Thursday, March 30, 2023

‘ดุจดาว วัฒนปกรณ์’ นักจิตบำบัดผู้เข้าถึงใจของมนุษย์

‘ดุจดาว วัฒนปกรณ์’ หญิงสาวที่ให้ความสนใจศาสตร์แห่งการบำบัดด้วยศิลปะการเคลื่อนไหว (Dance Movement Psychotherapy) ผู้ก่อตั้ง Empathy Sauce บริษัทที่กำเนิดขึ้นจากความปรารถนาอยากให้มนุษย์ปฏิบัติต่อกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ และเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาสำรวจจิตใจตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น

ช่วยอธิบายศาสตร์ Dance Movement Psychotherapy ว่าดีอย่างไร

เล่าถึงตัว therapy ก่อน หรือจิตบำบัด เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับคนที่อยากทำงานกับตัวเอง หรือเจอปัญหาในชีวิตประจำวันแล้วรู้สึกว่าแก้ด้วยพฤติกรรมคล้ายๆ เดิม แต่ก็ยังวนมาเป็นปัญหาเดิมซ้ำๆ และอยากหาวิธีใหม่ ห้องจิตบำบัดจะช่วยเป็นพื้นที่เปิดให้เขาได้เข้าใจตัวเอง ได้ค้นหาว่าถ้าไม่ได้ตีความแบบเดิม มันจะตีความจากอะไรได้บ้าง หรือกระทั่งมี self empathy ต่อตัวเอง เข้าใจว่าอะไรทำให้เกิดปัญหา เพราะการต่อว่าตัวเองคงไม่มีอะไรดีขึ้น พอเกิด self empathy เราก็กล้าที่จะอยู่ใกล้ปัญหาถ้าเข้าใจมัน และค้นหาวิธีได้ว่าจะจัดการชีวิตยังไงดี

สมมติว่าคนมีปัญหาแล้วเดินเข้ามาปรึกษา กระบวนการคร่าวๆ จะเป็นอย่างไร

ดาวจะทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เริ่มจากการให้เล่า แต่ถ้าบางเรื่องพูดยาก บอกไม่ถูกถึงภาวะข้างใน เราจะนำเครื่องมือทางศิลปะเข้ามาช่วย อย่างเช่นลองวาดดูซิว่ามันเป็นยังไง รวมถึงใช้ body language เช่น ถ้าใช้มือสองข้างช่วยอธิบาย มันจะอยู่ในรูปแบบไหน เพราะฉะนั้นศาสตร์นี้จะค่อยๆ ชวนว่าถ้าอยากเข้าใจข้างในตัวเอง บางทีเข้าไปด้วยภาษาพูดมันมีข้อจำกัด ลองเข้าไปมองด้วยภาษาร่างกายไหม

ในกระบวนการนี้เราจะสร้างพื้นที่ให้ปลอดภัยมากพอเพื่อให้เขาเทบางอย่างออกมา แล้วก็เข้าไปสำรวจข้างในว่ามันคืออะไร เพื่อทำความเข้าใจไป ‘พร้อมกัน’ โดยมีเทอราพิสต์ช่วยไกด์ หรือค่อยๆ หากระบวนการบางอย่างที่จะทำงานได้คล่องและอ่อนโยน พอเขารู้จักสำรวจตัวเองมากขึ้น เขาจะเห็นภาพมากขึ้น ทั้งความคิด ความรู้สึก ภาวะความทุกข์ทนต่างๆ ทั้งหมดอยู่ในบอดี้หมดแล้ว เราเลยให้บอดี้เป็นส่วนขยายบางเสียงของร่างกาย การที่ร่างกายเคลื่อนไหวอิสระ มันมาจากข้างในเจ้าของคนนั้นอยู่แล้ว แล้วถ้าเขาจะทำท่าบางอย่างออกมา แปลว่ามันมีที่มาจากข้างในเขา ซึ่งแสดงออกได้หลายอย่าง นักจิตบำบัดจะค่อยๆ ช่วยฝึกให้คุณได้ฟังเสียงร่างกายตัวเอง แล้วให้ความหมายกับสิ่งที่คุณเคลื่อนไหว

ปัญหาของมนุษย์ทุกวันนี้ส่วนใหญ่มาจากอะไร

มาจากความ simple และ plain มากค่ะ สุดท้ายคือความเครียด คำว่าความเครียดมันลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจจะมี issue หนึ่ง เป็นประเด็นเล็กๆ แต่ไม่ยอมคลาย ไม่ยอมให้มันจบ แล้วก็ลากประเด็นปมเล็กๆ นั้นไปเรื่อยๆ แล้วไอ้ปมนี้ก็ไปกระทบเรื่องอื่น กลายเป็นปมหนึ่ง ปมสอง สักพักเริ่มสะสมไปเรื่อยๆ แล้วไม่รู้ว่าจะบาลานซ์ทั้งหมดยังไง หาทางออกไม่ได้ ตกใจว่าฉันเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร เพราะมองไปเรื่อยๆ ก็เหมือนชีวิตจะธรรมดา แล้วหลายครั้งก็จะไม่สามารถระบุได้ว่าสภาวะที่เป็นอยู่ซึ่งไม่ไหวแล้วเนี่ยมันมาจากอะไร ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยความเครียด ตีบตัน หรืออยากจะแก้บางอย่างแต่แก้ไม่ได้

มีเคล็ดลับอะไรที่เราสามารถสร้างสุขหรือดูแลจิตใจตัวเองได้ เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งนักบำบัด

