Sunday, June 4, 2023

เปิดตำนานเพชร Legend of Diamonds ไฮจิวเวลรี่คอลเลกชั่นจาก Van Cleef & Arpels

ผลงานของ Van Cleef & Arpels นั้นเปี่ยมด้วยเวทมนตร์เสมอ ดังเช่นคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ Legend of Diamonds ซึ่งเพิ่งจัดงานเปิดตัวที่ประเทศไทยไปเมื่อช่วงต้นปี คอลเลกชั่นนี้เรียกเสียงฮือฮานับตั้งแต่เปิดตัวด้วยบทที่หนึ่งในชื่อ 25 Mystery Set Jewels ซึ่งเขียนตำนานบทใหม่ผ่านคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ที่สร้างสรรค์จาก Lesotho Legend เพชรดิบขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก จนมาถึงบทที่สอง White Diamond Variations โดยนำเสนอเสน่ห์ของเพชรขาวผ่านดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคสมัยต่างๆ 

เราได้พูดคุยกับคุณ Hugues de Pin ผู้บริหารของเมซงประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงเสน่ห์ของคอลเลกชั่นนี้

-Van Cleef & Arpels มีเสน่ห์ที่แตกต่างอย่างไรคะ 

“Van Cleef & Arpels เป็นเมซงไฮจิวเวลรี่ที่กำเนิดในฝรั่งเศส และรุ่มรวยด้วยอาร์ทิสติกเฮอริเทจ ซึ่งยังส่งอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานในปัจจุบัน เมซงเรามีสายสัมพันธ์กับวงการอัญมณี นั่นเพราะ Alfred Van Cleef ซึ่งแต่งงานกับ Estelle Arpels นั้นมาจากครอบครัวช่างเจียระไน ส่วน Estelle มาจากครอบครัวค้าเพชร สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ยังคงดำเนินต่อเรื่อยมา อีกอย่างก็คือ เราให้ความสำคัญกับคราฟต์แมนชิป ไม่ว่าจะเป็นไฟน์จิวเวลรี่หรือไฮจิวเวลรี่ จิวเวลรี่ทุกชิ้นผลิตในฝรั่งเศส เป็นผลงานแฮนด์เมดจริงๆ ที่สำคัญคือ ความโพสิทีฟ ความงดงามดุจบทกวี ความรื่นรมย์ ซึ่งเป็นคุณค่าที่เรายึดถือและสื่อผ่านสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเราชื่นชอบครับ” 

-การที่นำผลงานชั้นสูงมาจัดแสดงที่ประเทศไทย มีเหตุผลอะไรหรือเปล่าคะ 

ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญมานานแล้วครับ ทั้งราชวงศ์ และตระกูลต่างๆ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะเข้ามาเปิดบูติกที่นี่แล้วครับ ผมว่าคนรุ่นใหม่เองก็สนใจที่อยากจะสัมผัสและทำความรู้จักกับผลงานสร้างสรรค์ของเรา เพราะนอกจากคอลเลกชั่นนชั้นสูง เรายังมีผลงานไฟน์จิวเวลรี่ที่ร่วมสมัยและเข้าถึงได้ด้วย และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่เราเดนิทางมาเสาะหาสโตนด้วยครับ เพราะอย่างนี้เมื่อสามปีที่แล้ว เราจึงมาเปิดตัวคอลเลกชั่น Treasures of Rubies ที่นี่ และสำหรับคอลเลกชั่น Legend of Diamonds  บทแรกได้เปิดตัวไปที่ปารีส และบทที่สองเราก็เลยตัดสินใจมาเปิดตัวที่ประเทศไทย เพราะผู้คนที่นี่ให้ความสนใจใน precious stones อย่างมากครับ”

