ประวัติศาสตร์ของ Seiko เริ่มต้นขึ้นในปี 1881 ซึ่งตรงกับยุคเมจิและเป็นยุคที่สังคมญี่ปุ่นเริ่มรับวัฒนธรรมและความเจริญจากโลกตะวันตก Kintaro Hattori ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 22 ปีได้เปิดร้านตนเองขึ้นในย่าน Ginza กรุงโตเกียวเพื่อจัดจำหน่ายนาฬิกาและรับซ่อม ต่อมา ในปี 1913 บริษัทของเขาจึงได้ผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่นออกสู่ตลาด โดยตั้งโรงงานผลิตนาฬิกาใช้ในบ้านขึ้นที่กรุงโตเกียว ในชื่อ “Seikosha” ซึ่งคำว่า Seiko แปลว่า ความสำเร็จ, ความงดงาม ส่วนคำว่า Sha แปลว่า บริษัท, ธุรกิจ
ในโอกาสครบรอบ 110 ปีแห่งการผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่น ทาง Seiko จึงได้เปิดตัว King Seiko รุ่นใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากมรดกทางเทคโนโลยี และการออกแบบอันยาวนาน อีกทั้งยังเป็นการกลับมาของคอลเลกชัน King Seiko ที่ได้รับอิทธิพลจากนาฬิกาวินเทจรุ่นดั้งเดิม ที่สร้างความประทับใจให้กับคนรักนาฬิกาทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ผลงานสุดพิเศษนี้โดดเด่นด้วยพื้นหน้าปัดที่ไล่ระดับสีอย่างสวยงามหรูหรา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงเรขาคณิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า คิกโกมอน (Kikkoumon) อันมีต้นแบบมาจากรูปทรงหกเหลี่ยมบนกระดองเต่า ซึ่งในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้น เต่าเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาวและความเจริญรุ่งเรือง และยังเชื่อมโยงกับชุดเกราะของซามูไรที่มีความหมายถึงความแข็งแกร่งและชัยชนะอีกด้วย ทั้งยังเชื่อมโยงกับประวัติโรงงานในเขตคาเมโดะของกรุงโตเกียว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ คาเมชิมะ (Kameshima) พื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำและลำธาร ที่ถูกเรียกว่า “เกาะเต่า” (Tortoise Island)
KING SEIKO Watchmaking 110th Anniversary โดดเด่นด้วยตัวเรือนงามสง่าขนาด 37 มิลลิเมตร และสาย 7 end link ความคมชัดและเหลี่ยมมุมได้รับแรงบันดาลใจจาก King Seiko KSK รุ่นคลาสสิกที่รังสรรค์ขึ้นในปี 1965 และเป็นซีรีส์ของ King Seiko รุ่นที่สอง ซึ่งเป็นรุ่นที่กำหนดรูปลักษณ์ของคอลเลกชันนี้ อินเด็กซ์บอกเวลาหลักชั่วโมงผ่านการเจียเหลี่ยมอย่างประณีต ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติที่ล้ำสมัย คาลิเบอร์ 6R31 สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง คอลเลกชันสุดพิเศษนี้มาพร้อมสายหนังสีดำพร้อมตัวล็อก เพิ่มทางเลือกในการสวมใส่ เปลี่ยนลุคเป็น Dressing watch ได้อย่างง่ายดาย
