Hoshizora Sisters (โฮชิโซระ ซิสเตอร์ส) เป็นอีกหนึ่งยูนิตของ ‘ลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์’ ประกอบด้วย หงษ์หยก ควรประดิษฐ์, เซนเตอร์-นันทภัค อุณหกาญจน์กิจ, พรีม-ปฐมาภรณ์ ศรีวานิชภูมิ, เกรซ โรจน์ชาญชัยกุล และพิม-สโรชา สิทธิพล ล่าสุดพวกเธอได้ปล่อยเอ็มวีเพลง Shitsuren Kanpai…ชนแก้วกันให้กับวันที่เสียใจ (ชิซึเรน คัมไป) มาให้ได้ชมกันแล้ว

Hoshizora Sisters มีความหมายว่าอะไร และมีการวางคอนเซ็ปต์วงอย่างไรบ้าง
พิม: ถ้าแปลตรงตัวเลยก็คือ กลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้า เหมือนเรา 5 คนที่เป็นดาวคนละสีมาอยู่รวมกัน ส่วนคอนเซ็ปต์ตามยูนิตรุ่นพี่ฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Love Cocchi ซึ่งจะน่ารักๆ สไตล์คุณหนู แต่พอมาเป็นเวอร์ชั่นไทยก็จะนำมาปรับตามคาแร็กเตอร์ของสมาชิกแต่ละคน ประมาณว่าน่ารักนะ แต่มีความขี้เล่นและกวนๆ มากกว่าค่ะ จะบิดจากญี่ปุ่นนิดหน่อยเพื่อให้เข้ากับพวกเราแต่ละคน
โมเมนต์ที่สนุกสุดๆ เวลาอยู่ด้วยกัน

เซนเตอร์: มีโมเมนต์สนุกปนเสี่ยงตายอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ เราขับรถไปเที่ยวด้วยกัน ระหว่างทางก็มีร้องเพลงสไตล์เถื่อนๆ ของโฮชิโซระ ซิสเตอร์ส หนูก็ซิ่งเพื่อหยอกน้องๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันท่องบทสวด ‘สัพเพ สัตตา’ พร้อมกัน เป็นอะไรที่ฮาดีค่ะ

พรีม: พวกเราชอบเอาเพลงนั้นเพลงนี้มาแปลงเนื้อแล้วร้องกันสนุกๆ เราทำมาแล้วทุกแนว ทั้งกวน เสียดสี ทะลึ่ง ซึ่งน่าแปลกตรงที่พวกเราไม่มีใครห้ามใครเลยค่ะ หนูมีความรู้สึกว่าพวกเราครีเอตกันดี ไปอยู่กับคนอื่นก็คงไม่มีใครเป็นแบบนี้ ทุกคนส่งเสริมกันในทางแปลกๆ น่ะค่ะ

หงษ์หยก: เวลาอยู่ด้วยกันพวกเราสนุกได้ทุกเรื่อง เรียกว่าสามารถทำเรื่องซีเรียสให้เป็นเรื่องสนุก และเราชอบโมเมนต์ที่ได้อยู่ด้วยกัน มีครั้งหนึ่งพี่เซนเตอร์ไม่ได้เอารถมา เราก็เรียกรถสาธารณะเพื่อที่จะไปห้างสรรพสินค้า เราก็ป่วนกันจนสงสารพี่คนขับเลยค่ะ ฝากขอโทษพี่เขาด้วยนะคะ
เวลาทำงานด้วยกันมีงอนกันบ้างไหม และใครเป็นคนที่เพื่อนๆ จะปรึกษาด้วยมากที่สุด

เกรซ: เราไม่เคยทะเลาะหรืองอนกันจริงจังเลยค่ะ เราสนิทกันมาก และคุยกันด้วยเหตุผลตลอด

