Thursday, March 30, 2023

รีวิวชีวิต ‘เฌอปราง’ และหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุด SLR ที่เธอแสดง

‘SLR กล้อง ติด ตาย’ เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญจากค่าย M Pictures ที่น่าจับตา ความน่าสนใจไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ที่สองผู้กำกับหนุ่มไฟแรง มาร์ค-เลิศศิริ บุญมี และ เอ็ด-วุฒิชัย วงศ์นภดล เกริ่นว่า SLR ไม่ใช่แนวสยองขวัญซ้ำซากทั่วไป และไม่ได้มีแต่ Horror อย่างเดียว แต่เป็นหนังที่แสดงความขัดแย้งภายในของมนุษย์ แนว Psychological Thriller (จิตวิทยาระทึกขวัญ) เนื้อเรื่องเล่าถึงชะตากรรมของ 2 หนุ่ม 1 สาว และสาวหนึ่งเดียวคนนั้นก็คือ ‘น้ำ’ รับบทโดย เฌอปราง อารีย์กุล นักร้อง/นักแสดงที่เราคุ้นเคยกันดี

เฌอปรางแคสต์บทเรื่องนี้พร้อมกับนักแสดงทุกคน และเธอก็ได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ ด้วยเหตุผลว่า “เฌอปรางสามารถเข้าถึงสิ่งที่ไม่ได้บอกในบท และเข้าใจว่าตัวละคร ‘น้ำ’ กำลังจะเจออะไร เฌอเข้าถึงคาแร็กเตอร์ตัวละครที่เขียนไว้” ผู้กำกับเอ็ดกล่าว…ไหนๆ ลอฟฟีเซียลก็มีโอกาสได้เจอเฌอปรางทั้งที ชวนเธอมาอัพเดตชีวิตกันหน่อยดีกว่า

เรื่องนี้รับบท ‘น้ำ’ คาแร็กเตอร์เป็นแบบไหน

น้ำเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน มีคาแร็กเตอร์ที่เฌอไม่ค่อยได้เป็น คือเฌอไม่ได้แต่งตัวแบบนี้เท่าไร น้ำเป็นคนกระฉับกระเฉง มีความสวย สาวกว่า เครื่องประดับต้องเยอะ ซึ่งเฌอจะเป็นคนเครื่องประดับน้อยหน่อย คือไม่ได้ไม่มีนะคะ แต่ว่าน้ำเยอะกว่า น้ำจะโผงผางระดับหนึ่ง กล้าจีบคนอื่นก่อน มีบางประโยคที่เฌอก็ หืม! พูดอะไรเนี่ย บทนี้โตกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยแสดงไม่ว่าจะเป็นหนังหรือซีรีส์

ตอนมาแคสต์ก็ได้ทดลองอะไรหลายอย่าง แคสต์เสร็จก็ได้เวิร์กช็อปกัน ก่อนถ่ายเฌอเตรียมตัวอ่านบท ท่องบท ตอนออกกองมันเป็นความเรียลที่ต้องไปเจอ ไม่ใช่ต้องเตรียมไปก่อน เราจะรู้แค่ว่าเป็นซีนอะไร แต่ไม่รู้ว่าภาพจะออกมาเป็นยังไง พอเจอก็จะช็อกนิดนึง บางทีเจอสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่เขาแต่งหน้า น่ากลัวมาก นึกว่าเละนิดหน่อย ที่ไหนได้ออกมาเป็นยวง นับถือใจคนที่แสดงมากเลย

ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ มีอะไรที่ประทับใจบ้าง

รู้สึกว่าทีมงานเต็มที่มากๆ เรื่องนี้ได้ประสบการณ์ที่ได้เจอสตั๊นท์แมน ได้เห็นเทคนิคการทำสตั๊นท์ ความโปรดักชั่นเยอะ ดีใจมากค่ะที่ได้ทำงานกับคนใหม่ๆ

เมสเสจที่เรื่องนี้อยากบอกคนดูคืออะไร

เท่าที่รู้สึกคือถ้าเรามีทางลัดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จบางอย่าง แต่มันเป็นทางลัดไม่ดี เราจะเลือกทางลัดนั้นไหม (แล้วถ้าเป็นเฌอจะเลือกไหม?) มันกลัวซะมากกว่าค่ะ ถ้าจะขนาดนั้นก็ไม่ดีกว่า ในเรื่องก็คือฆ่าคน มันเป็นอะไรที่เกินเหตุไป แต่มันเป็นความไม่รู้ ถูกหลอกด้วย

