ไมล์สะสมตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการของนักแสดงสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา นับรวมได้ทั้งสิ้น 10 ปี แต่ดูเหมือนว่ากาลเวลาไม่อาจพรากความอ่อนเยาว์ไปจากเธอได้เลยแม้แต่น้อย หญิงสาวที่มีแต่ความสดใสยังคงโลดแล่นอยู่ในแวดวงบันเทิง พอๆ กับรักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ อย่างที่เราเห็นความน่ารักของเธอออกจะบ่อยในไอจี (@esthersupree) แถมเจ้าตัวยังสารภาพว่า “ชอบค่ะ รู้สึกเหมือนได้ออกกำลังกาย ได้ทำอะไรสนุกๆ บางทีซ้อมกันเป็นวันค่ะ จริงจังกว่าทำงานก็เรื่องเล่นนี่แหละค่ะ”

ถามตามตรงว่ายังหลงใหลการแสดงอยู่ไหม
“มันมีทั้งช่วงที่ไม่หลงใหลและช่วงที่กลับมาหลงใหล เราแค่รู้สึกว่าช่วงไหนที่เหนื่อยๆ มันจะเกิดความท้อ งอแง อยากพักผ่อนบ้าง แต่เมื่อพักผ่อนเสร็จแล้วได้กลับมา เราจะรู้สึกมีกำลังมากขึ้น ที่หลงใหลเพราะมันท้าทายตลอดเวลา พอเริ่มเรื่องใหม่ก็ได้เจอคนใหม่ๆ มันจะมีอะไรที่ท้าทายเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบทที่เราได้รับ ซึ่งอาจจะยากขึ้น หรือเป็นตัวละครที่เราไม่เคยเจอ หรือทำงานกับคนใหม่ๆ มันมีทั้งความตื่นเต้นและได้ทำสิ่งใหม่ๆ แล้วก็ไม่นิ่งค่ะ วันนี้ไปโลเคชั่นนี้ อีกวันไปเจออีกโลฯ นึง”
มีผลงานให้ติดตามตลอด อย่างเรื่องดวงใจจอมกระบี่ ซึ่งออนแอร์ทางช่อง One31 ถือว่าพลิกคาแร็กเตอร์หรือเปล่า
“พลิกค่ะ ปกติจะเล่นบทค่อนข้างหนัก อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้จะเบาๆ ตัวละครสดใส ง้องแง้ง มีความเป็นเด็กสูง ในเรื่องชื่อนลินค่ะ เป็นผู้หญิงขี้เหงา ที่บ้านมีฐานะก็เลยไม่ค่อยทำงานทำการ เพราะว่าได้รับมรดกจากคุณพ่อคุณแม่ ใช้ชีวิตไปวันๆ หากิจกรรมทำ แล้วก็เป็นคนไม่มีเป้าหมายในชีวิตค่ะ”

ความสดใสที่ว่านี้มีส่วนคล้ายกับตัวเราเลยใช่ไหม
“พาร์ตขี้เล่นค่อนข้างเหมือนค่ะ มีความเป็นเด็ก สนุกสนาน เป็นบทที่เล่นแล้วสนุก มีความสุข ไปกองไม่เครียดค่ะ เป็นการร่วมงานครั้งแรกกับไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์ น้องน่ารักค่ะ มีความอดทนสูง และไม่เคยบ่นเลย เขาต้องแต่งเป็นจอมยุทธ์ ร้อนมาก แล้วบู๊อีก ฉากบู๊เขาก็ตั้งใจ ไม่สวยก็เอาใหม่
“แรกๆ ด้วยความที่ไม่เคยรู้จักกัน เลยไม่ค่อยกล้าชวนคุย แค่คุยกันตามมารยาท แล้วเขาก็เป็นคนคุยตามมารยาท เป็นคนคาแร็กเตอร์เงียบ ทีนี้คนคาแร็กเตอร์เงียบสองคนมาเจอกัน ก็คือเงียบกริบ พอมาเจอกันในกองวันแรกไม่ชวนคุยเลยสักคำ อยู่มุมใครมุมมัน แล้วต้องเล่นบทกุ๊กกิ๊กกันฉากแรก วันนั้นทั้งวันต้องรีชู้ตใหม่หมด (หัวเราะ) ต้องไปเวิร์กช็อปละลายพฤติกรรมกันก่อน แล้วค่อยมาเริ่มถ่ายใหม่ หลังจากเวิร์กช็อปก็ดีขึ้น จนบัดนี้ก็ลื่นปรื้ดๆ”