พิม: ก่อนที่จะมาออดิชั่นในรายการลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์ หนูรู้สึกว่าเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่ค่ะ
หงษ์หยก: พวกเราไม่เคยงอนกันจริงๆ และโฮชิโซระเป็นแก๊งเดียวที่หนูไม่เคยแสดงอาการงอนเลย ทั้งๆ ที่หนูเป็นคนขี้งอนตั้งแต่เด็ก เพื่อนสนิทที่โรงเรียนจะรู้กันหมด อาจเป็นเพราะว่าโฮชิโซระไม่เคยเศร้าเลย มีแต่ความสุข หนูเลยไม่อยากไปเป็นความทุกข์ให้ใคร การอยู่กับวงเปลี่ยนตัวหนูมากเลยค่ะ เหมือนโฮชิโซระสอนให้มีเหตุผลมากขึ้น
เหมือนกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ที่พวกเรามักพูดแซวกันตลอด
พรีม: คำว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เกินจริงสำหรับพวกเราเลยค่ะ หนูรู้สึกจริงๆ เราเคยยกโขยงกันไปนอนค้างที่บ้านของเซนเตอร์มาแล้ว เราสนิทกันมาก ผ่านอะไรด้วยกันมาหลายอย่างมาก เราต่อสู้เพื่อให้พวกเราได้อยู่ตรงนี้ เรารู้สึกพิเศษกับครอบครัวโฮชิโซระ ซิสเตอร์สค่ะ
เซนเตอร์: พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักทุกคนหมดใจค่ะ
อะไรที่ทำให้พวกเรารู้สึกผูกพันกันขนาดนี้
เกรซ: หนูรู้สึกว่าเป็นพรหมลิขิต นอกจากครอบครัวของหนูเองแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะสนิทกับใครหลายๆ คนในเวลาเดียวกันได้มากขนาดนี้ หนูจะขำเรื่องที่คนอื่นไม่ขำ แต่พี่ๆ โฮชิโซระจะขำไปกับหนู บางทีเวลาไปทำงานกับใคร เขาจะไม่คลิกในสิ่งที่เกรซคิด แต่พี่ๆ เขาคลิกหมดเลย อย่างที่พี่พรีมบอกค่ะ เราผ่านอะไรมาด้วยกันหลายอย่างเลยทำให้ผูกพันกันค่ะ


แต่ละคนต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แบ่งเวลาอย่างไรบ้าง
เกรซ: ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยหนักเท่าไรเพราะเรียนออนไลน์ค่ะ แต่พอเริ่มกลับมา on-site แล้วก็รู้สึกลำบากนิดหนึ่ง บางวันก็ต้องลาหยุดเพื่อทำงาน แต่หนูจะตามงานกับเพื่อนตลอด มีการบ้านอะไรต้องส่งคุณครูบ้าง หนูก็จะรีบเคลียร์ค่ะ
พิม: การเป็นไอดอลสิ่งสำคัญคือการฝึกซ้อมใช่ไหมคะ เราก็จะมีตารางซ้อมและตารางเรียน ตอนนี้หนูเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เอกสาขาซอฟต์แวร์ หนูโชคดีตรงที่สามารถปรับให้ต่อเนื่องกันได้ ไม่ค่อยซ้อนกัน การเรียนและทำงานไปด้วยมันเหนื่อยค่ะ แต่ก็คุ้มค่ามาก
หงษ์หยก: หนูเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ ยังปรับตัวไม่ค่อยได้เลย มีเครียดๆ อยู่บ้าง หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น สามารถแบ่งเวลาได้ดีกว่านี้ค่ะ
พรีม: หนูเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ด้านอุตสาหการค่ะ กำลังขึ้นปี 2 บ้านของพรีมค่อนข้างอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัย อาจจะต้องอยู่หอ และหนูต้องเตรียมตัวเรื่องเผื่อเวลาซ้อมด้วย ก็คงจะหนักน่าดูเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าเราบริหารจัดการทุกอย่างได้ดี จะเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่ามากเลยค่ะ
เซนเตอร์: เซนเตอร์เรียนด้านบริหาร กำลังจะขึ้นปี 2 เหมือนกันค่ะ ด้วยความที่เรียนเน้นแนวคิดมากกว่า ทำให้เรียนออนไลน์ง่ายขึ้น ส่วนตัวคิดว่าเรียนออนไลน์น่าจะดีกว่าเรียน on-site ค่ะ หนูชอบเอาเวลานอนไปเล่นเกม เอาเวลาเรียนไปนอนค่ะ (หัวเราะ)


