ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากเรื่องความหล่อแล้ว ชั้นเชิงทางการแสดงของมาริโอ้ เมาเร่อก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ล่าสุดเขากำลังมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ ขุนพันธ์ 3 ให้แฟนๆ ได้ติดตาม

ความรู้สึกแรกที่ได้มาเล่นเป็นเสือมเหศวรในเรื่อง ขุนพันธ์ 3
“ผมรู้สึกว่าโหดแน่ครับ เพราะเราเป็นแฟนของขุนพันธ์มา 2 ภาคแล้ว ตั้งแต่เป็นคนดูเราก็รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้พลัง ใช้แรงในการเล่นเยอะมาก ดูจาก ขุนพันธ์ เสือใบ เสือฝ้าย แล้ว ชีวิตเขาไม่ได้ผ่านมาง่ายๆ เลยครับ และแคสติ้งแต่ละตัวละครของขุนพันธ์ที่ผ่านมา โอ้โห เบอร์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลยครับ ทั้งพี่น้อย ผู้พันเบิร์ด พี่เป้ อารักษ์ ผมรู้สึกตื่นเต้นครับที่จะได้เป็นหนึ่งในตัวละครของขุนพันธ์ 3”
สำหรับเรื่องนี้ อาจเรียกว่าเป็นความฝันในวัยเด็กของนักแสดงชายบางคนที่จะได้มาขี่ม้า ยิงปืน ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ผู้ชายเขาทำกัน โอ้รู้สึกอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า
“ครับ ผมคงเป็นเหมือนผู้ชายหลายๆ คนที่อยากเล่นเรื่องขุนพันธ์ เพราะอยากมาบู๊ อยากขี่ม้า อยากยิงปืน ผมเองโชคดีที่เคยร่วมงานกับพี่โขมผู้กำกับมาก่อน เลยมีโอกาสได้ขี่ม้าและได้ตกม้า ได้ยิงปืน พอมาถึงขุนพันธ์ 3 ความต้องการตรงนั้นมันก็น้อยลง เริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องเหนื่อยมากก็ได้นะ ลองติ๋มๆ บ้างก็ดี แต่พอกลับมาเจอพี่โขม ก็โหดเหมือนเดิม เล่นเรื่องนี้ได้เจอทุกอย่างเลยครับ”
บทบาทและคาแร็กเตอร์ของเสือมเหศวรเป็นอย่างไรบ้าง
“เขาเป็นจอมโจรคุณธรรมครับ เป็นอีกหนึ่งเสือที่โด่งดังในภาคกลาง คือมีทั้งเสือฝ้าย เสือใบ เสือดำ แล้วก็เสือมเหศวร เขาเป็นเสือที่ท้าทายอำนาจรัฐ ทำให้ทางรัฐส่งขุนพันธ์มาปราบ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนทั่วไปครับ ที่มาเข้าพวกกับสี่เสือภาคกลาง เพราะเขาไม่ชอบความเหลื่อมล้ำในสังคม เลยลุกขึ้นมาเป็นโจรเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ เขายังเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ แล้วก็มีอาชีพหลากหลาย ซึ่งอีกอาชีพหนึ่งของเขาก็คือนักข่าว เป็นคนที่ชอบปลอมตัว มีความแคล่วคล่องว่องไว พลิ้วไหวเหมือนสายลม เป็นคนฉลาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีไหวพริบ สิ่งที่เขาห้อยติดตัวตลอดคือพระมเหศวร นอกจากนี้เขายังมีคาถาที่เบี่ยงกระสุนได้ และเป็นเสือคนเดียวที่กระตุกหนวดของขุนพันธ์ได้ครับ”

