Monday, May 29, 2023

การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของนางเอกตลอดกาล ‘นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี’

นักแสดงเจ้าบทบาท ‘นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี’ กับความงามเหนือกาลเวลาที่มาพร้อมความเรียบหรู แฝงด้วยความโมเดิร์นและเสน่ห์อันไม่รู้จบจากเครื่องประดับ Tiffany&Co.

words: Aunyawan Thongboonrod

“The best version ของนุ่นก็คือนุ่นในวันนี้ค่ะ” ส่วนหนึ่งของบทสนทนาที่นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี บอกกับเราเมื่อวันที่เธอมาร่วมงานกับลอฟฟีเซียลในเซ็ตถ่ายแบบของทิฟฟานี่ แอนด์ โค (Tiffany & Co.) แบรนด์เครื่องประดับสุดหรูที่เมื่อประดับอยู่บนร่างกายของ ‘นางเอกตลอดกาล’ คนนี้ ยิ่งดูเลอค่า

“คอลเลกชั่นของทิฟฟานี่ที่นุ่นได้ถ่ายครั้งนี้ นุ่นคิดว่าทุกชิ้นสวยหมด สวมใส่ได้ทั้งประจำวันหรือออกงานก็ได้ นุ่นรู้จักแบรนด์ทิฟฟานี่ตั้งแต่อยู่มัธยมแล้วค่ะ จะชอบพวกสร้อย จี้ อะไรแบบนี้ ไม่ได้ถึงขั้นสะสม แต่ถ้าชอบก็ซื้อเก็บไว้บ้าง นุ่นว่าต่อให้เราแต่งตัวธรรมดา เสื้อ กางเกงยีนส์ แต่เราแค่ใส่สร้อยเส้นหนึ่งก็ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ จิวเวลรี่ช่วย empower ให้ใครก็ตามที่สวมใส่ เพราะแค่มองเห็นความสวยงามของมัน เราก็รู้สึกดีแล้ว พอเรามองเห็นตัวเองเวลาใส่ ยิ่งทำให้มีความสุขจากข้างใน และช่วยเสริมให้เราดูดีขึ้น นุ่นชอบเพชรที่สุดเลยค่ะ มองแล้วว้าวและไม่เบื่อ”

25 ปีในวงการบันเทิง

ปี 2540 นุ่น วรนุชแสดงละครเรื่องแรกคือ ‘ปอบผีฟ้า’ ก่อนจะมีผลงานตามมาอีกหลายเรื่องจนไล่เรียงกันไม่หมด ตั้งแต่เป็นนักแสดงที่มีสังกัดจนมาถึงอิสระ ฝีมือทางการแสดงของเธอเป็นที่ประจักษ์ด้วยการตอบรับที่ดีจากคนดูเสมอ ทั้งยังวางตัวดี ไม่เคยมีข่าวเสียหาย 

“ต้องขอบคุณนะคะที่ยังให้โอกาสตรงนี้อยู่ เพราะถ้าไม่มีคนดู หรือไม่มีคนที่คอยซัพพอร์ตเราก็คงไม่มีวันนี้ นุ่นจำละครที่ตัวเองเคยเล่นได้เกือบทุกเรื่องนะ แต่เรื่องที่อยู่ในความทรงจำเสมอก็คือ ‘แม่อายสะอื้น’ เพราะเป็นบทที่ยาก มีฉากฆ่าตัวตาย และวันที่ถ่ายทำฉากนั้น เราไปถ่ายที่ลำปางและจะต้องไปเชียงใหม่เพื่อขึ้นเครื่องกลับ แสงก็ใกล้จะหมด ทุกอย่างเลยดูเร่งรีบ แต่ก็ต้องทำให้เป็นซีนที่ดีที่สุดของเราในเรื่อง ซึ่งมันก็ออกมาอย่างที่เราพอใจ

“งานทุกงานคือครูของเรา นักแสดงและผู้กำกับทุกคนที่เราได้ร่วมงานหรือแม้กระทั่งตัวละครก็เป็นครูของเรา ทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เวลารับงานนุ่นจะดูโดยรวมทั้งเรื่องล่ะค่ะ อ่านแล้วชอบไหม และดูว่าจะได้ทำงานกับใครบ้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องของจังหวะ เวลา โอกาสด้วยค่ะ นุ่นเชื่อว่าถ้ามันเป็นของเรา เดี๋ยวมันก็จะมาเอง

