‘Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย’ ลิมิเต็ดซีรีส์ 4 ตอนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงเบื้องหลังวงการมวยไทย ที่เต็มไปด้วยบาดแผลซึ่งถูกซ่อนเร้น ทั้งการพนันผิดกฎหมาย การติดสินบน และการล้มมวย ที่ได้นักแสดงมากความสามารถมาร่วมแสดง อาทิ ณัฏฐ์ กิจจริต, วิทยา ปานศรีงาม, นพชัย ชัยนาม, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ, ภูริภัทร พูลสุข กำกับโดย กิตติชัย วรรณ์ประเสริฐ และเขียนบทโดยศิวัช เดชารัตน์ คนไทยและผู้ชมทั่วโลกจะได้รับชมพร้อมกันทาง Netflix ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2565

ซีรีส์น้ำดีที่จะพาคุณเจาะลึกไปสู่ต้นตอความบิดเบี้ยวของวงการมวยไทย โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ชวนให้น่าติดตาม ผสานเข้ากับการสัมภาษณ์แบบสารคดี เรียกว่าปล่อยหมัดฮุกตรึงใจให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงบทบาทของผู้คนในวงการที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย จนเข้าใจว่าความเจ็บปวดเจียนตายไม่ได้เกิดขึ้นที่ร่างกาย แต่เกิดขึ้นในจิตใจ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ขึ้นแท่นและสั่นสะเทือนในวงกว้างแน่นอน

นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต นักแสดงหนุ่มผู้รับบท พัด เซียนมวยที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ความเก่งกาจของนักมวย และมีความฝันที่จะเปิดค่ายมวยเป็นของตนเอง นัทเล่าให้ฟังถึงการเตรียมตัวเพื่อให้สมจริงกับการสวมคาแร็กเตอร์นี้ว่า “ทีมงานพาไปนั่งดูมวยที่สนามมวยลุมพินี มันจะมีที่นั่งแยกเป็นโซนๆ สำหรับเซียนมวย ก็ได้เข้าไปดู ไปเห็นของจริง ไปศึกษาท่าทาง เซียนมวยทุกคนเขาจะมีกระเป๋าใบเล็กๆ แล้วเขามีท่าทางเหมือนกันหมดเลยคือจะเอามือจับกระเป๋าไว้ตลอดเวลา เพราะมันมีเงินมหาศาลอยู่ในนั้น ผมก็ได้ไปเห็นท่าทาง ได้เห็นภาษามือที่เขาใช้ในการต่อรองจริงๆ ก็ช่วยให้เข้าใจตัวละครมากขึ้นครับ”

ปู-วิทยา ปานศรีงาม นักแสดงจากเรื่อง Only God Forgives (ได้เข้าชิงรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์) รับบท วิรัตน์ กรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที ด้วยหน้าที่การงานทำให้เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล เผยความรู้สึกว่า “ประทับใจความตั้งใจของทีมงานทุกคน จากการที่พี่ปูแสดงภาพยนตร์มาหลายเรื่อง เห็นได้ว่าทีมงาน Hurts Like Hell มีความตั้งใจ ทุ่มเทมาก เก็บรายละเอียดต่างๆ ให้ซีรีส์ออกมาสมจริงมากที่สุด นักแสดงทุกคนมีความทุ่มเท ทีมงานก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้คุณภาพของ Netflix”

เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ นักแสดงเจ้าบทบาทที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี รับบท คม เซียนมวยรุ่นใหญ่ที่มีผู้คนนับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก จนทำให้เขาสามารถใช้อำนาจได้ตามใจตัวเอง กล่าวว่า “เป็นซีรีส์ที่พูดเรื่องวงการมวยที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง อาจจะมีพูดบ้าง แต่ไม่ได้ลึกซึ้งและละเอียดขนาดนี้ มีการหาข้อมูลเชิงลึก ความตั้งใจของผู้สร้าง มีบุคคลจริงจากวงการ มีหลายเส้นเรื่องที่นำมาร้อยเรียง แม้ความเป็นจริงกับสิ่งที่เล่าในสารคดีจะจริงหรือไม่ ตรงกันหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือการพูดคุย เล่าเรื่องที่ based on true story เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้คือการเก็บข้อมูลที่จริงจัง เคยเกิดขึ้นจริง คนดูจะได้รับความสนุก แม้จะไม่ได้สนใจวงการมวยก็ตาม เพราะเรื่องราวน่าสนใจ กระชับ นอกจากนี้ตัวละครก็มีหลากมิติ มีจินตนาการ ความฝัน อยากตามฝันสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มีเรื่องราวคนรุ่นเก่าที่มีอำนาจ ได้ความรู้จากวงการมวย มีเรื่องราวความรักของครอบครัว การใช้ชีวิตคู่ของหนุ่มสาว มีเรื่องราวความฝัน”

ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม รับบท ครูต้อย ครูมวยเจ้าของค่ายมวย ผู้มองเห็นแววของนักมวยรุ่นเยาว์จนนำมาสู่การสนับสนุนและปั้นนักมวยรุ่นใหม่ เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ครูต้อยเขามีหลายเหลี่ยม จะว่าเป็นคนเลวเลย ผมว่าคงไม่ใช่ ความสนุกคือคาแร็กเตอร์เขาเป็นมนุษย์ที่มีหลายด้าน มีขาว มีดำ ผมว่ามันก็ดูมีความเป็นมนุษย์ดีนะ ในแง่ที่เขาอบรมเด็ก เลี้ยงดูเด็กที่เป็นนักมวยในค่าย มันก็เป็นการให้อาชีพให้รายได้ แต่อีกมุมหนึ่งเขาก็หากินกับเด็กด้วย ผมว่าตรงนี้คือจุดที่สนุก แล้วก็ดูเป็นมนุษย์ดี เสน่ห์ของเรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานเรื่องจริงประกอบเข้ากับการถ่ายทำที่น่าสนใจ ผมว่าตรงนี้มันจะพาคนดูไปซึมซับประสบการณ์นี้ได้ด้วย รวมถึงการใช้น้องนักมวยจริงๆ มาเล่นด้วย มันก็จะได้ความสมจริงในแบบนึง”

ภู-ภูริภัทร พูลสุข นักมวยรุ่นเยาว์ผู้มารับบท วิเชียร ในชีวิตจริงภูเป็นนักมวยที่มีทักษะในการชกมวยสูง เป้าหมายของเขาคือชัยชนะจากการแข่งขันเพื่อหารายได้มาให้คุณแม่ นักแสดงมือใหม่เผยความรู้สึกว่า “ผมชอบฉากที่ผมชกมวยเสร็จแล้วก็มีเซียนมวยคนหนึ่งคอยตามให้เงินครับ ในวงการมวยเราเรียกการทำแบบนี้ว่าอัดฉีด คือไม่ว่าเราจะชกชนะหรือแพ้ เขาก็จะให้เงินอัดฉีด การให้แบบนี้มันเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของนักมวย ทำให้เราลุกขึ้นสู้ เรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของนักมวยตั้งแต่ตอนเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ชกมวยหารายได้มาให้คุณพ่อคุณแม่ การรับชมเรื่องราวความกตัญญูของเขาช่วยสอนให้เราเข้าใจความรับผิดชอบ รู้จักชีวิต ในวงการมวยมีเด็กๆ หลายคนที่กลายเป็นเสาหลักของบ้านจากการชกมวย ในซีรีส์ก็ถ่ายทอดเรื่องนี้ได้ออกมาเหมือนในชีวิตจริงเลยครับ ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ คนดูจะได้เห็นถึงความขยัน มุมานะ ความอดทนของวิเชียรครับ ผมอยากให้คนในวงการมวยได้ดูเรื่องนี้เช่นกัน เพราะมันตรงกับชีวิตจริงมากๆ ครับ เลยอยากให้เขามาดู ได้มาสัมผัสว่ามันดีแค่ไหน ขอบคุณพี่ๆ ทุกคน พี่แชมป์ผู้กำกับด้วยที่ให้โอกาสผมครับ”