ความรู้สึกประทับใจที่มีต่อเพื่อนๆ
หงษ์หยก: อยากบอกพี่เซนเตอร์ว่าหนูดีใจที่มีพี่อยู่ในยูนิตนี้ เพราะหนูคิดว่าพี่น่าจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ภายในยูนิตได้ ชวนคุยเก่ง ทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้น พี่เซนเตอร์เป็นคนจริงใจมาก คิดอะไรก็พูดออกมา มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนคอยเชียร์อัพเวลาพวกเรายากลำบาก
เซนเตอร์: ขอพูดถึงพรีมนะคะ เขาเป็นคนจริงใจ เป็นห่วงและคอยเทคแคร์หนูตลอด มีอะไรจะชอบทักมาถาม ขอบคุณพรีมที่หลายๆ ครั้งเราท้อแล้วเขาทำให้เราคิดได้ว่าเราอยากอยู่ตรงนี้ อยากอยู่กับเพื่อนๆ ที่เป็นเหมือนครอบครัวของเรา อยากสู้ต่อไปด้วยกันค่ะ
พรีม: ตอนที่เจอน้องเกรซครั้งแรก หนูรู้สึกว่าเกรซน่ากลัว ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย แต่พอได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็เลยรู้จักมากขึ้น ความประทับใจที่มีต่อเกรซ ปีที่แล้วตอนที่เขากำลังจะขึ้น ม.4 เขาทักมาถามพรีมว่าช่วยติวให้หน่อยได้ไหม เราเลยช่วยติวไป เกรซเป็นคนจริงใจ ไม่ซับซ้อนเลยค่ะ
เกรซ: หนูรู้สึกว่าพี่พิมผ่านประสบการณ์มาเยอะ ชื่นชมที่พี่เขาเก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะดีๆ ได้ และมองโลกในแง่ดี ทั้งๆ ที่บางทีโลกอาจไม่ได้สวยงามขนาดนั้น เกรซอยากเป็นอีกความสบายใจที่จะมอบให้เขาได้ อะไรที่จะช่วยได้ก็อยากทำให้พี่พิมค่ะ
พิม: อยากบอกหงษ์หยกว่าการที่เขาได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ของยูนิตเป็นอะไรที่เหมาะสมมากที่สุด เขาเป็นคนกล้าตัดสินใจ แถมยังเป่าแซ็กโซโฟนเก่งมาก เขาเลือกที่จะเรียนสายที่ตรงกับการเป็นลาสต์ ไอดอล เพื่อให้รองรับการทำงาน ตอนแรกหนูไม่สนิทกับหงษ์หยกมากที่สุด แต่ระยะหลังพิมพยายามเข้าหาน้อง จนน้องเปิดใจ และเขาทำให้หนูสบายใจเวลาอยู่ด้วยกันค่ะ