ข้อ 1 ระลึกไปเลยว่าอำนาจในการเลือกชีวิตตัวเองอยู่ที่ตัวเองก่อน มนุษย์มีอำนาจนั้นอยู่ที่ตัว ไม่ได้อยู่ที่คนอื่นซึ่ง ranking สูงกว่า หรือมีบทบาทเป็นผู้ปกครอง เป็นแฟน อำนาจอยู่ที่เราค่ะนานแล้วด้วย แต่เราไม่กดปุ่มแอ็กติเวตมัน ข้อ 2 พอรู้ว่ามีอำนาจก็ไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเอง เพราะฉะนั้นอยากให้ฟังตัวเองด้วย เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเราถูกร้องขอให้ฟังครูเยอะๆ ฟังแม่มากๆ ฟังพ่อด้วยนะ ฟังคุณย่าด้วย แม่เจ้า! ฟังทุกคนเลย เราควรจะอนุญาตให้ตัวเองได้ฟังตัวเองมากขึ้นด้วยว่าตอนนี้รู้สึกอะไร ต้องการอะไร

ถ้าที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ฟัง ลองค่อยๆ จัดตัวเองให้อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ต้องได้ยินเสียงคนอื่นบ้าง พื้นที่ที่มีเวลาส่วนตัว เวลาส่วนตัวมีความสำคัญมากนะคะ ชัตดาวน์ทุกเสียงจากข้างนอกเพื่ออยู่กับตัวเอง จะทำอะไรไปด้วยก็ได้ ปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว เขียนโน้ต นั่นคือช่วงที่เราฝึกดูตัวเอง ให้ตัวเองได้เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจ เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง แล้วพอเราฟังมันมากพอ เราจะรู้ว่าเราอยากได้ชีวิตแบบไหน อยากทำอะไร แต่ดาวคิดว่าก็จะมีเรื่องของการเคารพขอบเขตของผู้อื่นร่วมด้วย ดาวว่าคร่าวๆ แบบนี้ก็น่าจะมีความสุขพอดี สุขในที่นี้คือสุขเรากับสุขแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก ดาวเคยคิดว่าอะไรคือความสุขของมนุษย์ ก็เลยคิดว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณได้สิ่งนั้น เมื่อความต้องการของคุณถูกตอบสนอง เมื่อคุณได้ใช้ชีวิตในแบบที่คุณอยากได้ เดี๋ยวคุณสุขเอง แต่ถ้าคุณจะวิ่งหาความสุข โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วเราจะไปหาอะไรล่ะ เราก็จะไปลอกเลียนความสุขของคนนั้นคนนี้ แต่พอเราลองไปทำแล้วอาจจะไม่ใช่ ดาวเลยคิดว่าการฟังตัวเองเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

คุณดาวว่าคนเราจำเป็นต้องเก่งไหม

ไม่จำเป็นค่ะ ดาวไม่แน่ใจว่าผู้หญิงเก่งแปลว่าอะไรด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้ตอบจริงๆ ดาวจะตอบว่า จัดการตัวเองได้ ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ดาวว่าคำว่าไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นยังเป็นคุณค่า เผอิญคนที่บ้านมีการปลูกฝังที่เราส่งมอบกันมาค่อนข้างแข็งแรง คือมีอิสระสูงมาก แต่ไม่เบียดเบียนคนอื่น อะไรที่เบียดเบียนก็จะถอย ไม่รบกวน ไม่ข้าม ไม่คร่อม

เป้าหมายในการทำงานทุกวันนี้คืออะไร

being meaningful กับสังคม ดาวจะมีหมุดหมายเวลาทำงานกับตัวเองซึ่งมันชัดมากและยังไม่เปลี่ยน เป็น 3 ความต้องการหลักในชีวิต หนึ่งคือความสนุก สองคือสงบ สามคือมีความหมาย เดิมทีความสนุกจะอยู่อันดับหนึ่ง เหมือนถ้าไม่สนุกจะไม่ทำ แต่ว่าหลังๆ กลายเป็น being meaningful มันช่วยทำให้ดาวเป็นประชากรที่ไม่เป็นพิษต่อสังคมส่วนรวมมั้งคะ แค่รักษาตัวให้ไม่เป็น toxic ต่อสังคมส่วนรวม แปลว่าดาวก็เป็นประชากรที่ช่วยเหลือสังคมแล้วนะ ไม่ต้องไปช่วยโลกก็ได้

ไม่ว่าดาวจะทำอาชีพอะไรมาทั้งหมด ดาวเป็นคนชอบมนุษย์มากค่ะ ดาวหลงใหลและชื่นชมในศักยภาพของมนุษย์ เพราะฉะนั้นกลไกที่ดาวทำมันดั้งเดิมมาก เราเป็นมนุษย์สองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันในบางพื้นที่ แล้วก็ทำฟังก์ชั่นของมนุษย์ เราให้ human connection โดยที่ไม่ต้องอาศัยเครื่องมือ เราเข้าใจกันในระดับที่ใช้คำว่า primitive พื้นฐานมากๆ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่มอบความสุขให้ดาวก็คือ มันนำพาสิ่งที่เรียกว่า ‘พลอยยินดี’ กับผู้อื่น มันมาได้ยากมากตอนที่เราเป็นเด็กกว่านี้ แต่วันหนึ่งการทำฟังก์ชั่นตรงนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกพลอยยินดี แล้วพอเจอความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ปุ๊บ โห เจ๋งอะ มันสุขใจที่ได้เห็นคนตรงหน้าเราแฮปปี้ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ เพราะเขามีกลไกที่ซัพพอร์ตตัวเองแล้ว

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Writer: Angkana Wongwisetpaiboon

Other Articles