“สำหรับนุ่น การแสดงต้องอาศัยทั้งการฝึกฝนและสัญชาตญาณ บางทีตัวละครอาจจะมีอะไรที่นอกเหนือไปจากบทที่เขาเขียนมา เราต้องมีจินตนาการ คือต้องซึมซับและเข้าใจตัวละครนั้นให้ได้มากที่สุด นุ่นจะนึกเป็นภาพค่ะ อย่างตอนเล่นเป็นลำยองในเรื่อง ‘ทองเนื้อเก้า’ ได้มีโอกาสไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) หม่อมไม่เคยบอกว่าให้เล่นแบบไหนถึงจะออกมาดี แต่คำสอนของหม่อมที่บอกว่า ‘ถ้าเราเป็นตัวละครแล้ว เล่นอะไรก็ไม่ผิด’ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเราต้องทำความเข้าใจแบ็กกราวด์ของตัวละครให้แน่น”

มาถึงผลงานล่าสุดอย่างซีรีส์เรื่องใหม่ของปีนี้ ‘โคตรเหงา เราสองคน’ ที่ออกอากาศทางช่อง GMM 25 ผลงานกำกับของกู่-เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข เขียนบทโดย พิง ลำพระเพลิง นุ่นได้กลับมาร่วมงานกับจอส-เวอาห์ แสงเงิน นักแสดง/นายแบบรุ่นใหม่อีกครั้งในรอบสามปี ทำให้คนดูได้สัมผัสนุ่นในมุมโรแมนติกคอเมดี้ซึ่งไม่ได้เห็นบ่อยนัก 

“เรื่องนี้บทยากค่ะ การเล่นทุกอย่างมันมีจังหวะของมัน ต้องไม่แฟลต แต่ก็สนุกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่สองแล้วที่ได้ร่วมงานกับน้องจอส ต้องบอกว่าเด็กเจนใหม่เขาจะมีมุมมองความคิดของเขา เราได้มาแชร์ประสบการณ์กัน ได้รู้สิ่งที่เขาคิดหรือเรื่องราวที่เขาเจอมา โลกของเขาเป็นยังไง การทำงานกับน้องๆ รุ่นใหม่ เราคิดว่าเราต้องเป็นมิตรกับทุกคนให้ได้ เพราะบางครั้งเขาจะเกร็งๆ งานหลักของเราก็คือต้องเอนเตอร์เทนค่ะ” เธอหัวเราะ

“ในการพัฒนาทางการแสดง นุ่นไม่ได้มีใครเป็นต้นแบบ นุ่นเชื่อว่าคนเราเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วค่ะ แต่นุ่นจะชอบดูคลิป ดูข่าว สังเกตคนและชีวิตคน เพราะการแสดงละครก็คือการเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ เราจะทำยังไงให้มันเรียลที่สุด ครั้งหนึ่งนุ่นเคยเห็นข่าวคนเสียชีวิต ในภาพข่าวคือคุณแม่เขาวิ่งมาหาแล้วพอเห็นลูก เขาก็ทรุดลงไปเลย หรืออย่างเวลาเราเห็นคนทะเลาะกันผ่านกล้องวงจรปิดซึ่งไม่มีโคลสอัพด้วยซ้ำ เห็นคนเล็กๆ เลย ไม่ได้เห็นหน้าด้วย แต่ทำไมเรารู้สึกร่วมได้ เพราะนั่นคือความรู้สึกจริง นุ่นจะชอบซึมซับอะไรแบบนี้”

17 ปีความรัก

นุ่นเล่าว่าเธอเป็นคนแรกๆ ในบรรดาเพื่อนรุ่นเดียวกันที่แต่งงาน แต่จนถึงวันนี้ชีวิตคู่ของเธอกับคุณต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย ภายใต้นิยามความรักของเธอที่ไม่เคยเปลี่ยนไป “ทำทุกวันให้ดีที่สุดค่ะ นุ่นไม่ได้คิดไกล ถ้าวันนี้ดี พรุ่งนี้ก็น่าจะดี แต่ถ้าวันไหนต่างคนต่างไม่ได้เห็นคุณค่าของกันและกันแล้ว วันนั้นจะเป็นวันเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่

