Sunday, March 26, 2023

โอบ โอบนิธิ เดบิวต์ผลงานเพลงสุดคลั่งรัก ‘ต่อให้เธออยู่ไกล (Moon to Mars)’

Words: Thiramanat Sornsing

โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่าสิบปีแล้ว สำหรับโอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ นักแสดงที่ฝากผลงานไว้มากมาย อย่างเช่นซีรีส์ I Hate You, I Love You, โปรเจ็กต์เอส เดอะซีรีส์ ตอน Spike, แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 และภาพยนตร์แสงกระสือ ผลงานที่เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาครอง ในปีนี้โอบขอทำตามอีกแพสชั่นหนึ่งกับการเป็นนักร้อง โดยส่งผลงานเดบิวต์ ‘ต่อให้เธออยู่ไกล (Moon to Mars)’ ที่ซุ่มทำมากว่าหนึ่งปี ทั้งยังชวนนักแสดงสาวสุดฮอตอย่างเลดี้ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล มาเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโออีกด้วย ในโอกาสพิเศษแบบนี้เราจึงไม่พลาดชวนหนุ่มโอบมาอัพเดตผลงานและบทบาทใหม่กันสักหน่อย

‘ต่อให้เธออยู่ไกล (Moon to Mars)’ แนวเพลงเป็นยังไง

“เป็นแนวป็อปครับ กึ่งๆ อาร์แอนด์บี เป็นเพลงใสๆ ฟังแล้วโพสิทีฟ คอนเซ็ปต์ของเพลงนี้โอบไม่ได้อยากจะให้ออกมาเป็นฟีลคลั่งรักนะ (หัวเราะ) แต่เนื้อหาพูดถึงเรื่องระยะทางครับ หมายถึงว่าอยู่ในสถานะที่เพิ่งเริ่มคุยกัน มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน มันจะมีความลงทุนนิดนึง แบบว่าอยู่ไกลแค่ไหนก็ไปหาเธอได้ ฟีลเหมือนว่าเชียงใหม่ก็แค่ปากซอย ลำบากแค่ไหนก็ไปหาเธอได้ คอนเซ็ปต์ประมาณนี้ครับ คนแต่งเนื้อร้องและทำนองคือพี่ปณต วงเก็ตสึโนวา คนทำดนตรีเป็นพี่โฟร์-ประทีป สิริอิสสระนันท์”

โอบมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงนี้ด้วยไหม

“เขาเอา input ไปครับ พี่ณตมองว่าตัวโอบไม่ค่อยเหมาะกับการทำเพลงอกหักเท่าไร เพราะว่าตอนนี้เรื่องความรักของโอบดูโพสิทีฟมากเลย เราก็บอกว่าอยากเล่าเรื่องการเดินทางของความรักมากกว่า ตั้งแต่วันแรกหรือตั้งแต่ใช้ชีวิตมาก็จะมีการเดินทางในรูปแบบต่างๆ โอบนึกถึงคำว่า Moon to Mars เลยบอกพี่ณตว่าชอบคำนี้มากเลย เราสามารถทำอะไรกับมันได้ไหม เขาเลยบอกว่างั้นเอาระยะทางมาเล่นสิ จากดวงจันทร์ไปถึงดาวอังคารมันไกลมากเลยนะ”

ก่อนหน้านี้เห็นโอบคัฟเวอร์เพลงบ่อยๆ แพสชั่นการเป็นนักร้องเริ่มจากตอนไหน

“ตั้งแต่แรกๆ ครับ ก่อนที่โอบจะเป็นนักแสดงก็เคยถูกเรียกไปทำเดโมเพลง ตอนนั้นคือร้องเพลงแย่มาก เลยไม่ผ่าน แต่ด้วยความที่โอบเป็นคนแบบว่าถ้าเจออุปสรรคก็จะนอยด์กับมันนิดนึงแหละ แต่สุดท้ายจะพยายามทำให้ได้ ตอนนั้นไม่เคยเรียนร้องเพลงเลยนะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการร้องเพลงขั้นพื้นฐานเป็นยังไง พยายามเรียนรู้ด้วยตัวเองมาตลอด จนพอมีโอกาสได้ขึ้นคอนเสิร์ต ได้มีโอกาสร้องเพลงมากขึ้น เราก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้น บวกกับการได้ไปเรียนร้องเพลง จนวันนึงเรารู้สึกว่าอยากทำซิงเกิล

