
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำเมซง Van Cleef & Arpels ไปแล้วในการฉลองการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิด้วยการนำเสนอชิ้นงานใหม่ในคอลเลกชั่น Lucky Spring เช่นเดียวกับปี 2023 นี้ ทางเมซงได้สร้างสรรค์ 4 ชิ้นงานใหม่ ประกอบด้วย จี้สร้อยคอสองรุ่น, แหวนหว่างนิ้วหรือ Between the Finger หนึ่งรุ่น และสร้อยข้อมืออีกหนึ่งรุ่น

งานออกแบบแต่ละชิ้นล้วนเต็มไปด้วยความวิจิตรบรรจงของการร้อยเรียงโมทิฟรูปสัตว์ อย่างเช่นเต่าทอง กับดอกไม้ให้มาอยู่ร่วมกับประกายเจิดจรัสสว่างสุกใสของบรรดารงคศิลา ซึ่งถูกเลือกมาใช้ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติที่กำลังฟื้นตื่นหลังฤดูหนาวอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป ทั้งยังสื่อความหมายถึงความโชคดีและการเริ่มต้นใหม่ดั่งฤดูใบไม้ผลิบาน


Van Cleef & Arpels ใช้ความพิถีพิถัน ละเอียดลออในการคัดเลือกวัสดุต่างๆ เพื่อนำมาถ่ายทอดความวิจิตรบรรจงทางสรรพสีในธรรมชาติ พร้อมกับมอบประกายเจิดจรัสสะกดสายตาให้กับผลงานแต่ละชิ้น ผู้ชำนาญด้านรัตนชาติของเมซง ยกย่องคุณค่าของโมราสีเพลิง หรือคาร์เนเลียนเนื้อโปร่งแสงเฉดส้มอมแดงโชติช่วงดังดวงไฟได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่นิลกาฬ หรือออนิกซ์ต้องให้สีดำขลับล้ำลึก ทอประกายเงางาม ส่วนแม่มุก หรือมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ลสีขาวย่อมมีคุณสมบัติไล่เฉดเหลือบรุ้งระยับแสงอย่างกลมกลืน และทองคำสีกุหลาบ ก็ได้ผ่านการขัดผิวขึ้นเงา อำนวยต่อการสะท้อนแสงตกกระทบไปเร่งระดับความสว่างสดใสให้กับทุกรายละเอียดบนตัวเรือน
บรรดารัตนชาติแต่ละชนิด จะถูกตัดเจียนขึ้นรูปทรงอย่างระมัดระวังก่อนผ่านกรรมวิธีขัดผิวเร่งประกายสว่าง ในขณะที่โมทิฟรูปทรง หรือลวดลายต่างๆ ถือกำเนิดจากเทคนิคหล่อแบบขึ้นรูปโลหะสูญขี้ผึ้ง (lost-wax casting) แบบดั้งเดิม จากนั้น บรรดาลูกปัดทองทั้งหลาย ซึ่งได้จากงานหล่อแม่พิมพ์ด้วยเทคนิคเดียวกันนั้น ก็จะถูกตกแต่ง เก็บงานทีละเม็ดโดยช่างฝีมือ สำหรับงานขึ้นตัวเรือน ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการดัดก้านหนามเตยให้โค้งตัวลงมายึดแผ่นรงคศิลาให้ผนึกแนบอย่างแน่นหนา และไม่ว่าจะเป็นจี้สร้อยคอ, สร้อยข้อมือ หรือสร้อยคอเส้นยาว โมทิฟแต่ละชิ้นต่างปรากฏลายประดับตกแต่งเหมือนกันทั้งสองด้านเพื่อให้การสะท้อนแสงตกกระทบอย่างดีที่สุด ก่อนมาถึงงานขัดผิวลำดับสุดท้ายเพื่อทวีความงดงามให้แก่ทั้งตัวเรือนเครื่องประดับ