มีใครเป็นไอดอลในการใช้ชีวิต
เซนเตอร์: หนูมีไอดอลเป็นด้านๆ มากกว่า เช่น การใช้ชีวิตแบบนี้ก็อยากเป็นอย่างคนนี้ การทำงานก็อยากเป็นแบบคนนั้น เหมือนเป็น reference มากกว่า เพราะหนูอยากทำตามที่ใจตัวเองอยากทำ อยากก้าวต่อไปในแบบที่ตัวเองเป็นค่ะ
เกรซ: ไอดอลของหนูคือแม่ค่ะ หนูเพิ่งจะอายุ 14 ปี บางเรื่องที่เจอมันค่อนข้างหนักสำหรับหนู เวลามีปัญหาก็มักจะคุยกับคุณแม่ ปรึกษาว่าหนูควรจะแก้ปัญหาอย่างไร รู้สึกว่าแม่ให้กำลังใจคนเก่ง คิดบวกเก่ง หนูเลยอยากเป็นแบบคุณแม่ให้ได้ค่ะ
พิม: วง BTS ค่ะ ถ้าย้อนกลับไปหลายปีก่อนแทบไม่มีใครรู้จักเขาเลย เขาค่อยๆ มาทีละขั้นเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จ แต่ละเพลงของเขามีความพิเศษตรงที่โดนใจเรา ทั้งๆ ที่บางทีก็แปลไม่ออก แต่ฟังแล้วฮึกเหิมดีค่ะ อยากให้ลาสต์ ไอดอลไต่ระดับแบบเวิลด์ไวด์เหมือนเขาค่ะ
หงษ์หยก: พี่นุนิว-ชวรินทร์ค่ะ เคยอ่านเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาของเขา รู้สึกว่าไทม์ไลน์ชีวิตของพี่นุนิวเหมือนหนูมาก เขาสามารถพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นและเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ ก็อยากให้ตัวเองเดินทางไปถึงฝันได้เหมือนพี่นุนิวบ้างค่ะ
พรีม: ไอดอลของพรีมคือ เทเลอร์ สวิฟต์ จุดเริ่มต้นของเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น เขาพยายามสู้มาตลอดจนโด่งดัง พรีมรู้สึกว่าตัวเราเองก็ nobody เหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งเราพยายามและไปถึงจุดนั้นได้คงจะว้าว! เหมือนกัน หนูชอบตรงที่เทเลอร์ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ยุติธรรมเรื่องต่างๆ ในสังคม ใช้ชื่อเสียงช่วยเหลือคนค่ะ


มุมมองที่มีต่อโลกโซเชียลทุกวันนี้
เซนเตอร์: หนูมองว่าเป็นดาบสองคมนะคะ ถ้าใช้อย่างระมัดระวังเราจะได้ประโยชน์จากโซเชียลเยอะมาก อย่างยูทูบเบอร์หรือบล็อกเกอร์ แม้กระทั่งการขายของออนไลน์สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้งาน แต่ถ้าใช้โดยไม่คิดเราก็สามารถเปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำร้ายเราได้ค่ะ และเวลาใช้ก็ต้องรู้จักป้องกันตัวเองค่ะ
พรีม: พรีมมองว่ามันเทาๆ มีทั้งดีและไม่ดี เราสามารถเลือกใช้ข้อดีของมันได้ เช่น เราสามารถตั้งกรุ๊ปคุยงานกับทีมงานหรือคุยเล่นกับเพื่อนๆ ได้ครั้งละหลายคน เราสามารถติดต่อทางไกลแบบเห็นหน้ากันได้เหมือนย่อโลกให้ใกล้ขึ้น แต่เราก็ต้องใช้โซเชียลอย่างระมัดระวังค่ะ
หงษ์หยก: ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีของโซเชียลสำหรับหนูคือสามารถหาข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องการได้ภายในไม่กี่นาที แต่ข้อเสียคือถ้าเราใช้แบบขาดสติ ก็อาจส่งผลกระทบกับเราได้ค่ะ
พิม: หนูมองเหมือนเซนเตอร์ค่ะ ถ้าเราใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ อย่างหนูสามารถหาข้อมูลต่างๆ ที่เราอยากรู้ได้โดยไม่ต้องไปห้องสมุด แต่ถ้าเราพลาดไปแสดงความเห็นอะไรที่ไม่ดี ในอนาคตสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้ค่ะ
เกรซ: เหมือนที่พี่ๆ ทุกคนบอกมาเลยค่ะ หนูขอฝากให้ทุกคนใช้อย่างระมัดระวังมากๆ นะคะ
ฝากผลงานทิ้งท้ายกันหน่อย
หงษ์หยก: อยากให้แฟนๆ ชมเอ็มวี Shitsuren Kanpai…ชนแก้วกันให้กับวันที่เสียใจ (ชิซึเรน คัมไป)กันเยอะๆ นะคะ พวกเราตั้งใจร้องและเต้นกันอย่างเต็มที่จริงๆ เป็นเพลงอกหักแนวประชดประชัน เธอไม่รักก็ไม่เสียใจ ชนแก้วแก้เศร้าล้างความเหงาแทนดีกว่า