“ความรักสำหรับนุ่นไม่จำเป็นต้องบอกรักกันทุกวัน ถ้าดูโทรศัพท์นุ่นจะรู้เลยว่านุ่นกับพี่ต๊อดแทบไม่โทรคุยกันด้วยซ้ำ ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่างคนต่างทำงานกันไป ชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟน เพื่อน หรือสามีภรรยา ชีวิตคนไม่ได้มีด้านเดียว มันคือวาไรตี้ เราแชร์เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กัน ไม่ใช่แค่สุขอย่างเดียว บางทีก็มีเรื่องทุกข์ด้วย 

“ความรักทำให้…มีสีสันในชีวิตค่ะ”

ชีวิตในวัย 40s

“พูดจริงๆ นะเมื่อก่อนเคยคิดว่าพออายุ 40 ก็คงไม่มีใครจ้างงานแล้ว ตั้งแต่แต่งงานตอนอายุ 29 นุ่นเห็นว่าไม่ค่อยมีนางเอกคนไหนที่แต่งงานแล้วยังทำงานได้อยู่ ส่วนใหญ่พอไปให้เวลากับครอบครัว โอกาสที่จะเป็นนางเอกหรือตัวละครนำมันน้อยมาก ตอนนั้นก็ทำใจเลย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ที่ผ่านมาทุกคนยังคงให้โอกาสอยู่ นุ่นเองก็ยังอยากทำงานที่นุ่นรักอยู่ตรงนี้”

 ถามว่ากังวลไหมกับอายุ 40 “นุ่นว่าคนเรามันก็ต้องมีความกังวลบ้างนิดหน่อย แต่เราทำอะไรไม่ได้ เราไปแก้ตรงนั้นไม่ได้ นอกเหนือจากการดูแลตัวเองภายนอกด้วยการบำรุงต่างๆ แล้ว อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือทำยังไงให้เราอยู่กับเลข 4 อย่างมีความสุข ซึ่งนุ่นโชคดีที่มีเพื่อนเยอะมาก ยิ่งพอเป็นนักแสดงอิสระก็ยิ่งมีเพื่อนร่วมงานหลายกลุ่ม ได้เรียนรู้กันและกัน ไปทำกิจกรรมที่ชอบด้วยกัน 

“ตอนนี้นุ่นได้ใช้ชีวิตมากกว่าตอนเด็กด้วยซ้ำ ตอนเด็กทำงานเยอะมาก แค่มีเวลานอนก็ดีใจแล้ว อยากไปต่างประเทศก็ติดถ่ายละคร แต่พอวันหนึ่งเราเติบโตและมีเวลาของตัวเองมากขึ้น นุ่นได้ทำอะไรหลายอย่างที่อยากทำ อย่างไอซ์สเก็ตที่เคยเล่นตอนเด็กๆ แล้วเลิกไป ใครจะคิดว่าเราจะมาเล่นตอน 30 ปลาย หรือเพื่อนบางคนก็อายุ 40 50 กันแล้ว

“นุ่นไม่เคยคิดอยากย้อนเวลาไปตอนไหนเลย เพราะเราเต็มที่กับทุกสิ่งไปหมดแล้ว ตั้งแต่เด็กก็เคยเที่ยวกลางคืน แล้วก็รู้ว่าไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ แถมแพ้แอลกอฮอล์ด้วย คือเราผ่านอะไรหลายอย่างมา เรียนรู้คนมาค่อนข้างเยอะ เรียนรู้ว่าชีวิตคืออะไร และตอนนี้ชีวิตเราก็เติมเต็มสิ่งที่เราไม่ได้ทำตอนวัยรุ่นไปเยอะมาก” มันจึงย้อนกลับไปที่ประโยคเริ่มต้นของบทความนี้ ก็คือเรากำลังนั่งคุยกับนุ่น วรนุชในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเธอเอง

แต่ถ้าถามถึงความฝันในตอนนี้ที่ยังไม่เคยบอกใคร เธอนิ่งไปสักครู่แล้วบอกยิ้มๆ ว่า “อยากไปอยู่ในที่อากาศดีๆ ชิลล์ๆ ถ้าเป็นไปได้จะเก็บเงินแล้วซื้อบ้านริมเลคที่สวิตเซอร์แลนด์สักหลัง”

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Stylist: Piphacha Vonpiankul 

Makeup: Punwisit Sukarom (@lovemelondon)

Hair: Supisut Inraung

Photographer Assistants: Supachai Suwanmajo, Manosit boonnon

Stylist Assistant: Naruemol Namkaew

Other Articles