แม้จะไม่ได้ผ่านการแสดงมาอย่างโชกโชน แต่ บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์ ผู้เคยรับบทบอดี้การ์ดใน KinnPorsche: The Series ต้องมีอะไรดี ชายหนุ่มที่ถูกเลือกให้มารับบท ‘ว่าน’ เพื่อนสนิทของเขม (อาโป-ณัฐวิญญ์) ในเรื่อง แมนสรวง ภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตที่เรียกได้ว่าเป็นก้าวกระโดดของเส้นทางการแสดง บาสท้าทายความสามารถของตัวเองไปอีกขั้น พร้อมกับการพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนได้เห็น
ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าได้เล่นบทนี้
“ขนลุก (หัวเราะ) รู้สึกว่า โหย จะเล่นได้ไหมวะ กดดันครับ พี่ปอนด์ (กฤษดา วิทยาขจรเดช – ผู้กำกับ) บอกว่าพี่เชื่อว่าเราเล่นได้ คือผมเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองเลย แต่ถ้ามีคนบอกว่าเชื่อในตัวเรา ผมจะไม่ทำให้คนนั้นผิดหวัง ผมรู้สึกว่า โอเค พี่เชื่อในตัวผมใช่ไหม ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง”

ช่วยเล่าคาแร็กเตอร์ของว่าน และความท้าทายในการเข้าถึงบท
“ว่านเป็นเด็กที่ยิ้มแย้มกับทุกอย่างที่เข้ามา ผมว่าคนดูจะต้องหลงรักตัวละครนี้ เขามีความน่ารักในแบบของเขา เป็นความอินโนเซนส์ของเด็กต่างจังหวัด แล้ววันหนึ่งต้องเข้ามาเจอแสงสีมากมาย มันจะมีความโก๊ะๆ ผมว่านี่เป็นเสน่ห์ของเขา แต่ว่านจะมีอารมณ์มากมายอยู่ข้างในที่ไม่สามารถเอาออกมาได้ แม้ว่าภายนอกเขาพยายามจะยิ้ม ความท้าทายคือเรื่องอารมณ์นี่แหละครับ แต่ละซีนๆ อารมณ์จะต่างกัน มันยากตรงที่ว่าเราจะไปถึงจุดไคลแม็กซ์ของอีโมชั่นนั้นได้ยังไง ในการเข้าถึงบท สมมติว่าวันนี้ถ่ายซีนอารมณ์ ผมจะเขียนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งเขียนแบ็กกราวด์ของตัวละครไว้ก่อนว่าเขาเกิดที่ไหน มีพี่น้องไหม ชอบทำอะไร เราจะเขียนแบ็กกราวด์เขาเท่าที่เขียนได้ แล้วก่อนเข้าซีนเราจะเขียนอีกทีนึง เพื่อรีมายด์ตัวเองว่าก่อนหน้านี้เขาเจออะไรมาบ้าง ซึ่งช่วยได้เยอะมากๆ
“ช่วงแรกกดดันมากตอนที่ได้โจทย์มาว่าต้องเล่นเป็นตัวนี้ แล้วก็ได้รู้คาแร็กเตอร์คร่าวๆ รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง เราก็ ฮึ้ย! มันยากนะ ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม พอได้เวิร์กช็อปไปเรื่อยๆ ได้เขียนแบ็กกราวด์ของเขา รู้สึกว่ามันท้าทายมากๆ ตรงที่เราต้องทำให้ได้ ต้องทำให้คนเชื่อให้ได้ว่าเราคือว่าน มันเลยมีความสนุกตรงนั้น”
คิดว่าเราเล่นเป็นว่านได้สมบูรณ์แบบหรือยัง