การแสดงเป็นแพสชั่นของเฌอหรือเปล่า

ศูนย์เลยค่ะ ไม่เคยมีความคิดอยู่ในหัวเลย ไม่เคยคิดว่าจะมีหน้าตัวเองโผล่มาในโรงภาพยนตร์ เฌอเป็นคนชอบดูหนัง ดูทุกสัปดาห์ตอนเรียนมหา’ลัย ที่เข้าวงการมาก็ด้วยความชอบวงญี่ปุ่น พอได้รับโอกาสก็เลยลองดู เข้าวงการแสดงครั้งแรกเนื่องจากทางผู้ใหญ่เรียกไปแคสต์เพราะเห็นว่าตรงกับคาแร็กเตอร์ ซึ่งพอได้รับเลือกก็ไปเรียนการแสดงสามเดือน เวิร์กช็อปทุกอย่างก่อนเปิดกล้อง ไปกองวันแรกได้เห็นปริมาณทีมงานที่มาทำงานเยอะมาก หลายฝ่ายมากเลยเพราะมันใช้หลายองค์ประกอบ มันยากกว่าที่เราคิด เฌอรู้สึกชื่นชมผลงานภาพยนตร์มากขึ้นๆ เหมือนเราได้เปิดโลกอีกใบ ตอนแรกก็เข้าใจว่ามันยากแหละ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ไม่คิดว่าการแสดงจะต้องใช้ร่างกายและเอเนอร์จี้ขนาดนี้ ก็เลยเป็นประตูอีกบานหนึ่งที่ได้รับโอกาส พอได้เปิดเข้ามาแล้วก็รู้สึกสนุกและชอบด้วย

เฌอเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ แพลนอะไรไว้ถึงได้เลือกเรียนสาขานี้

แพสชั่นของเฌอตั้งแต่แรกคือเฌอชอบเรียน เฌอเป็นพวกชอบทำการทดลอง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่จำอะไรได้ไว หรือแก้สมการเก่ง แค่ชอบทำโปรเจ็กต์ ที่สนใจเรียนวิทยาศาสตร์เพราะมันสนุก ตอนนั้นยังไม่ได้คิดไปไกลมาก คิดแค่ว่าชอบเรียนสิ่งนี้ ในอนาคตน่าจะใช้ทำงานได้เพราะตัวเองชอบ

เฌอยังไม่ได้ทิ้งที่เรียนมานะคะ แค่ว่ามันไม่ได้ใช้ จริงๆ งานวิทยาศาสตร์เหมือนทำโปรเจ็กต์ใหม่ไปเรื่อยๆ มันต้องทำวิจัย ซึ่งตอนนี้เรายังพอมีทักษะนั้นอยู่บ้าง รู้สึกว่ามันเป็นทักษะที่ใช้ในชีวิตน่ะค่ะ ตั้งคำถาม ทดลอง สรุปผล แก้ปัญหา ได้ทำโน่นทำนี่ เฌอยังไม่รู้ว่าจริงๆ ตัวเองเก่งอะไร เป็นคนชอบทำไปเรื่อยๆ เลยรู้สึกว่าอันไหนก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ ได้รับโอกาสอะไรที่เขาอยากให้เราทำ เราก็จะทำ

ช่วงนี้มีบทไหนที่อยากเล่นบ้าง

มีไอเดียว่าอยากเล่นหนังแอ็กชั่น คือเฌอเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกาย แต่พอทำงานสายนี้ทำให้เฌอดูแลตัวเองเยอะขึ้นมาก ขอบคุณวงการที่ทำให้เราได้ถ่ายงานเยอะ ได้ใช้รูปร่างหน้าตา ได้ดูแลตัวเองเยอะขึ้น ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ ร่างกายต้องดูแล แต่ด้วยการทำงานแบบนี้ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปออกกำลังกาย ทำเองที่บ้านแต่ก็ไม่ได้เข้มข้นเท่าตอนร้องหรือเต้น นั่นเป็นอีกแบบหนึ่ง คิดว่าถ้าเราอยากผอมกว่านี้ อยากเฟิร์มกว่านี้ หรือออกกำลังกายหนักกว่านี้ การจะออกกำลังได้หนักกว่านี้ต้องหาเวลาเยอะกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีเวลา ก็เลยอยากได้สายงานแอ็กชั่น อยากลองแสดงบทที่จับเฌอไปฝึกที จับไปทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะใช้แรงเยอะๆ หรือทำอะไรที่ให้แข็งแรงขึ้น และอยากเล่นสตั๊นท์เอง จริงๆ เรื่องนี้เราก็ได้ใส่ชุดสตั๊นท์เพื่อเซฟตี้ ยิ่งเฌอเห็นพี่ๆ เขาเล่น ยิ่งรู้สึกว่าถ้าเล่นเองได้ต้องเท่มากเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่ทำให้เฌอคิดว่าอยากเล่นแอ็กชั่นจังเลย มันสนุกมากเลย อยากต่อยอดทางใดทางหนึ่ง