“ตอนที่โอบไปเป็นนักร้องหลังกำแพงของพี่แพรว คณิตกุล ทำให้หลายคนเห็นว่า เออ โอบร้องเพลงได้นะ เลยเหมือนเป็นการตอกย้ำอีกว่า ถึงเวลาของเราหรือยังที่จะทำสิ่งเหล่านี้ออกมา แต่สุดท้ายแล้วพอนาดาวปิด เลยไม่มีโอกาสได้ทำ มีหลายคนถามว่าไม่ไปอยู่ค่ายเหรอ โอบรู้สึกว่าการที่เราจะอยู่ค่ายมันเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะพาร์ตการทำเพลงคือศูนย์ เราไม่มีความรู้ ถ้าจะเอาแค่ผลงานยูทูบไปยื่นให้เขาฟังเหรอ เขาจะสนใจเราขนาดนั้นเลยเหรอ เลยคิดว่า เอ้ย เราลองสู้เอง ทำเองดีกว่า”

ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมบ้างไหม ในด้านการเป็นศิลปิน

“โห เยอะเลยครับ เพราะวันนึงที่เราประกาศว่าเป็นฟรีแลนซ์แล้ว โอบไม่ชินเลยนะกับการมานั่งทำพีอาร์เอง ปกตินาดาวจะลิสต์มาให้ทำนู่นนี่นั่น คือมีคนทำให้ทุกอย่าง แต่วันนี้โอบต้องติดต่อทีมงานเอง ติดต่อเรื่องทำเอ็มวี หรือนู่นนี่นั่น ตอนนี้เหมือนกับขาของเรายังเดินได้ไม่เต็มที่ เรามีหน้าที่ประกอบขาเราให้เดินไปได้ด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น เปิดโอกาสให้เราใช้ชีวิตมากขึ้น พูดเลยว่าโอบมีส่วนกับทุกโปรเซสของการทำเพลงนี้ทั้งหมด เป็นซิงเกิลแรกก็เลยอยากทำให้เต็มที่”

คาดหวังอะไรในบทบาทของนักร้อง และตั้งเป้าหมายไว้แบบไหน

“โอบคงไม่พูดว่าอยากให้ทุกคนยอมรับในฐานะศิลปินหรอก เพราะโอบรู้สึกว่าวันนึงพอถึงเวลามันจะเป็นของมันเอง แต่เป้าหมายปีนี้โอบแค่อยากได้ขึ้นเฟสติวัลสักงานนึงที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก โอบรู้สึกว่าพอเราได้ร้องเพลงของตัวเอง แล้วมีคนฟัง มีคนร้องตามไปด้วย แค่ยืนกระดิกเท้า โอบก็โอเคแล้ว เพราะเราไม่เคยมีแฟนคลับในฐานะแฟนเพลงที่ร้องตามได้

“มันเป็นการเดิมพันกับตัวเองมากกว่า เราไม่ได้คาดหวังแบบ โห ทะลุร้อยล้านวิว ห้าร้อยล้านวิว คือทุกคนรอบตัวจะบอกว่าขอให้ได้สักสิบล้านวิว โอบบอกว่า โอ้ย แสนวิวก็ดีใจแล้ว โอบไม่ได้เป็นคนหวังสูงขนาดนั้นหรอก คือถ้ามันได้ก็คงเป็นผลกำไรแหละที่ทำออกมาแล้วถูกจริตคนจริงๆ”

พอเข้ามาในสนามนี้มีอะไรที่ท้าทายเรา นักร้องคนอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วหรือเปล่า

