Friday, September 22, 2023

จากจินตนาการและความฝัน Van Cleef & Arpels ร้อยเรียงสร้างสรรค์เป็นเรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยเวทมนตร์ 

สำหรับ Van Cleef & Arpels เวลาคือบทกวีที่ถูกเรียงร้อยอย่างละเมียดละไม ชิ้นส่วนฟันเฟือง กลไกสลับซับซ้อน ล้วนแต่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลเพื่อนำเราไปสู่สุนทรีย์และอารมณ์ความรู้สึกอันเป็นหมุดหมาย เพราะฉะนั้นเวลาของเมซงแห่งนี้จึงผันผ่านไปโดยไม่เหมือนที่อื่นๆ คล้ายสมการเวลาของศิลปินท่านหนึ่งที่ติดอยู่บนผนังของ Les Ateliers Horlogers de Van Cleef & Arpels “สิ่งแรกเรียกว่าจินตนาการ เพราะสำหรับเราแล้วเรื่องราวที่เราอยากสื่อไปถึงผู้รับนั้นสำคัญที่สุด ส่วนเทคนิคทั้งหลายมีหน้าที่รองรับเรื่องราวค่ะ” เจ้าหน้าที่ผู้นำชมบอกกับเรา 

Les Ateliers Horlogers คือโรงงานของ Van Cleef & Arpels ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Meyrins ชานเมืองของเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายในอาคารกว้างขวางสีขาวสะอาดตา ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบแบ่งแยกเป็นแผนกต่างๆ บ่งบอกถึงมาตรฐานชั้นสูงของเมซง และภายในอาคารแห่งนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของเรือนเวลาหลากหลายที่เปี่ยมด้วยเวทมนตร์ซึ่งไม่เหมือนกับเมซงอื่นใดในโลก

ดูอย่างผลงานที่เปิดตัวในงานแสดงนาฬิกา Watches & Wonders ประจำปีนี้ ทุกคนล้วนถูกสะกดด้วยผลงานเปี่ยมเสน่ห์แบบเฟมินีนจากคอลเลกชั่น Perlée, Alhambra และ Ludo ซึ่งจัดแสดงในวินโดว์ที่ตกแต่งอย่างงดงามสมกับเป็นเครื่องประดับบอกเวลา และผลงานเหล่านี้ล้วนเกิดจากการทำงานสอดประสานระหว่างวอทช์เมกเกอร์และช่างฝีมือในโรงงานแห่งนี้ 

ณ ใจกลางห้องโถง ทุกสายตาล้วนแต่จับจ้องไปที่นาฬิกาตั้งโต๊ะออโตมาตอนด้วยความอัศจรรย์ใจ ใครเลยจะคิดว่านาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟันเฟืองสามารถขยับหรือเคลื่อนไหวตามที่ถูกกำหนดไว้ราวกับมีชีวิต อย่างดอกซิคลาเมนที่ค่อยๆ แย้มกลีบบานในผลงานชุด Éveil du Cyclamen ซึ่งทางเมซงสร้างสรรค์ร่วมกับฟรองซัวส์ จูโนด์ ผู้เชี่ยวชาญการสร้างสรรค์ออโตมาตอน หรือ Planétarium Automaton ซึ่งเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะพร้อมจักรกลจำลองแสดงวิถีโคจรรอบดวงสุริยะเสมือนจริงของดาวเคราะห์มาไว้ในโดมแก้ว ซึ่งดาวแต่ละดวงสร้างสรรค์อย่างประณีตราวกับเป็นจิวเวลรี่ชั้นสูงก็ไม่ปาน เมื่อเปิดกลไกการทำงาน ดาวตกจะปรากฏออกมาจากช่องประตูบานเล็ก และเคลื่อนตัวรอบหน้าปัดเพื่อทำหน้าที่บอกชั่วโมง พร้อมกับเสียงดนตรีก้องกังวานซึ่งประพันธ์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ

อีกหนึ่งหลักฐานที่บ่งบอกถึงความไม่เหมือนใครของ Van Cleef & Arpels ได้เป็นอย่างดีก็คือเรือนเวลาคอมพลิเคชั่นที่ทางเมซงออกแบบให้กับผู้หญิง หากใครคุ้นเคยกับคอมพลิเคชั่นในความหมายทั่วไป คงจะรู้ว่าคอมพลิเคชั่นคือจักรกลซับซ้อนในการแสดงเวลา ไม่ว่าจะเป็นทูร์บิญง โครโนกราฟ คาเลนดาร์ต่างๆ และการตีบอกเวลา เป็นต้น แต่สำหรับ Van Cleef & Arpels จักรกลสลับซับซ้อนนั้นเปี่ยมด้วยเวทมนตร์ คุณจะไม่ได้ยินเรื่องของทูร์บิญงหมุนเร็วที่สุดในโลก หรือโครโนกราฟที่จับเวลาได้ละเอียดเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีจากที่นี่ จะมีก็แต่นาฬิกาที่มีผีเสื้อขยับปีกบินบอกเวลา หรือคนรักที่ค่อยๆ เดินมาจุมพิตกันบนสะพานยามเที่ยงคืนเท่านั้น

ในระหว่างนำชมโรงงาน ทีมงานได้เล่าให้เราฟังถึงความภาคภูมิใจที่มีต่อนาฬิกา Lady Arpels Heures Florales Cerisier ซึ่งทำให้เมซงได้รับรางวัล Innovation Prize ปี 2022 จากเวที GPHG ซึ่งเปรียบได้กับรางวัลออสการ์สำหรับโลกนาฬิกา ผลงานแสดงชั่วโมงด้วยดอกไม้ซึ่งจะแย้มกลีบบานตามจำนวนชั่วโมง ทำให้การอ่านค่าเวลาแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ กลไกนี้ใช้เวลาในการพัฒนานานถึงห้าปี อีกทั้งชิ้นส่วน 226 ชิ้นที่ประกอบเป็นนาฬิกาเรือนนี้ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต โดยเฉพาะดอกไม้สามมิติเพนต์สีอีนาเมลโดยช่างฝีมือประจำโรงงาน

อีกหนึ่งผลงานที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ Lady Féerie Or Rose ในเฉดสีม่วงพลัมซึ่งเป็นผลงานล่าสุดจากคอลเลกชั่น Poetic Complications แสดงเวลาผ่านรูปสลักนางฟ้าที่ใช้คฑาชี้แสดงนาทีที่ผันผ่านด้วยระบบเข็มแบบรีโทรเกรด แสดงชั่วโมงด้วยระบบจัมปิ้งอาวร์ผ่านช่องหน้าต่าง พร้อมนางฟ้าขยับปีกเมื่อเข้าสู่ชั่วโมงใหม่ ทั้งยังตกแต่งอย่างงดงาม โดยเฉพาะการระดมความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการลงยาอันเก่าแก่หลากเทคนิคของช่างฝีมือในโรงงานมาช่วยเติมความมีชีวิตชีวาให้กับงานสร้างสรรค์ชิ้นนี้ อย่างเทคนิคลงยาใสที่เรียกว่า plique-à-jour ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นเมซงไหนใช้เทคนิคนี้ได้เหมือน Van Cleef & Arpels 

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น ณ จัตุรัสปลาซวองโดมในกรุงปารีสตั้งแต่ปี 1906 เป็นเวลากว่าศตวรรษที่เมซงได้สั่งสมความเชี่ยวชาญและสร้างอัตลักษณ์ผ่านเครื่องประดับมากมาย ซึ่งผลงานต่างๆ เหล่านั้นเปิดโอกาสให้เมซงได้แสดงตัวตนผ่านแรงบันดาลใจทั้งจากธรรมชาติ การเต้นรำ บทกวี และการละคร นำเสนอผ่านความไร้เดียงสา ความฝัน วัยเด็ก และขยายไปสู่โลกนาฬิกาซึ่งทะยานขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญทั้งในการสร้างสรรค์จิวเวลรี่และนาฬิกาชั้นสูงเข้าด้วยกัน โดยทุกผลงานไม่ได้เริ่มต้นด้วยเทคนิคหรือกลไก แต่ด้วยความตั้งใจในการบอกเล่าเรื่องราวที่สะกดผู้คนที่ได้ชม






Other Articles