Wednesday, January 15, 2025

ความท้าทายของ ‘โดนัท-มนัสนันท์’ ยามเปลี่ยนบทบาทเป็นทั้งผู้จัดและผู้กำกับ

ครั้งแรกที่เข้าสู่วงการ โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล อายุแค่ 17 เธอพัฒนาความสามารถและสะสมประสบการณ์มานานจนมากฝีมือ แม้การเป็นนักแสดงจะเป็นอาชีพที่ไม่เคยฝัน แต่กาลเวลาคงเป็นพยานได้ว่าชะตาที่พาให้เธอมาเจอเส้นทางอาชีพนี้ มันช่างเหมาะเจาะกับเธอยิ่งกว่าอื่นใด จากที่ไม่เคยคาดคิดกลายกลับเป็นความผูกพันหลงใหล ปัจจุบันโดนัทสนุกกับการเป็นนักแสดง ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่เป็นผู้จัดและผู้กำกับอีกด้วย

ตอนนี้ชัดเจนว่าโดนัทเป็นทั้งผู้จัด ผู้กำกับ นักแสดง

คำว่าผู้จัด โดนัทว่ามันไกล รู้สึกว่าเรายังเป็นเบบี๋ พอคนเรียกผู้จัด เราก็เขินนะ รู้สึกว่ายังไม่ขนาดนั้น เรียกว่าโปรดิวเซอร์ยังรู้สึกชอบกว่า งานผู้จัดจริงๆ เหนื่อยมากนะคะ เรียกว่าทุกปัญหาในโลกใบนี้ต้องอยู่ที่ผู้จัด โดนัทมีโอกาสทำงานกับฮอลลีวูด รู้สึกว่าทำไมเขาไม่เห็นเหนื่อยเหมือนเราเลย อาจเป็นเพราะบ้านเรารวมทุกตำแหน่งแล้วรวบเข้าด้วยกัน เพราะเราอาจจะงบประมาณไม่ถึง พอพูดถึงผู้จัดละครไทยโดนัทว่าจริงๆ เหมือนโปรดิวเซอร์ แต่ละวันคือแมเนจและแก้ปัญหาเยอะกว่าการคิดหรือมองภาพรวม เลยรู้สึกว่าสำหรับโดนัทยังมองว่าตัวเองเป็นโปรดิวเซอร์

อาชีพในฝันอยากจะเป็นผู้กำกับก็ไม่เคยคิด ไม่ได้เป็นคนที่มีความฝันชัดเจน คงเหมือนเด็กทั่วไปที่อยากเป็นแอร์โฮสเตสเพราะอยากเดินทาง ซึ่งคำว่าเดินทางมาเข้าใจทีหลังว่าเราไม่ได้อยากจะเป็นแอร์ แต่เราชอบการเดินทาง โดนัทโตมากับการที่น้าชายและพ่อชอบพาไปดูหนัง โดนัทเรียนเอกการแสดงและกำกับการแสดง ทุกอย่างทำให้มันค่อยๆ ประกอบขึ้นเป็นเรา ระหว่างทางที่เรียนก็ทำเบื้องหน้าไปด้วย เมื่อก่อนนักแสดงน้อย เราเล่นทุกช่อง มันก็เหนื่อยเพราะทำงานเยอะ ถึงขนาดไม่รู้ว่าวันนี้คือวันอะไร อยู่ๆ มีวันหยุดก็งง แล้วฉันต้องไปไหน เพราะทุกวันที่ต้องทำคือไปกองกับไปมหา’ลัย มันเกิดอาการไม่เข้าใจแล้วก็งอแง เลยเริ่มมองสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการแสดง พอเรียนกำกับแล้วสนุก รู้สึกว่าฉันมีครีเอทีฟกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง แต่เวลาตัวเองเล่นแล้วรู้สึกว่าทำไมเหงาๆ (หัวเราะ) เวลากำกับ โอ้โห! ฉาก เสื้อผ้า เรื่องที่เราเลือกมันเจ๋ง จำได้ว่าอาจารย์ให้คะแนนสร้างสรรค์เพราะเปลี่ยนสิ่งที่ทำตลอดเวลา พยายามทำอะไรที่ไม่เคยทำ ตอนนั้นน่ะค่ะมันก็เลยค่อยๆ เกิด

