MILLI ‘ดนุภา คณาธีรกุล’ ผู้เป็นไอดอลของปวงชนพลเมืองวัยรุ่น สาวน้อยที่กล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น ในแง่ความสามารถด้านเพลง มิลลิสุดปังมาตั้งแต่ปล่อยซิงเกิลแรก ผ่านไปไม่นานเสียงของเธอก็ดังไกลจนไปเข้าหู 88rising (ค่ายเพลงที่ผลักดันศิลปินเอเชียให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล) และได้ร่วมงานกันไปตามระเบียบ ล่าสุดแร็ปเปอร์จากค่าย Yupp! คนนี้กำลังจะมีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเองแล้ว
‘17 นาที’ ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อย ทำไมต้องเป็นเลขนี้
เพลงนี้เป็นเพลงที่มาจากตัวหนูเอง เหมือนเวลาเราคุยกับคนที่เราแอบชอบ เราส่งไปตั้งนานแล้วกว่าเขาจะตอบก็นาน พอเขาตอบมาเราก็ไม่อยากตอบทันทีเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเราชอบ 10 นาทีก็น้อยไปสำหรับเขา ทีเขาให้เรารอเป็นชั่วโมง 15 นาทีมันเป๊ะไป เลยเพิ่มอีกสองนาทีเป็น 17 นาที ทั้งเพลงจะพูดว่าเวลา 17 นาทีนี้ฉันทรมานมากเลยนะ เธอรู้บ้างไหมเนี่ย แล้วตอนนี้ก็กำลังทำอัลบั้มอยู่ค่ะ มีศิลปินมากหน้าหลายตามาฟีเจอริ่ง สนุกมากเพราะเป็นอัลบั้มแรกในชีวิต ค่อนข้างใส่ความเป็นตัวเองแบบขีดสุดจนถึงสุดแล้วก็สุดเข้าไปอีก ยิ่งพอได้เรียนดนตรีก็ทำให้รู้สึกว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างให้เราค้นหา พอได้เจอนั่นเจอนี่แล้วมันสนุกมากๆ

ความรู้สึกที่มีต่อการทำงานเพลงในเวลานี้
หนูอยากเก่งขึ้นมากๆ เพื่อที่จะใส่ใจรายละเอียดและพิถีพิถันกว่านี้ เผื่อจะได้ทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้นอีก ตอนนี้หนูฟังเพลงไปเรื่อยเลย กับพวกพี่ๆ ในออฟฟิศด้วย บางทีก็ฟังเพลงนอกกระแส ลูกทุ่ง หมอลำ หรือเวลาเรียนต้องฟังแจ๊ซ ซึ่งเราจะได้เอเลเมนต์บางอย่างจากหลายๆ เพลงมาใส่ในเพลงเราได้ หรือการทำอะไรใหม่ๆ ออกไปเจอคนใหม่ๆ เราก็รับไอเดียใหม่ๆ มา นั่นคือความสนุก ตอนนี้หนูรู้สึกว่ากำลังท่องโลกดนตรีอยู่ สนุกมาก มีความสุขมาก
ในความสนุกนั้นมีความท้าทายเราไหม
เหมือนเราต้องทำงานกับคนมากขึ้น และต้องเรียนด้วย ต้องแบ่งเวลา ซึ่งตอนนี้ยังจัดสรรเรื่องเวลาไม่ดี พ-ย-า-ย-า-ม-ทำอยู่ เรามีหลายอย่างมากเลย แล้วก็ยังไม่อยากโต หนูยังอยากไปเที่ยว ไปปาร์ตี้กับเพื่อน อยากไปโน่นนี่นั่น แล้วก็ต้องแบ่งเวลาให้การซ้อม แบ่งเวลาให้กับครอบครัว หนูไม่เคยรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงมันพอสำหรับหนูเลยด้วยซ้ำ
ถ้าต้องตัดอะไรที่ไม่สำคัญออกไป มิลลิจะตัดอะไร
ไม่ตัดค่ะ (หนักแน่น) หนูมีคติอันหนึ่งมาจากพี่สาว เขาบอกว่า ‘ทำไมต้องเลือก ถ้าไม่ต้องเลือก’ ทำไมหนูต้องเลือก ถ้ามันไม่จำเป็นต้องเลือกก็ได้ แล้วเราก็จะเป็นสไตล์นี้ ฮ่าๆๆ
ขอเคล็ดลับที่ทำให้ก้าวไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้ง
ทุกวันนี้ทุกอย่างเข้ามาจนหนูรู้สึกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ชีวิตมันดูเป็นอะไรก็ได้ รู้สึกว่าคำว่าไม่แน่นอน มันไม่แน่นอนเลย หนูก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีเคล็ดลับอะไร รู้แค่ว่าต้องปรับตัวยังไงให้ทันสิ่งที่ไม่แน่นอนเข้ามา ถามว่าทำไม 88rising ถึงสนใจชวนไปร่วมงาน หนูไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ หนูก็เต็มที่ของหนู อะไรที่เป็นหน้าที่เรา ไม่ว่าทำเพลง ทำอัลบั้ม ปล่อยเพลง หรือไปอีเวนต์ หนูรู้ว่าจะต้องทำอะไร 1 2 3 4 5 ทุกอย่างที่เข้ามาเป็นโอกาสที่ดี เราก็จะรับไว้ ‘หมดเลย’ จนเราก็โอย! จะตายแล้ว… ปวดหลัง