ชอบอะไรในบทนี้บ้าง
“ผมชอบเพราะเป็นคาแร็กเตอร์ที่มีหลากหลายอารมณ์ รวมทั้งทัศนคติของตัวเขา ได้เห็นมุมโรแมนติกและมุมดราม่าด้วย สิ่งที่ผมชอบมากคือการปลอมตัว ซึ่งก็ท้าทายตัวผมด้วย สนุกทุกครั้งที่ได้เล่นเป็นเสือมเหศวรครับ และต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ทั้งขี่ม้า ยิงปืน เล่นมายากล เขาต้องเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ทุกครั้งที่ปลอมตัว ภูมิใจมากครับที่ได้เล่นบทนี้ เป็นบทที่ไอดอลของผมเคยเล่นมาด้วยครับ ทั้งอามิตร ชัยบัญชา อาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี พี่ต็อก ศุภกรณ์ จนมาเป็นมาริโอ้ครับ”
อยากให้พูดถึงตัวละครสาวิตรีคุณหมอประจำชุมโจร ซึ่งเป็นสาวคนสนิทในเรื่อง
“เสือมเหศวรชื่นชมความสามารถและจิตใจของสาวิตรีครับ เพราะเธอเป็นหมอที่ไม่เลือกคนไข้ รักษาหมดไม่ว่าจะเป็นโจรหรือคนทั่วไป สาวิตรีรู้ถึงอุดมการณ์และทัศนคติของเสือมเหศวรค่อนข้างมาก ความจริงแล้วเสือมเหศวรเป็นคนลักพาตัวคุณหมอสาวิตรี เพื่อให้มาช่วยรักษาคนที่อยู่ในชุมโจร ทั้งสาวิตรีและเสือมเหศวรต่างเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำ”
การร่วมงานกับฟ้า–ษริกา ที่รับบทนี้เป็นอย่างไร
“ฟ้ามีหลายบทบาทในเรื่องนี้ที่เป็นเซอร์ไพรส์ ในบทบาทหมอก็จะเป็นคุณหมอนักบู๊ รักษาคนไปและยิงโจรไปด้วย ฟ้าเป็นนักแสดงที่ทนและอึดมากๆ ครับ การที่ต้องมาเจอทีมขุนพันธ์เนี่ยต้องบอกว่า โหดทุกคิว ต้องหลบกระสุน หลบบาซูก้า หลบระเบิด ไหนยังต้องเผชิญหน้ากับจระเข้อีก”

นอกจากเสือมเหศวรแล้ว ยังมีเสือดำที่เป็นอีกหนึ่งโจรในตำนาน ซึ่งต้องมาอยู่ร่วมชุมโจรเดียวกัน อยากให้พูดถึงความเหมือนและความแตกต่างของทั้งคู่
“พวกเขาเป็นสองเสือที่สนิทกันครับ แต่ก็มีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะ เรียกว่าคนละขั้วเลย เสือดำเป็นคนที่มีความคับแค้น มีอะไรในใจค่อนข้างเยอะ มีแบ็คกราวน์ไม่ค่อยดีกับตำรวจ และอยากล้างแค้นเอาคืนกับขุนพันธ์ แต่ว่าเสือมเหศวรนับถือเสือดำนะครับ ทั้งคู่อาจมีทัศนคติที่คล้ายกันคืออยากจะพาคนในชุมโจรออกไปจากตรงนั้นให้ได้ ต่างอยากให้ความเหลื่อมล้ำหายไป และทั้งคู่ต่างก็เป็นหัวหน้าแก๊งโจรคนละกลุ่ม เสือดำเป็นหัวหน้าแก๊งโจรเชิ้ตดำ เสือมเหศวรเป็นหัวหน้าแก๊งโจรเชิ้ตขาว แต่สิ่งที่สองเสือยังมีเหมือนกันคือพวกเขารักศักดิ์ศรี และรักพวกพ้องอย่างมาก”
สำหรับการร่วมงานกับโตโน่ ที่รับบท เสือดำ