ส่วนเรื่องการแสดงเหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องเปิดใจว่ามันคือเรา เราอาจจะโชคดีว่ามีพรสวรรค์ที่ติดตัวมา แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นโดนัทว่าตัวเองไม่เก่ง เลยเรียนเพิ่ม ความจริงเพิ่งมาอินมากๆ ไม่กี่ปีนี้เองค่ะ โดนัทอ่านหนังสือ ไปเรียนไพรเวตคลาสและเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจจริงๆ และทำยังไงให้เวลาเล่นแล้วรู้สึกว่าฉันไม่เหงา โดนัทรู้เลยว่าเรามีข้อจำกัดในการเล่นบางอย่าง มันเกิดมาจากความไม่เชื่อ พอไม่เชื่อปุ๊บ เราไม่เคยฝึก กล้ามเนื้อไม่สามารถทำอะไรให้มันเยอะกว่านั้นได้ พอเริ่มเปิดใจก็กลายเป็นตอนนี้สนุกกับมัน สนุกที่จะทำ อยากที่จะทำ ไม่รู้จะสายไปไหม อายุจะ 40 แล้ว

ตอนนี้มีงานเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรบ้าง บอกให้ทราบได้ไหม

มีละครที่เพิ่งจบไปเรื่องเกมปรารถนา แล้วก็จะมีซีรีส์ 13 หมูป่า มีหนังเพิ่งฉายไปเรื่อง The Edge of Daybreak เป็นหนังอินดี้ที่เดินทางไปฉายทั่วโลก และได้รางวัลใหญ่ที่เทศกาลหนังรอตเตอร์ดัมเมื่อปีที่แล้ว ถ้าเบื้องหลังโดนัทจะมีโปรเจ็กต์เล็กๆ ของตัวเอง กำลังทำรีเสิร์ชเก็บข้อมูล เพราะ 5-6 ปีที่ผ่านมาเราทำงานเยอะมากทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทั้งแมสทั้งอินดี้ มันถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าเราน่าจะเบาๆ หรือเบรคตัวเองบ้าง พอมีจังหวะที่ทุกอย่างปิดเสร็จพอดี โดนัทเลยกลับมาเขียนบทหนังของตัวเอง เรื่องนี้ตั้งใจไว้ว่าอยากทำตอนอายุ 40 นี่ก็ใกล้แล้ว เหมือนความฝันในใจว่าถ้าทำหนังอีกครั้งหนึ่งจะเป็นแบบที่เราอยากทำจริงๆ น่ะค่ะ เป็นหนัง coming of age เล่าเรื่องแม่ลูก โดนัทชอบดูหนังที่ให้แรงบันดาลใจ ชอบดูอะไรที่มันทิ้งคำถาม หรือบอกอะไรบางอย่างกับเรา อย่างปีนี้หนังออสการ์โดนใจมาก รู้สึกว่าชอบอะไรแบบนี้ มันทำให้เราหยุดคิด เข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น

ปกติเวลานั่งเป็นโปรดิวเซอร์แล้วกำกับเองด้วยหรือเปล่า

พยายามจะไม่กำกับค่ะ ตอนนี้ต้องเปิดใจกับตัวเองว่าห้ามทำอีก เพราะมันคนละมุมมอง การที่มีหลายตำแหน่งช่วยกันดูจะมีชุดความคิดที่หลากหลายแล้วจะเกิดสิ่งที่ดีขึ้นจริงๆ เรื่องล่าสุด (พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน) โดนัทต้องทำทั้งสองอย่าง พอละครฉาย โดนัทพูดกับตัวเองเลยว่าเราลืมหลายๆ สิ่งที่ต้องทำในฐานะผู้กำกับ เพราะมัวแต่ไปยุ่งกับการแมเนจ แล้วจริงๆ ผู้กำกับต้องคุยกับคนเยอะมาก ไม่ว่าวันนั้นจะอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกอะไร แต่ในภาวะของผู้จัดบางทีก็ไม่อยากพูดกับใคร หน้าที่ผู้จัดคือประนีประนอม แต่ผู้กำกับต้องมีความเด็ดขาดกว่า ทีนี้พอมารวมกันโดนัทว่าไม่ค่อยดี ก็พยายามจะไม่ทำอีก

สมมติว่าต้องทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ วันนั้นนักแสดงคือโดนัท เราจะทำงานกับเขาแบบไหน

