ประวัติศาสตร์ของ Seiko เริ่มต้นขึ้นในปี 1881 ซึ่งตรงกับยุคเมจิและเป็นยุคที่สังคมญี่ปุ่นเริ่มรับวัฒนธรรมและความเจริญจากโลกตะวันตก Kintaro Hattori ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 22 ปีได้เปิดร้านตนเองขึ้นในย่าน Ginza กรุงโตเกียวเพื่อจัดจำหน่ายนาฬิกาและรับซ่อม ต่อมา ในปี 1913 บริษัทของเขาจึงได้ผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของญี่ปุ่นออกสู่ตลาด โดยตั้งโรงงานผลิตนาฬิกาใช้ในบ้านขึ้นที่กรุงโตเกียว ในชื่อ “Seikosha” ซึ่งคำว่า Seiko แปลว่า ความสำเร็จ, ความงดงาม ส่วนคำว่า Sha แปลว่า บริษัท, ธุรกิจ
Seiko ได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการผลิตนาฬิกา ด้วยการนำนวัตกรรมที่มีความล้ำหน้าสำหรับอุตสาหกรรมผลิตนาฬิกา มาใช้ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์เรือนแรกในปี 1969 นับเป็นกลไกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการผลิตกลไกนาฬิกาด้วยการนำนวัตกรรมที่โดดเด่นมาผสมผสานกันอย่าง Spring Drive (สปริง ไดร์ฟ) ซึ่งเปิดตัวออกมาในปี 1999
ในปี 2023 Seiko ได้ถือโอกาสในการครบรอบ 110 ปีของการผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรกด้วยการเปิดตัวเรือนเวลาดำน้ำรุ่นพิเศษอันโดดเด่นจากคอลเลคชัน Prospex (พรอสเป็กซ์) ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์โดยมีแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางการออกแบบและเทคโนโลยีอันโดดเด่นของ Seiko เอง
พลังแห่งการสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้สะท้อนผ่านพื้นผิวของหน้าปัดที่เป็นเสมือนภาพของธารน้ำแข็งขั้วโลกที่รวมตัวกันจนกลายเป็นภูมิทัศน์และทิวทัศน์ทะเลของอาร์กติกและแอนตาร์กติกอันมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับนาฬิกาของ Seiko ในด้านความทนทานและการใช้งาน เมื่อนักผจญภัยและนักวิจัยทั้งหลายต่างสวมใส่นาฬิกาของ Seiko ในขณะออกเดินทางเพื่อสำรวจขั้วโลกเหนือและใต้ ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970
ตัวเรือนสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยอ้างอิงรูปทรงของนาฬิกาดำน้ำรหัส 6105-8000 ที่เปิดตัวในปี 1968 นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมเส้นสายของตัวเรือนที่เน้นความโค้งมนและมีเม็ดมะยมที่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งถือเป็นงานออกแบบที่มีอยู่ในนาฬิกาดำน้ำระดับตำนานหลายต่อหลายรุ่นของ Seiko
นาฬิกาดำน้ำรุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1968 ซึ่งถูกนำมาสร้างสรรค์ใหม่นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับสายสตีลแบบ 5 แถว ( 5 end links) พร้อมบานพับสายที่ได้รับการออกแบบให้ล็อกได้อย่างแน่นหนา ทั้งยังสามารถขยายขนาดของสายได้ในกรณีที่จะต้องใช้งานร่วมกับชุดดำน้ำ นอกจากนี้ ในเซ็ตยังมีสายถักพิเศษเพิ่มมาอีกเส้น โดยได้รับการผลิตจากวัสดุโพลีเอสเตอร์ที่ทำมาจากขวดพลาสติกที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดแห่งความยั่งยืน
สำหรับสายเส้นพิเศษนี้มาพร้อมกับลวดลายที่ถูกถักทอขึ้นด้วยเทคนิคเฉพาะในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Seichu (เซย์ชู) มาพร้อมความแข็งแกร่งและทนทานตามมาตรฐานนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ซึ่งทำให้สายเส้นนี้มีความเหมาะสมที่จะใช้งานภายใต้สภาพสุดขั้วของการผจญภัย ทั้งท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาจนไปถึงการใช้งานใต้น้ำที่มีแรงดันสูง และยังมั่นใจได้ถึงความรู้สึกสบายเมื่อได้สวมใส่นาฬิกาบนข้อมือ อีกทั้งเทคนิคการถักทอลวดลายพิเศษนี้ยังสร้างความยืดหยุ่นให้กับสาย และมีช่องว่างให้อากาศสามารถไหลผ่านได้
กลไกจักรกลคาลิเบอร์ 6R35 เป็นกลไกอัตโนมัติที่ทำงานด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง ให้พลังงานสำรองนาน 70 ชั่วโมง ตัวเรือนและสายสแตนเลสสตีลเคลือบผิวซูเปอร์ฮาร์ดเพิ่มความแกร่ง กระจกแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนที่พื้นผิวด้านใน เพื่อการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนในทุกองศา หลักชั่วโมงทั้ง 12 ตำแหน่งและชุดเข็มเคลือบสารเรืองแสงลูมิไบร์ท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความชัดเจนสูงสุดแม้ในที่แสงน้อยหรือที่มืด
ผลงานเรือนเวลาการสร้างสรรค์ที่สะท้อนความงามแห่งภูมิทัศน์ของขั้วโลก Seiko Watchmaking 110th Anniversary Seiko Prospex Save the Ocean Limited Edition รหัส SPB333J สนนราคาจำหน่ายที่ 54,000 บาท ผลิตจำนวนจำกัด เพียง5,000 เรือนทั่วโลก