“ท้าทายตัวเองมากกว่า เราไม่ได้รู้สึกว่าไปท้าทายกับคนอื่นๆ หรือว่าคนที่เคยมีอยู่แล้วคัมแบ็กกลับมา โอบว่าการท้าทายกับตัวเองเป็นเดิมพันที่ค่อนข้างสูง ตราบใดที่วันนี้เราปล่อยเพลงออกมา เราไม่รู้หรอกว่าเพลงของเราจะไปในทิศทางไหน หรือว่าฟีดแบ็กจะเป็นยังไง แค่รู้สึกว่าถ้าเราทำแล้วชอบ มันก็โอเคแล้ว”

ถ้าจะทำซิงเกิลต่อๆ ไป เราจะได้เห็นโอบลุกมาเต้นบ้างหรือเปล่า

“ผมเต้นไม่เก่งครับ (หัวเราะ) เอาจริงๆ เลยนะ ถ้าให้เต้นท่านู่นนี่ โอบเต้นได้ แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา หรืออาจจะมีในอนาคตก็ได้ ต้องลองดูว่าอยากจะเห็นอะไรใหม่ๆ กับตัวเองบ้าง”

ได้ร่วมงานกับพี่ปรางเป็นยังไงบ้าง

“เขาเก่งครับ ปกติแล้วเวลาเราทำงานกับใคร ครั้งแรกที่เจอกันมันจะรู้สึกเขินๆ นิดนึง ไม่กล้าเล่น แต่ทำงานกับพี่ปรางคือสามารถตัดสิ่งนี้ไปได้เลย เขาทำงานได้อย่างโปรเฟสชั่นนอลมาก ตอนแรกยังคิดไม่ออกนะว่าจะเป็นใคร มันยากมากกับการที่เราจะคิดชื่อคนนึงขึ้นมาเป็นนางเอกเอ็มวี แต่แล้วอยู่ดีๆ มันก็เด้งขึ้นมาชื่อนี้ เลยลองติดต่อไป แล้วช่วงที่เขากำลังตัดสินใจอยู่ เราคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นใคร พอเขาตัดสินใจเล่นก็ดีใจมากๆ แล้วตอนวันถ่ายทำมันพิสูจน์ให้เห็นเลยว่าเราเลือกคนไม่ผิด พี่ปรางเป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ”

มาร้องเพลงแบบนี้ แล้วงานแสดงล่ะ

“มันจะคลอไปด้วยกันครับ ปัจจุบันนี้คนที่เป็นนักแสดงจะถูกยอมรับจากกลุ่มคนฟังเพลงน้อยมากว่าเป็นศิลปินจริงๆ สิ่งที่หลายคนพูดว่า เฮ้ย อย่าให้เขาดูถูกว่าเราเป็นแค่นักแสดงที่มาร้องเพลง คุณจะต้องเป็นศิลปินจริงๆ ให้ได้นะ สำหรับโอบคิดว่ามันมีทั้งคำพูดที่ถูกและคำที่ไม่ได้ตรงใจขนาดนั้น โอบรู้สึกว่าถ้าเปรียบเทียบเป็นร้านอาหาร สมมติโอบเปิดร้านราเมงที่ขายดีอยู่แล้ว แล้ววันนึงโอบอยากจะเปิดร้านซูชิขึ้นมา ทำไมเราต้องปิดร้านราเมงล่ะ โอบว่าสามารถทำควบคู่กันไปได้ แต่แค่ต้องบาลานซ์ โอบไม่ได้สนใจสิ่งที่คนพูดว่า เฮ้ย ไอ้นี่เป็นนักแสดงมาร้องเพลงว่ะ มันมีหลายอย่างที่จะพิสูจน์คนได้ว่าเขาตั้งใจจะทำให้ตัวเขาเป็นศิลปินจริงๆ โอบจะทำให้เต็มที่ทั้งสองอย่าง และไม่ทิ้งการแสดง เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือสิ่งที่เราเป็นแต่แรก”