วัยเด็กของเฌอเป็นอย่างไร

เป็นเด็กทะโมนนิดๆ ค่ะ ถ้าตอนประถมก็เป็นเด็กกิจกรรม ก็คือเรียนไปด้วย ใครบอกให้ทำอะไรจะทำหมด เป็นเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียน พอถึงจุดหนึ่งเฌอรู้สึกว่าไม่ชอบงานหน้าฉาก ช่วงมัธยมก็เลยถอยออกมาหลังฉาก พอดีกับจังหวะที่ได้มาเรียนในโรงเรียนทางเลือก ได้ทำโปรเจ็กต์เยอะ ได้ไปลงพื้นที่จริง ไปเดินป่า เลยรู้สึกว่าชอบงานแมเนจเมนต์ แบบเป็นคนกลาง เรียกรวมเพื่อนๆ อะไรอย่างนี้ ไม่ค่อยแต่งหน้าแต่งตัวเท่าไร

เวลาอยู่ที่บ้านก็ไม่ค่อยดื้อค่ะ อาจจะมีดื้อเงียบ อะไรที่ไม่อยากทำก็จะหาทางแถจนได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็คุยกันด้วยเหตุผลซะมากกว่าว่าทำไมต้องทำ เฌอเป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ด้วย เลยไม่ค่อยจะมีปัญหากับที่บ้าน พ่อแม่บอกว่าหน้าที่ของเราคือเรียน เฌอก็โอเค เราต้องเรียนให้ดี ตอนนั้นไม่มีอย่างอื่นทำนอกจากเรียน เฌอเจอสิ่งที่ชอบคือการ์ตูน อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะอยากเข้าใจการ์ตูน อะไรแบบนี้ มันมักจะมาจากความชอบของเฌอ แต่บางครั้งถ้าเฌอไม่รู้ว่าชอบอะไร เฌอก็จะเรียนไปก่อน ทำไปก่อน แต่ถ้าอะไรที่ไม่อยากทำก็จะหาทางนิ่งๆ แล้วแต่เรื่องน่ะค่ะ เฌอจะพยายามจัดการอะไรเอง เพราะไม่ชอบให้ใครเดือดร้อน

พอถึงวัยมหา’ลัยก็เริ่มรู้สึกว่าควรจะพึ่งตัวเองได้แล้ว เพราะที่บ้านมีความลำบากด้านการใช้จ่าย เฌออยากรู้ด้วยแหละว่าสายงานวิทยาศาสตร์มีอะไรบ้าง มีอะไรที่เราจะเลือกทำได้บ้าง เลยไปช่วยอาจารย์ทำงาน ช่วยทำวิจัย ช่วยสอนแล็บ แล้วก็ได้เงินเดือนด้วย ก่อนหน้านี้มันมีช่วงว่างตอน ม.6 – ปี 1 เฌอก็ไปเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเรียนอินเตอร์ต้องปรับพื้นฐานภาษาก่อน ช่วงนั้นเฌอก็ทำคอสเพลย์เพราะชอบการ์ตูน สังเกตว่าถ้ามีกิจกรรมทำและเรียนไปด้วย เฌอจะเรียนได้ดี

เฌอเป็นพวกที่ไม่ชอบทำอะไรจวนตัว อยากแพลนอนาคตด้วยว่าจะยังไงต่อ ต้องทำโปรเจ็กต์จบยังไง ตอนปี 3 ได้มีโอกาสเข้าวงการ โชคดีที่ทำเปเปอร์เสร็จไปแล้ว ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องโปรเจ็กต์จบ ถือว่าสิ่งที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว แบบทำไปก่อนดันมีประโยขน์ ภาษาญี่ปุ่นก็เหมือนกัน เรียนเพราะความชอบ และพยายามเรียนจนสอบให้ได้ระดับหนึ่ง กลายเป็นว่าพอมาอยู่วง BNK48 ก็มีโอกาสได้ใช้งาน หรือการที่เคยเรียนดนตรีไทยมาก่อน เฌอก็คิดว่าตั้งใจเรียนไปก่อนแล้วกัน กลายเป็นว่าต้องตีฉิ่งในละคร ถ้าเราไม่เคยจับมาก่อนก็คงทำไม่ถูก โชคดีที่เรียนดนตรีมาบ้าง เรียนไวโอลินมาหลายปี เลยคิดว่าสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้ใช้งาน บางทีมันอาจจะมีประโยชน์สักวันก็ได้ ประสบการณ์ที่เคยมีไว้อาจช่วยเราสักวัน เลยคิดว่าตอนที่ได้ทำอะไรจะตั้งใจทำ หรือบางทีอาจจะไม่ได้อยากทำ แต่ก็จะทำให้มันดี เรียนรู้กับมันให้มากที่สุด