เวลาเป็นผู้กำกับ เราต้องทำให้นักแสดงคอมโพรไมส์กับเรา แต่พอเราเป็นนักแสดง บางทีเราก็ไม่คอมโพรไมส์กับผู้กำกับ แต่ต้องยอมรับเพราะว่าศิลปินทุกคนมีมุมมองที่เขาทำการบ้านมา เราต้องเข้าใจเขา ทุกวันโดนัทพยายามน่ารักกับทุกคน แต่เราก็ไม่ได้น่ารักเสมอ เรารู้ตัว ถ้าโดนัทต้องกำกับตัวเอง โดนัทจะให้พื้นที่เขาในการทำงาน เพราะเขาอยู่มานาน ไม่ต้องบอกเขาเยอะ เขาจะรู้หน้าที่ของเขา แต่ว่าเขายังต้องการผู้กำกับนะ โดนัทจะแบบอยากรู้ที่มาที่ไป อยากเข้าใจ แล้วก็อยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ทำงานด้วย ตอนโดนัทเป็นผู้กำกับน่ะค่ะ หน้าที่คือให้ความมั่นใจกับนักแสดง ต้องให้ทิศทาง โดนัทเชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของนักแสดงต้องการสิ่งนั้น บางทีเดินมาจับหรือพูดอะไรก็ได้คำหนึ่ง เพื่อให้ทำในสิ่งเดียวกัน เพราะว่างานหนังหรืองานละครไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยคนคนเดียวต่อให้เล็กหรือใหญ่ก็ตาม มันคืองานที่เป็นทีมเวิร์ก

ในทางกลับกันถ้ามองในมุมนักแสดง รู้สึกว่าผู้กำกับโดนัทดุจัง’ ‘เครียดให้น้อยหน่อยหรือ

คนที่ทำงานด้วยจริงๆ เขาจะไม่รู้สึกว่าโดนัทดุค่ะ แต่คนจะสงสัยว่านอนตอนไหน ทุกคนจะชอบถาม อันนี้ป่วยจริงๆ เหรอ มีโรคประจำตัวจริงๆ เหรอ ดูเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย คือถ้าคนอื่นมองโดนัท เขาจะเห็นว่าโดนัทจริงจังกับสิ่งที่ทำ ต่อให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม โดนัทว่าไม่จริงจังไม่ได้น่ะค่ะ มันคือที่ที่โดนัทโตมา เรารู้สึกว่ารักมันนะ ต้องจริงจังเพราะมันเป็นงาน แต่ถ้าเวลาเล่นโดนัทก็สุด บทจะไม่ทำอะไรก็ไม่ทำเลย จนสามีบอกว่า เธอทำงานหน่อยไหม ฉันว่าเธอต้องทำงานแล้วแหละ

คิดว่าอยู่โหมดไหนแล้วสนุกกว่ากัน

คนละแบบค่ะ เป็นโลกคนละใบ การเป็นผู้กำกับสนุกตรงที่มันได้เล่า สนุกที่ได้ทำอะไรกับคนอื่น บางทีเราก็ไม่เข้าใจตัวเองนะ บางทีเราเป็นบ้า เราทะเลาะกัน เราจะอดหลับอดนอนเพื่ออะไร เหมือนจะมีอะไรของมันอยู่บางอย่าง แต่การเป็นนักแสดงไม่ต้องรับผิดชอบคนอื่นนอกจากตัวเอง ต่อให้เราต้องเล่นกับคนอื่น แต่มันเหมือนนักกีฬาเดี่ยวน่ะค่ะ มีความเหงาของมันในบางที แต่พอเราไปทำงานผู้กำกับหรือผู้จัด มันคือหมู่คณะ ถ้าถามว่าโปรเซสไหนสนุกสุด โดนัทว่าก่อนการถ่ายทำและก่อนทำการแสดง มันคือพรีโปรดักชั่น เราใส่อะไรก็ได้ลงไปในนั้น แต่พอตอนโปรดักชั่นมันจะโคตรเหนื่อยเลย เหนื่อยแบบใจจะขาด พอโพสต์โปรดักชั่นจะคิดถึงการทำงาน มันก็จะยอมให้เรากลับไปทำสิ่งที่เหนื่อยในชีวิตของเราอีกครั้ง

ที่ผ่านมามีบทเรียนอะไรบ้างที่จำไม่เคยลืม

เยอะค่ะ โดนัทชอบที่ตัวเองไม่ได้มาจากความสมบูรณ์แบบที่สุด แล้วมันทำให้โดนัทได้เรียนรู้และเข้าใจการเป็นนักแสดง รู้สึกว่านักแสดงยุคนี้กับยุคก่อนต่างกัน เด็กรุ่นใหม่มีจังหวะการเล่นและความสดบางอย่างที่น่าสนใจ ขณะที่เทคนิคเราจะอาศัยประสบการณ์บางอย่างในชีวิตที่ทำให้เราเข้าใจตัวละคร ต่อให้เราไม่ได้เหมือนตัวละครเลยก็ตาม แต่มันมีเซลล์อะไรบางอย่างที่อยู่ในกล้ามเนื้อ แล้วพอเราต้องเล่นหรือมีอะไรต้องใช้ตรงนั้น มันจะถูกดึงออกมาใช้ได้ เพราะฉะนั้นประสบการณ์ชีวิตทุกอย่างทำให้เราเป็นโดนัท ณ วันนี้ โดนัทว่าเราไม่ได้เปิดใจมาตั้งแต่เด็กหรอก แต่ทุกอย่างในชีวิตที่ประกอบกันมันคือสิ่งที่สำคัญ