“ผมมีคติอย่างหนึ่งว่าถ้าจะทำอะไรก็ตาม ผมจะทำให้เต็มความสามารถที่สุด ณ ความสามารถของผมตอนนั้น พอหนังออนปุ๊บแล้วมองย้อนกลับไปผมจะไม่เสียใจ ผมรู้สึกว่า โอเค ความสามารถ ณ ตอนนั้นผมทำเต็มที่แล้ว ผมจะไม่รู้สึกเสียใจ ตอนที่ได้ดู ผมรู้สึกว่าโอเค เรามองแล้วก็ เอ้ย! ว่านหนิ ไม่รู้เราหลงตัวเองหรือเปล่า แต่เรารู้สึกภูมิใจจังเลย ดูแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักเนอะ (หัวเราะ)”
มีฉากไหนที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ
“เป็นฉากที่อยู่กับน้องสาว จำได้ว่าวันนั้นผมเป็นว่านแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากๆ ไม่ได้มีความคิดแบบบาส แต่ผมคิดแบบว่าน เลยรู้สึกประทับใจ ฉากนั้นไม่มีไดอะล็อกด้วย จริงๆ มีหลายซีนที่ประทับใจ แต่ถ้าถามว่ามันตราตรึงก็คือซีนนี้ ซีนที่เข้ากับเขมก็ประทับใจ เป็นซีนที่อยู่กับเพื่อน รำกับเพื่อนก็ประทับใจ เราไปเรียนจริงๆ จังๆ หลายเดือนเหมือนกัน”

ตัวละครว่านมีอะไรที่ใกล้เคียงกับบาสบ้างหรือเปล่า
“คล้ายหลายอย่าง ว่านจะพยายามยิ้มรับกับปัญหา ผมก็พยายามยิ้มกับทุกสิ่งที่เข้ามาเหมือนกัน ไม่ว่ามันจะเฮงซวย มันจะอะไรก็ตาม เรารู้สึกว่าการจมกับปัญหาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เราก็แค่มองอีกมุมนึง แต่สำหรับว่านอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เอ้าๆ เริ่มสปอยล์ะ (หัวเราะ) มันอาจจะคล้ายคลึงกันตอนเด็ก ว่านอาจจะเจออะไรมา ซึ่งผมก็เจอเหมือนกัน ตอนเด็กๆ ผมอ้วนมาก ที่บ้านผมขายขนมปัง แล้วผมก็ชอบกินมาก ลองจินตนาการดูว่าเด็กอ้วนๆ ขาวๆ หน้าเปิ่นๆ สีผมเป็นสีน้ำตาล เวลาโดนแดดจะออกสีแดง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเคมีอะไรที่ทำให้โดนแกล้งหรือเปล่า ตอนนี้ผมอายุ 26 ผมโดนแกล้งมาครึ่งชีวิตนะ 13-14 ปี เพิ่งมาเลิกโดนตอน ม.4
“ตอนเด็กที่ผมโดนแกล้ง มันดีกับผมอย่างนึง มันไม่เชิงเทียบเคียง แค่เอาประสบการณ์ตอนนั้นมา อารมณ์ที่โดนแกล้งมันประมาณไหน แล้วมาเขียนของว่าน รู้สึกว่า โห! ขนาดเราโดนตอนนั้นมันยังขนาดนั้นเลย แล้วว่านโดนมากขึ้นไปอีก เราแบบ หูวว แค่เขียนก็อินแล้ว แค่เขียนมันก็หนักมากๆ แล้ว”
โดนแกล้งแบบไหนเหรอ
“เยอะมาก ให้ไปเป็นโกลแล้วเพื่อนก็เตะบอลอัดหน้า เดินเข้าแถว เพื่อนหมั่นไส้ก็เอาขามาสกัด หน้ากระแทกพื้น เลือดกำเดาไหล คือตอนเด็กๆ เราโหยหาการมีเพื่อนมาก เพราะผมอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์มาก พ่อแม่รักผมมากๆ อยู่ที่บ้านผมรู้สึกปลอดภัย ผมเป็นที่รักอะ พอไปโรงเรียนผมก็อยากเป็นที่รัก ไม่รู้ตอนเด็กผมเป็นยังไง คงพูดจาเปิ่นๆ ไปเรื่อย แล้วก็โดนแกล้ง มันเลยคล้ายกับว่าน แต่ว่านอาจจะหนักกว่า เพราะว่าเป็นไพร่”
ที่ว่าไม่โดนเพื่อนแกล้งแล้ว เพราะอะไร