ตอนนี้ 19 แล้ว ความสนใจก็หลากหลายขึ้นตามวัย ได้ยินว่าสนใจเรื่อง No gender ด้วย
ค่ะ เอาแง่ไหนดี No gender มันได้หลายเรื่องเลย ทั้งเรื่องความรัก แฟชั่น แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พูดได้ทั่วไป No gender เรื่องแฟชั่น หนูรู้สึกว่าเราแต่งตัวยังไงก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะ matter ในการที่เรามองเขาด้วยซ้ำ ล่าสุดไปเห็นในทวิตเตอร์ พวกแอคเคอร์ที่เขาลงรูปโป๊หรืออะไรทำนองนี้ แต่เอารูปหนูไปลงไง ซึ่งเป็นรูปที่เวลาหนูไลฟ์อยู่ในห้องที่บ้าน เสื้อในก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใช่ไหมคะเพราะเราอยู่ในที่ของเรา หนูรู้สึกว่าการใส่เสื้อในมันเป็นช้อยส์ทางเลือกของคนที่จะเลือกใส่ก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามที่เราอยากจะเลือก และอย่างที่สองคือตามกาลเทศะและความเหมาะสม ทีนี้พออยู่ในบ้านเรามีสิทธิที่จะเลือกใส่หรือไม่ใส่ หนูก็เลยไม่ใส่ สิ่งที่เขาทำคือพยายามหาซีนที่หนูขยับตัวแล้วซูมไปที่หน้าอกของหนู แล้วก็มีแฟนคลับส่งมาให้ดู ซึ่งแฟนคลับก็บอกว่าจะโอเคไหม มันแย่มากเลยนะ แต่เราก็อ๋อ หนูเชิดค่ะ หนู free the nipple
อย่ามาพูดแบบนี้ แล้วหนูก็แชร์และด่าเขาเลย เดี๋ยวฟ้องให้ก็ได้ แต่ขอด่าก่อนแป๊บนึง เราแชร์เลยแล้วก็ เป็นไรค้า ทำไมหัวนมไปหนักหัว…เหรอ แล้วเขาก็ลบไป แล้วก็มีอีกหลายแอปเลยนะที่เขาจำกัดการมองเห็นไม่ให้เจอ แต่มีแฟนคลับแคปมาให้ดู หนูก็จำชื่อแอปไว้ เดี๋ยวทักไป เป็นไรค้า… ไม่ว่าจะเพศอะไร คุณก็มีหัวนมเสมอ เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรจะมาตื่นเต้นกับหัวนมคนอื่น เพราะคุณอาบน้ำทุกวันคุณต้องเห็นหัวนมตัวเอง ตื่นเต้นกับหัวนมคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ควรค่ะ ด้วยความที่ผู้หญิงมักถูกจ้องมาตลอดเวลาแบบนี้ หลายคนอาจจะต้องระมัดระวังในการแต่งตัวมากขึ้น ทั้งที่มันเป็นความสุขของเขา
การรับมือกับโซเชียลในแบบมิลลิ
เอาจริงๆ หนูว่าไม่ดีนะสิ่งที่หนูทำ ควรจะมีวิธีการรับมือที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ภูมิฐานกว่านี้ เท่กว่านี้ แต่แบบแป๊บนึง ยังไม่โต ขอเอาสะใจก่อน หาเหตุผลให้ตัวเอง (ยิ้ม) เพราะเดี๋ยวโตกว่านี้ความคิดมันจะเปลี่ยน ตอนนี้ขอเต็มที่ก่อน ขอเป็นเด็กก่อน ขอด่าก่อนค่า หนูค่อนข้างคาดหวังกับเวลานะ ถ้าหนูโตขึ้นตามวันและเวลา หนูคิดว่าความคิดและสิ่งที่เจอจะเปลี่ยน เพราะหนูเชื่อว่าสิ่งที่หนูเจอปีที่แล้วกับปีก่อนนู้นมันก็ต่างกัน ไอเดียความคิดของหนูมันก็เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ ในทางที่ดีกับชีวิตหนูเหมือนกันนะ

ย้อนมองตัวเองตั้งแต่สุดปัง เรามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง และอะไรที่ไม่เคยเปลี่ยน
อะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลงก่อนดีกว่า หนูรู้สึกว่าหนูก็ยังกะโปโลกะหร็องกะแหร็งเสมอมาและคงเสมอไป เพราะไม่น่าจะแก้ได้ สิ่งที่แก้ไม่ได้อีกอย่างคือการพูดคำหยาบกับคนที่สนิท สมมติว่าวันหนึ่งเรากลายเป็นคนพูดจาน่าฟังก็คงเป็นเรื่องดี การมีทรัพยากรมนุษย์ที่พูดแบบนี้เยอะก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่าอยู่บนโลกเรามากขึ้น หนูชื่นชมเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่กับหนูมาตั้งแต่ตอน ม.ต้น เขาไม่เคยพูดคำหยาบกับหนู ตอนแรกหนูเกรงใจ หลังๆ หนูก็ไม่พูดเหรอ ไม่เป็นไร เราพูดเอง เราก็จะเป็นฟีลที่สรวนแบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไป หนูรู้สึกว่าการปฏิบัติตัวกับคนที่เพิ่งเคยเจอหรือไม่รู้จักในครั้งแรกมากกว่า ตรงนี้หนูพยายามระวังพฤติกรรมหรือคำพูดของตัวเองมากขึ้นเยอะเลยแหละ จนบางทีแอบคิดว่ามากไปด้วยซ้ำ แต่หนูว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ การที่เรามีสเปซกับคนที่เจอครั้งแรก แล้วพอสนิทกันค่อยว่ากันอีกที
ผู้หญิงเก่งในสายตาของมิลลิ
หนูเชื่อว่าทุกคนเก่ง ตอนนี้บางคนอาจจะยังหาไม่เจอ คือหนูจะเป็นคนที่โดนเอาไปเปรียบเทียบเสมอ อย่างแม่เพื่อนจะเอาไปเปรียบเทียบกับเพื่อน แต่หนูจะรู้ว่าเพื่อนเก่งอะไร สิ่งที่หนูชอบทำ หนูไม่ได้ว่าตัวเองเก่ง แต่เพราะความชอบเลยทำมาเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เพื่อนชอบและเพื่อนเก่งมันก็มี แค่ยังไม่มีเวทีให้เขาแสดง หรือเขายังไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง ถ้าหนูจะต้องเลือกว่าใครคือโรลโมเดล หนูว่าอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขา หรือเอาเขามาเปรียบเทียบกับตัวเองเลย เพราะทุกคนมีเรื่องเก่งเป็นของตัวเอง ‘จริงๆ นะ’ ตอนนี้อาจยังหาไม่เจอ สุดท้ายแล้วเรื่องที่เราเก่งอาจเป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ จนเราลืมไปว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาทำกัน อย่างเช่นเราอาจจะซ่อมตู้เก่งมาก นั่นคือความเก่งแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะซ่อมตู้ได้ มันเป็นเรื่องที่เราทำได้โดยง่ายจนเราลืมไปแล้วว่าตัวเองเก่ง นี่หนูเอามาจากเพจพี่ Gift Lee พี่เขาไปอ่านมา แล้วหนูก็ไปเอามาจากเขาอีกที หนูเลยดูเท่นิดนึง ขอบคุณนะพี่ Gift Lee
มิลลิคิดว่าตัวเอง empower คนอื่นได้ เหมือนที่คนอื่นมองเราไหม
อยากให้ทุกคนเห็นหน้าหนู หนูกำลังเบะปากอยู่นะคะ อืมมม หนูยังมีคำถามว่าหนูเหรอ? อยู่เสมอ ไม่กล้ามั่นใจตรงนี้ แต่รู้สึกดีนะคะ และไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงในเวลาเดียวกัน คือตอนนี้ก็จะเป็นแบบนี้แหละ หนูรู้สึกว่าพอโตขึ้น ความคิดก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หนูไม่รู้ว่าหนูอาจจะเปลี่ยนไปในแบบที่เขาไม่ชอบก็ได้ สุดท้ายแล้วเราก็เป็นมนุษย์ เรายังคงทำอะไรผิดพลาดเสมอ แม้ว่าเราจะรู้อะไรมามากแล้วก็ตาม หนูเลยไม่อยากเอาคำนี้มาใส่ให้ตัวเอง เพราะวันหนึ่งหนูอาจจะไม่ empower ก็ได้ แต่หนูจะมีความสุขทุกวันนะ หนูต้องบอกตัวเองเสมอ ถ้าเป็นอะไรที่อยากทำ หรือเราชอบ เราก็จะพูดเพราะเราอยากพูด หนูพยายามไม่ให้ใครมามีอิทธิพลกับการตัดสินใจขนาดนั้น อย่างเวลาอ่านคอมเมนต์บางทีเขาอยากให้หนูทำโน่นทำนี่ หนูก็แบบไม่อยากอะ แต่สุดท้ายพอทำจริงๆ ก็มีไอเดียพวกเขาเหล่านั้นอยู่ดี พยายามจะดื้อก็ดื้อไม่ได้ (หัวเราะ)
เป้าหมายสูงสุดในวงการดนตรี
อยู่ให้ได้นานที่สุดค่ะ เพราะว่าไม่อยากจากไปไหน คิดภาพตัวเองไม่ออก และไม่อยากคิดด้วย
Photographer: Ponpisut Pejaroen
Writer: Angkana Wongwisetpaiboon