ชีวิตฟรีแลนซ์เป็นยังไงบ้าง

“ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยครับ จากอะไรที่เราไม่รู้ เราต้องรู้ มันยาก เมื่อก่อนมีคนทำให้ทุกอย่าง เรามีหน้าที่แค่ไปทำงาน ทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่โอเค แล้วก็ไปทำงานนั้นๆ ให้จบ ปีนี้เราจะอายุ 29 แล้ว โอบดีใจมากนะที่ออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้วทุกคนพร้อมที่จะซัพพอร์ตเรา ตอนที่ติดต่อพี่โฟร์ เขาก็บอกว่ามาสิ พอติดต่อพี่ณตไป เขาบอกว่าพี่อยากช่วยนะ มาเลย ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเลย ติดต่อพี่เสือ (พิชย จรัสบุญประภา) ไปว่าช่วยทำเอ็มวีให้น้องหน่อยนะ เขาก็บอกว่าได้สิ รู้มั้ยว่าพี่เครียดกว่าทุกตัวเลย เพราะว่าเป็นเอ็มวีเพลงแรกของน้องที่เขารักมากๆ เรารู้สึกว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยพลังบวกจากทุกคน เป็นความรู้สึกที่เหมือนเราจะก้าวยืนด้วยตัวเองแล้วมีคนช่วยพยุง เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ทุกคนอยากจะช่วยให้เราเติมเต็มความฝัน”

โอบทราบดีว่าต้องทำตัวยังไงถึงจะเป็นนักแสดงที่ดี แล้วคิดว่านักร้องที่ดีต้องเป็นยังไง

“ผมว่าทุกอาชีพแทบจะไม่ต่างกัน สิ่งที่ออกไปอยู่ในสื่อหรือออกไปสู่สายตาคน มันจะต้องมีการคิดไตร่ตรองมาแล้วระดับนึง นักร้องก็เหมือนกัน เพราะว่าอยู่ในสื่อที่ใกล้เคียงกันมาก วันนี้เราทำเพลงออกมาแล้วคนฟังเห็นความตั้งใจของเรา อันนี้ก็โอเคแล้ว การเป็นนักร้องที่ดีหรือศิลปินที่ดีคือการใช้ชีวิตโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครสักคนหรือว่าหลายๆ คน แค่นี้ก็คงพอแล้ว”

นิยามความเป็นโอบนิธิ

“เวลาจะทำอะไร โอบจะไม่ค่อยกล้าตัดสินใจนิดนึง หรือชอบกลัวไปก่อน ก่อนที่จะทำเพลงก็รู้สึกว่าทำดีมั้ยวะ เลยคิดว่าถ้าไม่ทำ มันจะไม่ได้ทำซะที หรือมันจะไม่มีใครเห็นสิ่งเหล่านี้ซะที แล้วสุดท้ายพอเราทำได้ มันจะเป็นสิ่งที่คอยกลับไปสอนว่า เฮ้ย อย่าเพิ่งกลัวดิ เรายังไม่ได้เริ่มเลย ถามว่าปัจจุบันนี้มันยังมีความรู้สึกแบบนี้มั้ย ก็ยังมีบ้าง แต่เพราะเราได้เรียนรู้มาแล้ว เลยรู้สึกว่าทำไปก่อนเหอะ จะดีหรือไม่ดี เดี๋ยวค่อยว่ากัน อย่าคิดเยอะ”

มีอะไรที่อยากฝากทิ้งท้ายไหม

“โอบยังไม่รู้ว่าฟีดแบ็ก หรือทิศทางเพลงจะออกไปทางไหน หรือจะเป็นยังไงในอนาคต ถ้าชอบก็แค่บอกต่อ หรือแชร์ต่อก็ได้ครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่โอบชอบ หลายคนน่าจะเห็นว่าโอบตั้งใจทำสิ่งเหล่านี้ออกมาจริงๆ โอบอยากจะถ่ายทอดอีกมุมมองนึงให้ทุกคนได้เห็น แค่จะบอกว่าอยากให้ลองเปิดใจฟังกันดูละกันครับ”

Photographer: Thanut Treamchanchuchai

Other Articles