-ในการจัดงานครั้งนี้ คุณร่วมงานกับโรงเรียนจิวเวลรี่ L’Ecole ด้วย

“ใช่ครับ เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนอกจากเปิดตัวคอลเลกชั่น เรายังอยากนำเสนอแง่มุมที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเพชรให้คนรู้จักด้วย L’Ecole เป็นโรงเรียนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับจิวเวลรี่ในด้านต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญจะมาให้ความรู้ พูดคุย เสวนา จัดมาสเตอร์คลาสต่างๆ ให้กับลูกค้าและผู้สนใจในช่วงที่จัดงานครับ ก็หวังว่าจะได้จัดงานในสไตล์นี้อีกครั้งที่นี่ในอนาคตครับ”

-สำหรับคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ Legend of Diamonds มีแง่มุมไหนที่คุณประทับใจบ้าง

“ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมซงที่เราเริ่มสร้างคอลเลกชั่นจากเพชรดิบ ตอนที่ผู้ค้าเพชรนำเพชรหายากมาให้เมซง มันเป็นเพชรขนาดใหญ่และมีคุณภาพเพอร์เฟ็กต์มาก ความท้าทายก็คือการนำไปเจียระไนให้ได้เพชรที่สวยที่สุด แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นเพชร 67 เม็ดที่มีขนาดและรูปทรงต่างๆ ซึ่งใช้ในการสร้างสรรค์ปฐมบทของคอลเลกชั่นนี้ เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบเพชรแบบนี้อีกหรือเปล่า Legend of Diamonds เป็นคอลเลกชั่นที่สามที่เราสร้างสรรค์เพื่ออุทิศให้กับอัญมณีหนึ่งชนิด (ต่อจากคอลเลกชั่น Emeraude en Majesté และ Treasures of Rubies)” 

-มีชิ้นไหนที่คุณชอบเป็นพิเศษไหมคะ

“ถ้าต้องเลือก ผมชอบสร้อยจากบทที่หนึ่งครับ เพชรเซ็นเตอร์สโตนขนาด 51 กะรัต นำมาเซ็ตกับตัวเรือนซึ่งประดับด้วยทับทิมแบบ Mystery Set ผมว่ามันเป็นตัวแทนของดีไซน์ สไตล์ และคราฟต์แมนชิปของเมซง แค่มองก็จำได้ทันที ผมได้เห็นตอนที่ลูกค้าลองสวม ประกายของเพชรและทับทิมที่เปล่งออกมานั้นยิ่งดูงดงามตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย มันน่าทึ่งจริงๆ ครับ”

-พูดถึงสโตน  Van Cleef & Arpels  มีมาตรฐานในการคัดเลือกอัญมณีของตัวเองที่เรียกว่า Pierre de Caractere มันยากที่จะวัดได้ว่าอะไรคือคาแรกเตอร์คืออะไร 

“ในข้อกำหนดของ 4C (carat, cut, color, clarity) แต่เราได้เพิ่ม Pierre de Caractere เข้าไป มันเหมืนเวลาที่เรารับใครสักคนเข้าทำงาน ก็จะมีคุณสมบัติพื้นฐานที่ต้องมี แต่ก็สบางสิ่งที่มากกว่านั้น คนที่อะไรพิเศษกว่าผู้สมัครอื่น มันก็เหมือนกับสโตนเลยครับ สโตนบายเออร์ของเราไม่ยอมลดมาตรฐานแน่นอน พวกเขามีสายตาที่เฉียบแหลมและประสบการณ์มากมายในการมองหาความพิเศษของสโตนเม็ดนั้นๆ อย่างเช่น เรื่องของ inclusion ที่กล่าวถึงในเสวนาว่ามันคือตำหนิหรือเสน่ห์ของสโตนเม็ดนั้นๆ กันแน่”

-ทราบมาว่าคุณชอบศิลปะ คุณจะเปรียบคอลเลกชั่นนี้เป็นศิลปะแนวไหน

“ผมว่าเหมือนเพลงซิมโฟนีของโมสาร์ต มันอาจจะดูเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นในอดีตก็ได้ แต่ไม่ว่าใครได้ชมก็จะรู้สึกถึงความงดงามเสมอ และที่ว่าเหมือนซิมโฟนีก็เพราะเป็นการผสมผสานทักษะความเชี่ยวชาญของคนหลากหลายเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกได้ว่ามาสเตอร์พีซ” 






Other Articles