แม้ Louis Vuitton จะเริ่มสร้างสรรค์นาฬิกามาได้เพียงสองทศวรรษเท่านั้น แต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นจนน่าจดจำ ซึ่งรวมถึงคอลเลกชั่นเรือนเวลาชั้นสูง (high watchmaking) ที่พัฒนาและสร้างสรรค์โดยโรงงาน La Fabrique du Temps Louis Vuitton ซึ่งตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะนาฬิกาจักรกลซับซ้อน Tambour Carpe Diem ที่คว้ารางวัลประเภท Audacity จากเวที GPHG เมื่อปี 2021 และยังเป็นประเภทรางวัลที่ไม่ได้มอบกันทุกปี แต่จะมอบเฉพาะเมื่อมีผลงานที่สมควรได้รางวัลเท่านั้น
ดูเหมือนว่าการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ จะกลายเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของนาฬิกา Louis Vuitton ไปแล้ว โดยเฉพาะปีนี้เมื่อทางเมซงได้เปิดตัว Tambour Fiery Heart Automata นาฬิกาตัวเรือนขนาด 42 มม. ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูโรแมนติก งดงามด้วยสีสันอันเกิดจากศิลปะการลงยาแบบต่างๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทางเมซงผนวกความเชี่ยวชาญ และสร้างสรรค์ศิลปะการลงยาจากช่างฝีมือของตนเอง ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานนี้ยังงามเด่นในเรื่องเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมออโตมาตอนเครื่องแรกที่ผลิตโดยโรงงาน La Fabrique du Temps Louis Vuitton…นับเป็นผลงานที่หลอมรวมทุกทักษะความเชี่ยวชาญไว้ในเรือนเดียวจริงๆ
ก่อนอื่นขออธิบายฟังก์ชั่นบอกเวลาที่สลับซับซ้อน ซึ่งในภาษานาฬิกาเรียกว่า complication ส่วนการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนที่ไม่ได้แสดงฟังก์ชั่นนั้นเรียกว่า animation ซึ่ง automaton หรือหุ่นจักรกลก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะแสดงเวลา แต่ความสลับซับซ้อนของการคิดค้นรูปแบบการเคลื่อนไหว และชิ้นส่วนกลไกก็ไม่ได้ซับซ้อนน้อยไปกว่ากลไกสลับซับซ้อนเลย ทั้งยังสร้างความมีชีวิตชีวาและทำหน้าที่เล่าเรื่องราวที่สื่อผ่านนาฬิกานั้นๆ ดังเช่นผลงานที่เห็นอยู่นี้
Tambour Fiery Heart Automata ตั้งใจสื่อถึงเสน่ห์ของผู้หญิงที่งดงามอ่อนหวานดุจดั่งกุหลาบ พื้นหน้าปัดลงยาสีเขียวด้วยโมทีฟกุหลาบสีแดง ณ ตำแหน่ง 12 และ 4 นาฬิกา พร้อมหัวใจสีแดงซึ่งคาดทับด้วยป้ายที่สลักคำว่า SWEET พร้อมมงกุฎทองลายดอกไม้โมโนแกรมที่ด้านบน ทุกอย่างดูสงบนิ่งปราศจากการเคลื่อนไหว เว้นแต่เข็มชั่วโมงและนาทีบนหน้าปัดย่อยซึ่งล้อมด้วยกิ่งกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนาม และการหมุนของฟลายอิ้งทูร์บิญง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งไม่เพียงสร้างความเที่ยงตรงให้กับนาฬิกา แต่ยังทำหน้าที่แทนเข็มวินาทีโดยจะหมุนครบรอบภายในเวลา 1 นาที
เมื่อกดปุ่มที่ด้านข้างตัวเรือน ณ ตำแหน่ง 8 นาฬิกาทุกอย่างก็จะเคลื่อนไหวดุจมีชีวิต หนามแหลมจะค่อยๆ เผยออกมาจากด้านนอกของกิ่งกุหลาบที่ล้อมหน้าปัดย่อย เกสรรูปโมโนแกรมฟลาวเวอร์ประดับเพชรตรงกลางดอกกุหลาบทั้งสองดอกจะหมุนวนราวกับเริงระบำในทิศทางที่ตรงข้ามกัน เช่นเดียวกับหัวใจที่จะค่อยๆ เปิดออก เผยความนัยที่ซุกซ่อนอยู่เป็นคำว่า SWEET BUT FIERCE พร้อมด้วยเปลวไฟสีทองที่ลุกโชนจากหัวใจ ซึ่งทั้งหมดกินเวลา 13 วินาที
ความประณีตงดงามไม่เพียงปรากฏในส่วนที่ตาเห็นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภายในด้วย สำหรับกลไกอัตโนมัติ calibre LFT 325 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 65 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยบริดจ์ซึ่งผ่านกรรมวิธีตกแต่งอย่างประณีต ประดับด้วยกิ่งกุหลาบมีหนามทำจากโรสโกลด์ 18K ส่วนโรเตอร์โรสโกลด์ 18K ผ่านการสลักและฉลุเป็นลายดอกไม้โมโนแกรม เช่นเดียวบริดจ์เรกูเลเตอร์ของออโตมาตอน ซึ่งมีเมนสปริงในตัวแยกออกจากกลไกแสดงเวลาหลัก
กว่าจะมาเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น ทีมงานของ La Fabrique du Temps Louis Vuitton นำโดยมาสเตอร์วอทช์เมกเกอร์ Enrico Barbasini และ Michel Navas ต้องใช้เวลาในการคิดค้นพัฒนานานถึงสามปี และแม้จะไม่ได้ผลิตในจำนวนจำกัด แต่ด้วยความซับซ้อนของกระบวนสร้างสรรค์ก็ทำให้ผลงานนี้ลิมิเต็ดด้วยตัวมันเอง
