อมของน้ำผึ้ง เป็นจุดบรรจบระหว่างขั้วตรงข้าม ท่ามกลางความอบอวลละมุนละไมของ น้ำผึ้ง คือความดิบของหัวน้ำหอมปรุงสูตรกลิ่น Tobacco ที่จรัสประกายทองคำสุกสกาวสลับเฉดกับสีทองแดงอบอุ่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหัวน้ำหอมตระกูลอำพัน เมื่อหยดน้ำผึ้งหยาดตัวลงมาสัมผัส พลันมอบความสดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา
คุณสามารถสัมผัสน้ำหอม Tobacco Honey และน้ำหอมกลิ่นอื่นๆ ในคอลเลกชั่น L’Art et La Matière ได้แล้ววันนี้ที่ Pop Up Store ของ Guerlain โซน Luxe Hall ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
Photos courtesy of Guerlain