โดนัทซีเนียร์อยากบอกโดนัทจูเนียร์เมื่อยี่สิบปีที่แล้วว่าอะไรบ้าง

เวลาที่นึกถึงเรื่องตัวเองจะมีความรู้สึกว่าทำไปได้ยังไง แต่ก่อนไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊ก เดี๋ยวนี้มาเล่น เฟซบุ๊กมาเตือนว่าอดีตเราเขียนอะไรไปบ้าง พอเห็นตัวเองแล้วก็รู้สึกตลก บางอันอยากลบออกเพราะรู้สึกแบบ…คิดอะไรน่ะ ตลกจังเลย ทั้งเรื่องความคิด การใช้ชีวิต แต่โดนัทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีแล้ว (ไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงอะไร?) ไม่มีเลยค่ะ แค่รู้สึกขำว่า เออ เธอมันตลกดีเนอะ

แอบกลัวเลข 4 ที่จะมาเยี่ยมปีหน้าไหม

โดนัทไม่เคยคิดเลยนะว่าตัวเองจะกลัวเรื่องความแก่ แต่ตอนนี้มันเกิดฮอร์โมนนั้น สารเคมีในร่างกายเริ่มรู้สึกว่า ตายละฉันแก่ขึ้น ฉันหน้าเหี่ยว มีตีนกา อุ๊ยผมหงอกขึ้น มันมีอาการนี้ น้ำหนักขึ้นสองกิโล ลดมาหนึ่งปีก็ไม่ลง มีความแบบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเนี่ย แต่ยอมรับตัวเองได้หลายๆ อย่าง เคยอ่านเจอในหนังสือที่บอกว่าชีวิตคนเราเริ่มต้นตอนอายุ 40 ก็คงเป็นไปได้ เรามีประสบการณ์ชีวิต ได้เห็นสิ่งที่ดีและไม่ดีของตัวเอง เราผ่านเรื่องราวมาจนเป็นวัยที่ทำให้เรานิ่งที่สุด แฮปปี้ที่สุด เหมือนเราเปรียบตัวเองเป็นห้องสมุดหรือคลังอะไรสักอย่าง ได้สะสมสิ่งนั้นมาจนถึงวัยนี้มันพอดีกับตัวเอง แต่ร่างกายแค่ตกใจ ตายแล้ววว (หัวเราะ) โดนัทว่าตัวเองแฮปปี้ดีค่ะในตัวเลขปีนี้คือ 39

อยากทำหนังไปตลอดไหมคะ

มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะค่ะ โดนัทรักมันนะ แต่บอกไม่ได้ว่าจะทำไปเรื่อยๆ ได้ไหม โดนัทมีผู้กำกับหรือคนเขียนบทที่ชอบ เราเห็นว่าเรื่องที่เขาเขียนไม่ได้จะดีไปหมด มีทั้งเรื่องที่คนรักมากและมีเรื่องที่คนผิดหวัง มันขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราสะสมมาด้วย โดนัทเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วกับเรื่องแรก มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ รู้ตัวว่าอันไหนที่เราไม่เก่ง อันไหนที่ยังทำไม่ดี เราไม่ได้คาดหวังจากคนอื่น แต่เราคาดหวังกับตัวเอง ว่าเราจะกลับไปแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี หรือเรียนรู้ และใจเย็นกับมันแค่ไหน อย่างที่เขาชอบล้อกันในแก๊งทำหนังอิสระว่าทุกคนจะต้องเป็นหนี้ เราผ่านการเป็นหนี้มาแล้วเพราะทำตามความฝัน วันนี้โดนัทจะไม่เอาความฝันนั้นมาทำให้เป็นภาระอีก เราเคยเป็นหนี้แบงก์ แต่ไม่อยากเป็นแล้ว เข้าใจว่ายังมีความฝันนั้นอยู่ แต่ใจเย็นมากขึ้น อันนี้ไม่ห้ามคนอื่นนะคะ เรื่องที่กำลังจะทำถ้านับเป็นฟีเจอร์ก็เป็นเรื่องที่สอง มันกลับมาเล่าสิ่งที่เราอยากเล่ามากที่สุด รู้สึกว่าเราค่อยๆ ทำก็ได้ จะเป็นหนังในวัย 40 ของโดนัท

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Writer: Angkana Wongwisetpaiboon

Other Articles