“พอ ม.3 เราเห็นเพื่อนมีแฟนก็เลยอยากมีบ้าง ผมกินข้าวมื้อเดียวแล้วขึ้นห้องนอนเลย แล้วก็ดัดฟัน เริ่มดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น แต่จุดเปลี่ยนก็คือโดนแกล้งมาครึ่งชีวิต มันเริ่มมีวิวัฒนาการว่าเราทำแบบนี้ไม่ได้ละ จะพูดเปิ่นๆ แบบอินโนเซนส์ไม่ได้แล้ว เริ่มจับทริกได้ ก็เริ่มเปลี่ยน โอเค ถ้าพูดแบบนี้ กูโดนมึงแกล้งแน่ เราก็เปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนที่คบ”

กลับไปเรื่องหนังต่อ อยากแชร์เรื่องราวเบื้องหลังไหม
“ผมรู้สึกว่าทีมงานทุกคนเต็มที่มาก นักแสดงทุกคนมีของ ผมรู้สึกว่าพี่ปอนด์เก่งตรงที่เขาคัดคนที่มีแพสชั่นทางด้านนี้และเต็มที่กับงานด้านนี้มากๆ มารวมกัน เลยทำให้เวลาอยู่หน้าเซ็ต ทุกคนเต็มที่กับมัน เอ็นจอยไปกับมัน ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เวลาไปกองเรารู้สึกอุ่นใจ คือผมค่อนข้างใหม่มากๆ ผมเพิ่งเล่นคินน์พอร์ช เดอะ ซีรีส์ แมนสรวงคือหนังเรื่องแรก มันไม่ได้ทำให้เราอึดอัดเลย อบอุ่นมาก ทุกคนช่วยกัน และยังได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เป็นสายละครเวทีด้วย”
แง่มุมที่คนดูจะได้รับหลังดูแมนสรวงจบ
“หลายอย่างครับ ผมรู้สึกว่าทุกคนจะได้เห็นมุมต่างๆ ของทุกตัวละครว่าทุกคนไม่ได้ดีที่สุด หรือบางคนมีความดี แต่ลึกๆ เขาอาจจะเจออะไรมา หรือสังคมตอนนั้นมันหล่อหลอมให้คนคนนึงเปลี่ยนไปได้ขนาดไหน ผมรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นคติสอนใจได้ อาจจะไม่ได้มากขนาดนั้น แต่อาจทำให้ฉุกคิดได้นิดนึงว่าสังคมเรา พูดจริงๆ คือมันโหดร้าย ไม่ได้โลกสวยเหมือนในการ์ตูนดิสนีย์ เราแค่ต้องยอมรับมัน และอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น”
พอเล่นบทที่ต้องใช้อารมณ์เยอะๆ มันดูดพลังเราขนาดไหน
“มีบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเราไปกองแล้วไม่อยากเล่นนะ เราไปเต็มร้อยทุกวันแหละ แต่ถ้ามีบางวันเป็นซีนอารมณ์ พอเล่นเสร็จเราก็อยากกลับบ้านไปนอน คือมันค่อนข้างหนักกับจิตใจเราข้างใน เพราะต้องเข้าไปจูนเป็นว่านแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องบอกว่าเวลาไปกองผมจะนั่งจูนกับตัวเองก่อน พยายามเขียนแล้วผมก็จะอยู่กับเขาจนคนรอบๆ บอกว่า ‘มึงไม่ปกติละ โอเคะมั้ยเนี่ย’ (หัวเราะ) ทุกคนเป็นห่วง ผมก็บอกไม่ได้เป็นอะไร ผมแค่รู้สึกว่าการที่ผมจะเข้าไปในคาแร็กเตอร์ว่าน ผมต้องใช้เวลา ผมไม่สามารถสวิตช์แล้วเป็นว่านได้เลยทันที ผมต้องใช้เวลาเขียน ใช้เวลาจูน จนรู้สึกว่า โอเค ผมเข้าได้ ที่เหนื่อยก็คือพอเล่นแล้วอีโมชั่นมันหนักมากๆ ผมก็อยากกลับไปนอน อยากออกจากคาแร็กเตอร์ของว่าน”

อะไรคือความสุขของบาส
“ทุกวันนี้ความสุขของผมมันง่ายมากเลย แค่ดูคลิปตลกก็มีความสุขแล้ว แค่เลื่อนมาเจอหน้าน้องหมาที่ตลกๆ ผมก็มีความสุข เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเปิดรับความสุขเลย หมายถึงว่าผมมีจุดรับความเศร้ามากกว่าความสุขน่ะครับ