“ผมรู้สึกว่าพี่โน่เป็นคนที่เข้าถึงคาแร็กเตอร์ได้ดีมากๆ ไม่หลุดจากบทเลย เวลาอยู่กองถ่ายก็จะอินตลอด เวลาเขาแต่งชุดเสือดำ ผมเชื่อเลยครับว่าเขาคือเสือดำ เพราะว่าทั้งรอยแผล รอยสัก คาแร็กเตอร์ที่พี่โตโน่ได้วางไว้ เราจะรู้สึกว่าเขาไม่ใช่พี่โน่ที่เรารู้จัก เพราะตัวจริงเขาจะน่ารักกว่านี้ พอเป็นเสือดำเขาจะไม่ค่อยน่ารัก ดูดุๆ มีความแค้น มีอะไรในใจ เหมือนคาแร็กเตอร์ของเสือดำเลยครับ”
แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเสือมเหศวรกับขุนพันธ์ล่ะ
“เขาเป็นหมากสำคัญตัวหนึ่งในภารกิจของเสือมเหศวร ทำให้เสือมเหศวรต้องหาวิธีตะล่อมให้เขาเข้าไปในทางของเราให้ได้ ทั้งที่ทั้งคู่เป็นคนที่มีความคิด และทัศนคติในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสังคมคล้ายๆ กัน แต่มันก็มีเส้นแบ่งของความเป็นผู้รักษากฎหมายกับคนที่อยู่นอกกฎหมายที่มาคั่นกลางครับ”
ช่วยเล่าถึงการร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่ อนันดา เอเวอริงแฮม ที่รับบทขุนพันธ์ให้ฟังหน่อย
“พี่อนันดาเป็นไอดอลของผมมาตั้งแต่เด็กแล้ว รู้สึกเกร็งเหมือนกันครับเวลาแสดงด้วยกัน เพราะเขาเป็นคาแร็กเตอร์นี้ไปแล้ว การแสดงเป็นขุนพันธ์ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ ต้องเล่นฉากบู๊ด้วย ต้องมีความอดทนสูงมากในการแสดงเป็นตัวละครนี้ คิวบู๊ก็โหดมาก ทั้งเอฟเฟ็กต์ ระเบิด ปืน คิวต่อสู้ ทุกอย่างค่อนข้างยาก แต่พี่อนันดาทำได้ดีมากๆ ชื่นชมเลยครับ ผมคิดไม่ออกเลยว่าใครจะมาแสดงเป็นขุนพันธ์ได้ ถ้าไม่ใช่พี่อนันดา เคมีที่พี่เขาส่งมา ผมแทบไม่ต้องเล่นเลยครับ เราเชื่อเลยว่าคนคนนี้คือขุนพันธ์จริงๆ เวลาเราเล่นกับเขา แอ็กชั่นมาก็รู้สึกเชื่อเลย”

รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับพี่โขม ผู้กำกับเรื่องนี้
“พี่โขมถือเป็นไอคอนิกของภาพยนตร์บู๊ เขาเป็นผู้นำด้านนี้มานานแล้วครับ ผมเห็นผลงานของพี่โขมมานานและเคยได้ร่วมงานกันมาก่อน เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจมากๆ และทุ่มเทสุดๆ บางทีถ้าถ่ายไม่เสร็จ พี่โขมก็จะกลับบ้านไม่ได้ ยากมากที่จะบอกว่าเลิกกอง วันไหนที่เขาพูดว่าเลิกกอง มันปิ๊งเลย ดีใจขึ้นมาเลย รู้สึกว่ามีชั่วโมงแบบนี้ด้วยเหรอ ซึ่งเราก็รู้ว่าพี่เขาตั้งใจ พอมาถึงขุนพันธ์ 3 ผมคาดไว้แล้วว่าโหดแน่ และน่าจะโหดกว่า ขุนแผนฟ้าฟื้น ที่เคยเจอมา แต่กลับกลายเป็นว่าโหดน้อยกว่าครับ เพียงแต่ว่าพี่โขมคงจะไปโหดกับคนอื่นแทน เพราะต้องบอกว่าเรื่องนี้มีตัวละครเยอะ จะหนักกันคนละแบบไปครับ”