เป็นละครแนวโรแมนติกแฟนตาซีด้วย มีฉากไหนประทับใจบ้าง
“เกือบทุกซีนนะคะ ถ้าประทับใจที่สุดต้องยกให้ฉากเปิดค่ะ เรื่องนี้เอสกับเพลงขวัญ (นัตยา ทองเสน) เป็นคนชอบปีนผามาก เราต้องแสดงเป็นคนปีนเก่ง ช่ำชอง พูดไดอะล็อกไปปีนไป วันถ่ายทำก็ไปที่ผาจริงๆ แล้วมันมีช็อตที่เราต้องห้อยตัว คือเราไปเรียนมาก่อน ความจริงเราทั้งคู่ต่างกลัวความสูง อะไรที่รู้สึกไม่ปลอดภัยหรืออันตราย ใจเราจะไม่ค่อยได้ แต่วันนั้นก็มีการฮึบ เอ้ย! ต้องทำให้ได้ เราถ่ายทำกันทั้งวัน และผ่านมาได้ด้วยดี เลยรู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งมิชชั่นที่เราทำคอมพลีตแล้ว ถือว่าเติบโตอีกขั้น ไฮไลต์อีกอย่างของเรื่องนี้คือการเซ็ตสตูดิโอให้เป็นเมืองจีน ละครเล่าถึงสองพาร์ต คือโลกปัจจุบันกับยุทธภพ มีการสร้างบ้านของฝั่งยุทธภพขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้ในการถ่ายทำโดยเฉพาะ พวกประตูหน้าต่างมาจากจีนทั้งหมดเลยค่ะ”
ตัวละครที่เคยเล่นและยังอยู่ในใจเรา
“ขอยกให้เรื่องพรหมไม่ได้ลิขิตค่ะ รับบทเป็นพยาบาล รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต ต้องเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการเป็นพยาบาล ไดอะล็อกก็ยากเพราะเป็นศัพท์แพทย์ จำได้ว่านัดกองหกโมงเช้า เราเข้าไปก็โอ้โห! เห็นคนไข้รอคิวเยอะมาก ได้เห็นการทำงานของคุณหมอและพี่ๆ พยาบาลแล้วรู้สึกประทับใจ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละมาก พอมาเล่นแล้วถึงได้เห็นเหตุการณ์จริงๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”
แพสชั่นอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการแสดง
“ตอนนี้ทำธุรกิจร้านอาหารค่ะ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่าสุปรีย์ อยู่ที่มาร์เกตวิลเลจ รังสิต อยากทำให้มันเกิดผลและงอกงาม ตอนนี้เราทำร้านเดียวก่อน ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ เป็นอะไรที่ไม่เคยทำ ได้ลองเปิดอีกโลกนึงค่ะ แล้วก็มีธุรกิจแบรนด์กระเป๋า เสื้อผ้า ขายทางออนไลน์ ขื่อ evdsp.official ค่ะ”

จากวันแรกที่เข้ามาวงการ อะไรในตัวเราที่ยังยึดมั่นไม่เคยเปลี่ยน
“ความรับผิดชอบค่ะ รู้สึกว่าวินัยสำคัญมากๆ เพราะเราไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานเป็นหมู่คณะ เพราะฉะนั้นในการทำงานถ้าเรามีวินัยเป็นหลักและรับผิดชอบมันจะทำให้งานสามารถดำเนินไปอย่างกระชับและเร็ว โดยที่ไม่ต้องกดดันว่าทุกคนจะมารอเรา ยึดจุดนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงตอนโตค่ะ วงการนี้สอนเราหลายอย่าง เช่นให้อดทนมากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น วางตัวได้ดีขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น เปิดโลกมากขึ้น
“มันเป็นประสบการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะมีโอกาสทำ ไม่คิดว่าเราจะได้มาเป็นนักแสดง ได้มาเห็นเบื้องหลัง พี่ๆ ทีมงาน ได้เห็นนักแสดงที่เก่งๆ นักแสดงอาวุโสที่เขาทำงานมีประสบการณ์มาเยอะ เราเห็นวิธีการทำงานของแต่ละคน ซึ่งจะมีความแตกต่าง เราจะเห็นข้อดีของเขา และสามารถเอามาปรับใช้กับวิธีการทำงานของเราได้
“รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เป็นคนไม่คิดมาก ไม่คิดเยอะ ปล่อยวางเร็ว ไม่ยึดติด สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เรากลายเป็นคนสบายๆ ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ไหนก็ไม่ได้ทำให้เราทวีคูณความเครียด หรือทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น รู้สึกว่าทำยังไงก็ได้ให้ตัวเรามีความสุข พยายามจะฝึกฝนให้ตัวเองมองทุกเรื่องเป็นเรื่องเล็กๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่”

ชื่นชมอะไรในตัวเอง…
“มีเยอะบอกไม่ถูกเลย (หัวเราะ) คำถามยากจัง พอชมตัวเองปุ๊บยากเลย…เป็นคนใจเย็นมาก หมายถึงว่าไม่ค่อยโกรธ ไม่ค่อยโมโห ถ้าใครที่สามารถทำให้เอสพุ่งกราฟทะลุได้นี่คือเก่งมากๆ เลยค่ะ มีความอดทนสูง เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย อะไรก็ได้ ไม่เลือกเยอะ ชิลๆ ชอบอะไรสบายๆ ไม่รุ่มร่าม ไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อนค่ะ ”
ความสุขของเอสเธอร์…
“ครอบครัวค่ะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรก็จะอยู่บ้าน เป็นคนติดบ้าน ชอบอยู่กับพ่อแม่ น้อง และน้องหมา เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว”
ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง…
“ตอนเด็กๆ อยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะว่าอยากเที่ยวค่ะ แต่ก็ได้แค่คิด แล้วก็มาเป็นนักแสดงเลย จนถึงทุกวันนี้ยังถามตัวเองเลยว่าถ้าไม่เป็นนักแสดงแล้วจะเป็นอะไร สุดท้ายก็ยังนึกไม่ออกค่ะ”
วิธีดูแลตัวเองให้สดใส…
“ช่วงนี้เลือกกินมากขึ้น นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้า พยายามลดน้ำตาลค่ะ ไม่กินหวานเยอะ ขนมหวานลดได้ก็ลด แล้วก็กินวิตามิน”
สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ…
“ถ้า ณ ปัจจุบันนะคะ หนึ่ง/ อยากพาแม่ไปต่างประเทศค่ะ สอง/ อยากขยายสาขาร้านอาหาร สาม/ อยากได้รับบทท้าทายและแปลกใหม่ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน เช่น ทนายความ ฆาตรกรโรคจิต บู๊ ประมาณนี้ค่ะ สี่/ ยากจัง นึกไม่ออก (ไม่มีอะไรให้ตัวเองเลยเหรอ?) งั้นพาแม่ไปต่างประเทศ แล้วเราก็รวบตึงไปกับแม่ด้วย”
Photographer: Thanut Treamchanchuchai