กลับมาอีกครั้งหลังจากมีการเปิดบูติก ณ ห้างสรรพสินค้า Emporium ในเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มาพร้อมงาน World of FENDI ครั้งที่สองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ Nai Lert Villa ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มีนาคม จนถึง 2 เมษายน พ.ศ. 2566
โดยงานอันทรงเกียรตินี้เป็นหนึ่งในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้น โดยมีการจัดแสดงผลงานศิลปะและความสง่างามของ FENDI ซึ่งแสดงให้เห็นถึงงานฝีมือและนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมที่สุดจากเมซง (Maison) ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะของเฟอร์ เครื่องหนัง และกูตูร์ ดื่มด่ำไปกับการแสดงความคิดสร้างสรรค์อันกล้าหาญจากเมซง พร้อมกับความมีชีวิตชีวาผ่านการตกแต่งด้วยสีทองแชมเปญอันน่าประทับใจ
กระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซงอย่างรุ่น Peekaboo และรุ่น Baguette ไปจนถึงรุ่น FENDI First ซึ่งผ่านการรังสรรค์จากหนังเอ็กโซติกชั้นดีหายากรวมกันมากถึง 50 แบบ โดยในแต่ละแบบ มีลักษณะพิเศษเฉพาะอันยอดเยี่ยมในงานหัตถศิลป์และความซับซ้อนของดีเทลที่ทันสมัย ถ่ายทอดผ่านคุณภาพชั้นสูง ความหรูหรา และความสง่างาม
ความสามารถในการรังสรรค์เฟอร์อันเป็นมรดกของ FENDI ผสมผสานนวัตกรรมและขนบธรรมเนียมเข้ากับความเป็นเลิศมากกว่า 90 ปี วิธีการและเทคนิคซึ่งแฝงความหมายในการสร้างงานออกแบบเฟอร์อันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มาพร้อมการออกแบบตามซีซั่นด้วยสีและรูปแบบใหม่ นอกจากนี้สินค้าเฟอร์ อาทิเช่น เสื้อแจ็คเก็ตสไตล์เบสบอล (Varsity jacket) ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสรรในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ FENDI motif หรือ Karligraphy ที่มีทั้งขนมิงค์ ขนแกะ และงานปักอันตระการตา (embroidery) โซนนิทรรศการพิเศษ ‘Hand-in-Hand’ ของกระเป๋ารุ่น Baguette สร้างความน่าจดจำในการเข้าชมงาน World of FENDI อีกทั้งยังเป็นเกียรติแก่การชื่นชมงานของช่างฝีมืออิตาลีซึ่งมีมาอย่างยืนยาวผ่านความร่วมมือกับคนและช่างฝีมือท้องถิ่น เป็นหนึ่งผลงานของแต่ละเมืองทั่วประเทศอิตาลี เพิ่มความน่าสนใจให้กับกระเป๋ารุ่น Baguette ซึ่งดีไซน์โดยผู้กำกับช่างศิลป์ฝ่ายเครื่องหนังและเครื่องแต่งกายบุรุษอย่าง Silvia Venturini Fendi ในปี ค.ศ. 1997 โดยนิทรรศการ Hand-in-Hand นั้นเป็นการบอกเล่าถึงความเป็นมาของประวัติศาสตร์อันยาวนานของ FENDI ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศอิตาลีโดยเป็นการส่งเสริมช่างฝืมือในท้องถิ่น ให้แสดงความสามารถและความหลงใหลผ่านงานหัตถ์ศิลป์อันเก่าแก่ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์
World of FENDI ในครั้งนี้มาพร้อมกับคอลเล็กชั่นกูตูร์ถึง 8 ลุคและกระเป๋า 5 ใบที่ไม่เหมือนใครจากคอลเล็กชั่น FENDI Couture Spring Summer 2023 โดย Kim Jones และช่างฝีมือของ FENDI ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบผ่านการทำซ้ำ (palimpsest) จากการประยุกต์ในผลงานที่ผ่านมา ความโปร่งแสง (transparency) และการนำเทคนิคในอดีตมาประกอบเข้ากับปัจจุบัน และก้าวไปสู่อนาคตอย่างแยบยล กลายเป็นคอลเล็กชั่นแห่งความประณีต ความบางเบา และความสบายอันเป็นอิสระสำหรับผู้สวมใส่ ขณะเดียวกันยังโอบกอดโครงสร้างอันนุ่มนวลซึ่งดึงเอาความเป็นผู้หญิงในเสื้อผ้าออกมา
เทคนิคการ drapping และการจับมัดผ้าบนร่างกาย ผ่านการสำรวจผ้าลูกไม้ การจัดวาง การจับเดรปโดยฝีมือชั้นสูง และยกระดับการถักอันยอดเยี่ยม ซึ่งให้ความรู้สึกถึงงานปติมากรรมและธรรมชาติ โดยเกิดขึ้นพร้อมกับการแสดงของผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ‘sprezzatura’ ซึ่งนึกถึงประโยชน์ในการใช้สอยของห่วงเกี่ยวนิรภัยสำหรับนักปีนเขา นำมารังสรรค์ใหม่ให้กลายเป็นชิ้นส่วนปติมากรรมอันหรูหราผ่านการเชื่อมด้วยวัสดุอย่างไม่ตั้งใจ ส่งเสริมด้วยแนวคิดการทำให้สำเร็จและไม่สำเร็จ โดยการนำโลกของเครื่องจักรเปรียบกับความดั้งเดิม ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง ความอ่อนนุ่ม ในทางกลับกันมาพร้อมกับทักษะชั้นสูงของช่างฝีมือ FENDI ในบรรทัดฐานของหนังเมทัลลิคลูกไม้ หนังนุ่มพิเศษและสามารถยืดหยุ่นได้นั้นทำขึ้นด้วยมือ อีกทั้งคัตเอาต์ลวดลายลูกไม้และแทรกด้วยการฝังวัสดุประดับลงในเนื้อของลูกไม้เพื่อให้เข้ากับชั้นในซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับชุด เส้นด้ายมาในรูปแบบของขนแกะญี่ปุ่นที่มีความละเอียดเป็นพิเศษ Fuuga – มาตรฐานความละเอียด อันเป็นการรังสรรค์ขึ้นบนกรอบกลายเป็นการยกระดับของเยื่อโครเชตอันบางเบาคล้ายกับลูกไม้ที่เรียงซ้อนกันบนตัวชิ้นงาน