อยากให้พูดถึงฉากที่ถือเป็นไฮไลต์ของเสือมเหศวร หรือฉากที่โอ้ประทับใจเป็นพิเศษ
“มันมีหลายฉากมาก แต่ขอพูดถึงฉากที่จำไม่ลืมดีกว่าครับ มันเป็นฉากบู๊ใหญ่มาก มีสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ มีระเบิด ฉากนี้เสือมเหศวรต้องปีนขึ้นหอคอย แต่ระเบิดดันถล่มมาก่อน คือโดนอีกฝ่ายยิงปืนใหญ่ใส่ พอถ่ายจริงตอนแรกลูกไฟมันไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ พี่โขมบอกไม่ชอบ เลยเพิ่มระเบิดเข้าไปอีก ทีนี้พอกดระเบิด มันไม่ติด เลยเอาใหม่อีกรอบ เที่ยวนี้ติดใหญ่มาก ใหญ่จนผมร้อนวาบไปทั้งหลังทั้งหน้าเลยครับ ระเบิดมันลึกและมันกวักหินขึ้นมาด้วย หินกระเด็นเข้าหน้าต็มที่เลยครับ บอกเลยว่าเหวอ ใจหายเลย คิดว่าหน้าจะเป็นแผลไหม เจ็บมากครับ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ตอนนั้นยอมรับว่าใจหายวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ฝากให้ไปดูฉากนี้ด้วยนะครับ เรียกว่าฉากใจหายครับ”

สำหรับแฟนๆ หนังขุนพันธ์ หรือแฟนๆ ของโอ้เอง จะได้เห็นอะไรจากตัวโอ้บ้าง
“บอกเลยว่าโอ้ทุ่มเทสุดๆ จัดหนักจัดเต็มแน่นอนครับ ทั้งเรื่องของการขี่ม้า การยิงปืน คิวบู๊ที่โอ้โห โหดเหลือเกินกับระเบิดที่ใกล้เรามาก มันเฉียดหัวเราไป ความร้อน ความเสี่ยงตายที่เราเจอ คิดแล้วก็กลัวเหมือนกัน แล้วก็ยังได้รู้ว่าการถือปืนแล้วล้มลงไป จริงๆ แล้วเราต้องปล่อยปืน ไม่อย่างนั้นมันจะตีเข้าเล็บเราเจ็บมาก”
รู้สีกอย่างไรที่ได้มีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขุนพันธ์
“ต้องบอกเลยว่าขุนพันธ์ 3 เป็นภาพยนตร์ที่เต็มที่ครับ ทั้งเรื่องของนักแสดง เรื่องบท เรื่องคิว และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นเซอร์ไพรส์ครับ ทั้งในเรื่องของบทด้วย เรื่องของนักแสดงด้วย และเรื่องของคิวบู๊ต่างๆ ที่ผมคิดว่าเราไม่น่าจะเห็นในภาพยนตร์เรื่องอื่น”
สำหรับคนดูแล้ว ทำไมถึงต้องดูขุนพันธ์ 3
“เพราะภาคนี้เป็นบทสรุปของขุนพันธ์ ใครที่เป็นแฟนห้ามพลาดเลยครับ และสำหรับคนที่ไม่เคยดูขุนพันธ์มาก่อน ก็ต้องไปดูภาค 1 และภาค 2 ครับ แล้วมาดูภาค 3 ต่อ จะยิ่งได้อรรถรสขึ้นไปอีกครับ ผมเชื่อว่าหนังจะเซอร์ไพรส์คนดูแน่นอน เป็นภาพยนตร์ที่ผมบอกได้เลยว่า หลังจากเรื่องนี้แล้วคงไม่ได้เจอภาพยนตร์ที่อลังการขนาดนี้อีกบ่อยๆ มันคือความตั้งใจของทั้งทีมงานและนักแสดงที่จะทำหนังเรื่องนี้ออกมา ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะถูกใจแฟนๆ ขุนพันธ์ และคนไทยทุกๆ คนนะครับ อยากฝากให้ติดตามขุนพันธ์ 3 ด้วยครับ เข้าฉายในวันที่ 1 มีนาคมนี้นะครับ”