“เมื่อก่อนผมหนักกว่านี้มากๆ หมายถึงอารมณ์ข้างในนะ จากที่ผมโดนแกล้งมาตั้งแต่เด็ก กว่ามันจะเข้าที่ก็ค่อนข้างยาก ผมพยายามยิ้มรับกับปัญหา แต่ข้างในไม่ได้ถูกแก้ มันแค่ค่อยๆ แก้ พอมองย้อนกลับไปผมไม่ได้แค้นคนที่มาแกล้งนะ แค่รู้สึกว่าเราน่าจะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเนอะ เราจะได้ไม่โดนแกล้ง ผมรู้สึกว่าการที่เขาทำไม่ดีกับเรา เขาคงเจออะไรมาสักอย่าง ผมเลยพยายามเข้าใจเขา เพราะโกรธไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งทำให้เราดาวน์ลงมากกว่า
“พอเล่นเรื่องนี้จบ ผมไปหาจิตแพทย์มาด้วยนะ พี่ปอนด์เห็นว่าเราอยู่ในคาแร็กเตอร์นี้มากไป พอไปคุยก็ดีขึ้น เขาบอกว่าเนี่ยเราไม่ค่อยรับความสุขเลย ไม่ค่อยมองหามันใช่มั้ย เขาแนะนำว่าไม่ว่าใครชมเราเล็กน้อยแค่ไหน ให้เราหาปุ่มในร่างกายแล้วกดปุ่มให้ตัวเอง แบบเอ้ย! คนชมนะ ผมรู้สึกว่ามันช่วยได้ แล้วเราก็แค่มองหาความสุขเล็กๆ รูปภาพตลกๆ น่ารักๆ การมีความสุขไม่ใช่ว่าต้องถูกรางวัลที่หนึ่ง ซื้อบ้าน ซื้อรถ มันแค่อะไรสักอย่างที่ทำให้เรายิ้มได้ นั่นก็คือความสุขแล้ว”
เหมือนเวลาที่คนชมคุณในไอจีบ่อยๆ ว่า “ทำไมหล่อ” “ทำไม...”
“(หัวเราะ) มันทำให้เรายิ้ม ผมรู้สึกดีนะ มันคือความสุข แล้วเราก็อยากได้ยินไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่ามันเพิ่มความสุขให้เราได้ดีมากเลย อย่างเวลาไปเจอแฟนคลับรวมพล เราส่งพลังงานไป แล้วเขาส่งกลับมา ไม่ใช่แค่คนสองคนนะ มันเยอะมากๆ เป็นพลังงานดีๆ ที่เราไม่ควรปิดกั้น”

ตั้งเป้าเส้นทางนักแสดงไว้แบบไหน
“เอาแค่หนังเรื่องนี้ก่อน ผมอยากให้คนดูดูแล้วเชื่อว่าผมเป็นว่าน แค่นี้ก็พอใจแล้ว รู้สึกว่าซักเซสสำหรับผมแล้ว แล้วเดี๋ยวค่อยมองโกลต่อไปว่าเราจะทำอะไร”
บทไหนที่มองหาและอยากเล่น
“ปกติผมจะดูบท ต้องเป็นบทที่ผมสนใจ ผมจะไม่รับมั่ว ถ้ารับบทที่ไม่ได้ซิงก์กับเรา ไม่รู้สึกอินกับบทเลย ผมรู้สึกว่าเราไม่เคารพในวิชาชีพ จริงๆ ผมอยากเล่นบทแบบว่านนี่แหละ เพราะมันมีหลายอารมณ์ อยากเล่นมานานแล้ว ถ้าหลังจากนี้ผมอยากเล่นอะไรที่เป็นไซไฟ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอีกขั้น เพราะไม่ได้เป็นการรับส่งกับนักแสดงคนอื่น แต่เราเล่นกับตัวเอง เราจินตนาการเอง”
เราว่าคุณน่าจะถนัด
“…(หัวเราะ)”
มีอะไรอยากพูดอีกไหม
“ไม่ครับ ผมรู้สึกว่าพูดเยอะมากเลยวันนี้”
Photographer: Thanut Treamchanchuchai
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Makeup: Pakanat Poolsawat, Rattanapon Bumrungkul
Hair: Pinyo Litaisong, Topurk Thongwisate
Photographer Assistants: Patcharapol Ketsuwanvatana, Kachapon Panuditeekun, Aphisit Kiamkhunthod
Stylist Assistant: Thisakorn Gunchornnok