รันเวย์ล่าสุดของ Versace ในคอลเลกชั่นต้อนรับฤดูหนาวอย่าง Fall / Winter 2023 ได้เลือกสถานที่จัดไปไกลถึงเมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเนรมิตให้ผู้ชมรับชมโชว์ท่ามกลางดาดฟ้าสูง และเลือกที่เปิดโชว์ด้วยนักแบบสาวชื่อดัง Gigi Hadid ที่สวมใส่ชุดสีดำอันสง่าเงียบหรู แต่โดดเด่นไปด้วยความโฉบเฉี่ยวด้วยเมกอัพไลน์เนอร์สีดำ ทำให้คุณสัมผัสได้ความความเย้ายวนในเวลาเดียวกันก็ว่าได้










ตามด้วยเหล่านางแบบและนายแบบเดินเรียงรายกันเข้ามาด้วยสุดสีดำที่เราสัมผัสได้ถึงความโมเดิร์และมีความละอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดและเสมือนเป็นดีเอนเอของ Versace นั้นคงหนีไม่พ้นความเซ็กซี่ เพราะคอลเลกชั่น Fall / Winter 2023 ล่าสุดนี้ Versace ได้รับแรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของความเย้ายวนควบคู่กับพลังของฮอลลีวูด อย่างการนำเอกลักษณ์ของช่วงยุครุ่งเรืองที่มีความเย้ายวนมาผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัย รวมถึงความเป็นไอคอนิกและพลังแห่งความมั่นใจของ Versace









ดอนนาเทล่า เวอร์ซาเช่ ได้เผยถึงความรู้สึกและพูดถึงคอลเลกชั่นนี้ว่า “คอลเลกชั่นนี้สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจและความภาคภูมิใจในตัวเอกลักษณ์ของ Versace โดยเราได้นำประสบการณ์จาก ATELIER ไปจนถึงเสื้อผ้า ready – to – wear อาทิ การร่างโครงสร้าง การตัดเย็บเสื้อผ้า และการเลือกใช้วัสดุผ้า โดยคอลเลกชั่นนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองงานฝีมือและทำความเข้าใจลักชัวรี่อย่างถ่องแท้ เพื่อสร้างสรรค์เสื้อผ้าสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับฉันแล้ว เมืองลอสแองเจลิสถือเป็นบ้านอีกหลังสำหรับพวกเรา ที่แบ่งปันพลัง ความสร้างสรรค์ และจินตนาการเข้าไว้ด้วยกันโดยโชว์ในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ต่อทุกคนทั่วโลก”


และแน่นอนว่าคอลเลกชั่นนี้ คุณจะได้เห็นผลงาน Atelier Versace อันเป็นงานฝีมือและการร่างซิลลูเอตของทางแบรนด์ อย่างเดรสที่มาพร้อมกับดีเทลที่เผยช่วงอกและไหล่อย่างสง่างาม ซึ่งอ้างอิงจาก Atelier Versace คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ – ฤดูร้อน 1995 กลับมาโดดเด่นอีกครั้งพร้อมผสานเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บอันประณีต นอกจากนี้คุณจะได้เห็นการออกแบบปลายไหล่แบบตรงถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ VERSACE โดยกระโปรงพลีท กระโปรงทรงเอ และชุดเดรสตัดเย็บด้วยความเชี่ยวชาญและความเข้าใจเกี่ยวกับหุ่นของร่างกายอย่างลึกซึ้ง ในส่วนของวัสดุนั้น เนื้อผ้า ผิวสัมผัส จะต้องมีความเบาสบายของเนื้อผ้าเพราะ Versace ร่วมมือผลิตกับซัพพลายเออร์สำคัญ อย่างผ้าวูล Bouclé และผ้าดัชเชสสองชั้นที่ผสมผสานด้วยผ้าไหม ขนเทียมและเสื้อโค้ท หนัง cracklé อีกทั้งยังมีลายพิมพ์จระเข้บนผ้าไหม ลวดพิมพ์บาโรคบนผ้าแจ็คการ์ด และเสื้อเชิ้ตผ้าป๊อปปลิ้น ให้คุณเลือกสรรมากมาย




ในส่วนของนาฬิกาและเข็มขัดจะประดับด้วย ‘nastro Gianni’ พร้อมกับฮาร์ดแวร์เมดูซ่าก็จะมาจากยุค 95 ซึ่งเป็นโลโก้เมดูซ่าของทางแบรนด์ที่เคยเปิดตัวเมื่อ ปี 1995 ผ่านแคมเปญ Atelier Versace โดยมี Madonna ร่วมแคมเปญด้วยเช่นกัน ในส่วนของสีสันคุณจะได้เห็นความหลากหลายและความป๊อปที่สนุกสนานมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสีเทาแอนทราไซต์ หรือ สีถ่านหิน สีส้มแอปริคอต สีเทอร์ควอยซ์ และสีชมพู ที่อ้างอิงจากจานสีของ VERSACE ในช่วงต้นยุค 2000 และคลาสสิกอย่างสีดำ สีน้ำตาลคาราเมล และสีน้ำตาลช็อกโกแล็ต นับเป็นสีที่อยู่เหนือกาลเวลา และใช้งานได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังสอดคล้องกับการถ่ายทอดคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และงานฝีมือของ Atelier Versace ให้กลายเป็นเสื้อผ้า ready – to – wear ที่ให้คุณสามารถสวมใส่ได้ทุกวัน นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียงสีสันอันสะดุดตาเท่านั้นที่จะหลงรักและชื่นชอบในคอลเลกชั่นนี้ แต่ Versace ได้ส่งลวดลายพิมพ์พิเศษหนังสัตว์อย่างลายจระเข้,ลายดัลเมเชี่ยนไปจนถึงลวดลายพิมพ์และปักดอกไม้สุดตระการตา ออกมาพิเศษต้อนรับลมหนาวที่มาเยือนด้วยความร้อนแรงที่โดดเด่นที่แฝงความคลาสสิกอันขบถที่เย้าย้อนในเวลาเดียวกันได้อย่างครบถ้วนก็ว่าได้