ฟังดูมีความเป็นเด็กเนิร์ดเหมือนกัน อยากเรียนต่อหรือเปล่า

สนใจ MBA ค่ะ อยากไปสายบริหารต่อ เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ได้เป็นนักวิจัยจ๋าขนาดนั้น แต่อยากเป็นคนแมเนจ คือการเป็นโปรเจ็กต์แมเนจเมนต์ เราจะแมเนจอะไรก็ได้ ตั้งใจว่าจะไปเรียนต่างประเทศ อยากไปเที่ยวค่ะสักปีสองปี เรียนรู้วิถีชีวิต ถ้าสอบได้นะคะ หรือเก็บตังได้ อีกอย่างคือยังอยากมีผลงานที่ keep on ในวงการบันเทิงได้ แล้วก็ทำงานเบื้องหลังกับ BNK48 เพราะรู้สึกว่าเราโตมากับเขา เราสามารถต่อยอดอะไรได้ หรือดึงน้องมาทำงานได้ด้วย หวังว่าจะทำได้ไม่มากก็น้อย

อะไรคือสิ่งที่รับมือยากที่สุดในวัยนี้

ตอนเรียนจบเฌอมีความรู้สึก…อะไรต่อวะ ไม่เหมือนตอนเด็กที่พอจบ ม.6 ก็ไปต่อมหา’ลัย คือพอจบมหา’ลัยแล้วเฌอเคว้งมากค่ะ ยังไงต่อ มันไม่มีรูทีนการไปเรียนแล้ว ตื่นมาแล้วจะยังไง โชคดีที่ทำ BNK48 แล้วเขามีตารางงานเรื่อยๆ เราก็ไม่ต้องคิดมาก แต่พอช่วงโควิดก็เคว้ง ทำอะไรดีนะ เอาไงต่อ บางทีทำงานเยอะๆ แล้วไม่ได้แพลนตัวเอง มันก็จะคิดเยอะ มันก็มีสิ่งที่คิดว่าจะทำนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาอันไหนก่อนดี ความรับผิดชอบก็มากขึ้น เริ่มดูแลค่าใช้จ่ายเกือบทุกอย่างในชีวิต และส่งให้ที่บ้านด้วย ซึ่งเป็นความดีใจที่ทำได้ มีความรู้สึกว่าแล้วเราจะยังไงเพื่อให้ทุกคนสบาย รวมทั้งตัวเราด้วย ก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องการเงิน

ชื่นชมอะไรในตัวเอง

ความไปเรื่อยมั้งคะ เห็นอะไรที่มีประโยชน์ก็ทำไปก่อน ทำแล้วตั้งใจทำ รู้สึกดีใจที่เวลาตัวเองทำอะไรแล้วมันมีผลโดยไม่คาดคิด เอ้ย! ดีใจจังที่ตอนนั้นตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่น หรือเรียนดนตรีไว้ อะไรอย่างนี้ โชคดีที่เรียนและเรียนจนมีประสบการณ์พอจะจับอะไรเป็น ดีใจที่ผ่านมาได้จนทุกวันนี้

ยินดีแลกความเป็นส่วนตัวกับงานแสดงและชื่อเสียงไหม

ก็คงไม่ยินดี แต่มันมาพร้อมกับงานที่เราอยากทำ และได้รับโอกาสให้ทำ เฌอเคยมีไอเดียว่าพอแล้ว เหนื่อยแล้ว ถ้าเราไม่ยินดีกับเรื่องส่วนตัว แต่เราจะยอมแพ้แค่การที่เจอแบบนี้หรือเปล่า เราจะมีวิธีรับมืออะไรที่เราจะอยู่กับมันได้ ก็เลยไม่ใช่ทางออกที่จะหันหลังให้ แต่ถ้าถึงจุดหนึ่งที่ไม่แฮปปี้ที่จะอยู่แล้วจริงๆ ก็อาจจะไป แต่ถ้าถามตอนนี้เฌอยังอยากเป็นนักแสดงไปนานๆ อาจจะไม่ต้องงานเยอะก็ได้ แค่พอให้มีอะไรที่ต่อยอดไปได้เรื่อยๆ

เป้าหมายข้างหน้าของเฌอปราง

มีบ้านเป็นของตัวเองที่สามารถพึ่งพาตัวเองทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะผลิตน้ำเองได้ ผลิตข้าวเองได้ ถ้ามีงานก็เข้ามาในเมือง 3-4 วันต่อสัปดาห์ กลับไปบ้านก็แฮปปี้ มีพาร์ตที่บาลานซ์ได้ดี และทำให้ที่บ้านสบายที่สุดค่ะ

ติดตามชมภาพยนตร์ ‘SLR กล้อง ติด ตาย’ ได้ในวันที่ 21 เมษายนนี้ ทางโรงภาพยนตร์

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Writer: Angkana Wongwisetpaiboon






Other Articles