ต้อนรับไออุ่นของศักราชใหม่ไปกับนักแสดงสาวทรงเสน่ห์ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล ในเซ็ตแฟชั่นที่เผยมุมมองเรียบเท่แบบสาวมินิมัล จับคู่กับเรือนเวลาดีไซน์เก๋เรียบหรูสุดโมเดิร์นจาก Hublot สะท้อนตัวตนแสนมาดมั่นในแบบฉบับหญิงสาวยุค 2022
นาฬิการุ่น Big Bang Integral King Gold 42 mm จาก HUBLOT
“จริงๆ ปรางไม่ใช่ผู้หญิงหวานเลย แต่มีความเป็นผู้หญิงสูงมาก ปรางว่าปรางแมนๆ เท่ๆ ด้วยซ้ำ คนอาจจะมองว่าเฟมินีนต้องหวาน แต่จริงๆ ไม่ใช่เลยค่ะ” ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล บอกกับเราในวันถ่ายแฟชั่นเซ็ตปก Hublot แบรนด์นาฬิกาชั้นนำสไตล์สปอร์ตลักชัวรี่ ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์ของเธอ
สำหรับคนที่เป็นคอละครและภาพยนตร์ คงรู้จักฝีมือของเธอเป็นอย่างดีจากผลงานการแสดงที่ออกมาอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี นับจากบทแรกในซีรีส์ ‘น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์’ จนมาถึงบทแม่หญิงจันทร์วาดในละครดังแห่งยุคอย่าง ‘บุพเพสันนิวาส’ หรือบทแม่ลูกสองที่ต้องมาประกบกับพระเอกสายคอเมดี้ เต๋อ-ฉันทวิชช์ ในละครล่าสุดที่เพิ่งจบไปอย่าง ‘Help Me คุณผีช่วยด้วย’ ณ วันนี้ สำหรับปรางซึ่งก้าวมาเป็นนักแสดงอิสระ ยังมีความท้าทายรอคอยเธออยู่อีกเยอะ เช่นเดียวกับชีวิตส่วนตัว ความรักระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มสุดเท่ โต้ง-พิทวัส พฤกษกิจ หรือโต้ง Twopee Southside ได้ดำเนินมาครบ 10 ปี และฝ่ายชายก็เพิ่งเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติกบนตึกสูงกลางกรุงนิวยอร์ก
เนื่องจากเป็นฉบับรับศักราชใหม่ และเป็นการทำงานด้วยกันครั้งแรกระหว่างเรากับเธอในการถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกกับแบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ เราจึงขอพูดคุยกับเธอถึงโมเมนต์ต่างๆ ในชีวิต รวมทั้งก้าวใหม่ของเธอด้วย
นาฬิการุ่น Big Bang Unico Sapphire 42 mm จาก HUBLOT
-ขอเริ่มจากเรื่องที่คนอยากรู้มากที่สุดตอนนี้ดีกว่า เรื่องที่คุณโต้งขอปรางแต่งงาน เล่าให้ฟังได้ไหมคะ
“มันเป็นช่วงที่โต้งต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก แล้วคิวปรางก็พอจะได้อยู่ เลยตัดสินใจไปด้วย คือซื้อตั๋วก่อนบินไม่กี่วันเอง เพราะฉะนั้นเราไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมาขอเราแต่งงาน เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนค่อนข้างนาน แล้วอีกอย่างคือเราทำเพลงใหม่ด้วยกัน (เพลง ‘ยังไงก็คือเธอ’ หรือ Always You) เขาก็ชวนเราไปถ่ายเอ็มวีที่นั่นด้วยเลย ก็คือไปทำงานด้วย ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างเดียว
“ไม่ได้มี hint อะไรเลยนะ เพราะพวกเราทำงานเหนื่อยมาก เขาไปเล่นคอนเสิร์ตหลายที่ แล้วก็เจ็ตแล็กมาก แถมมีปัญหาเรื่องถ่ายทำเอ็มวีเล็กน้อย แล้วอีกอย่างเราก็ไม่เคยคุยเรื่องแต่งงานกันแบบจริงจัง แค่มีถามบ้างว่าอยากแต่งเมื่อไหร่ แต่เราไม่เคยคุยกันว่าอยากแต่งแล้ว คือไม่ได้รีบเลย แล้วก็เป็นช่วงที่เรางานยุ่งกันมากด้วย”
-แล้วในโมเมนต์นั้น ปรางรู้สึกอย่างไร
“(หัวเราะ) วันนั้นเขาชวนขึ้นไปบนยอดตึก แล้วมันเป็นวันที่หนาวสุดๆ ของนิวยอร์ก จนปรางพูดว่า ‘เราไม่ขึ้นไปกันไหม’ คือซื้อตั๋วแล้วเพื่อจะขึ้นไปถ่ายเอ็มวี แต่เพราะมันหนาวมาก เราเลยชวนถ่ายข้างล่าง แต่สุดท้ายก็ขึ้นไปนะ ปรางดีใจที่เขาตั้งใจทำให้เรา รู้สึกขอบคุณและตื้นตันมากๆ ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรให้เราขนาดนี้ อย่างแหวน เขาบอกว่าเขาเตรียมตัวมาพักนึงแล้ว”
-โต้งคือแฟนคนแรกในชีวิต หลังจากคบกันมา 10 ปีแล้ว เวลามีผลต่อความรักของเราไหม
“ปรางว่าทุกอย่างมันใหม่เสมอนะ จริงๆ คนเราเปลี่ยนไปทุกปีแหละ มันเลยเหมือนว่าเราต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้กันอยู่ค่ะ เลยไม่มีความรู้สึกว่าสิบปีมันนาน แล้วเราก็ขอบคุณเขาด้วยที่ยังทำสิ่งต่างๆ ให้เราเหมือนเดิม คือมันไม่มีช่วงโปรโมชั่นใดๆ สำหรับเรา ปรางว่าความรักของเรามีอะไรที่ท้าทายตลอดเวลา เพราะมันมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างหน้าที่การงานซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ทำให้เราต้องปรับตัวตลอดเวลา”
นาฬิการุ่น Big Bang Unico Black Magic 42 mm จาก HUBLOT
-เห็นจากความหวานในอินสตาแกรม ขอเดาว่าเป็นคู่ที่คลั่งรักใช่ไหม
“คลั่งรักค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราจะมีอะไรพิเศษให้กันตลอดเวลา โต้งเป็นคนน่ารัก เขาพยายามจะหาโมเมนต์ตลอดเวลา ปกติจะเป็นผู้หญิงที่คิดว่า เดี๋ยวคริสต์มาสแล้วจะทำอะไรดีนะ แต่โต้งจะเป็นคนที่คิดตรงนี้ คริสต์มาสว่างไหม วันครบรอบว่างไหม วันวาเลนไทน์ไปไหนดี คือปรางทำงานเยอะเพราะถ่ายละคร ตารางก็เลยจะหนัก จะหยุดก็ยากเพราะคนทั้งกองรออยู่ จะไปขอเขาหยุดเพื่อไปฉลองวาเลนไทน์มันก็ลำบากนิดนึง แต่โต้งจะเป็นคนที่เตรียม เราว่าเขาน่ารักตรงนี้ เขาทำให้ชีวิตคู่เรา lively”
-ความรักกับหน้าที่การงาน ปรางจัดแบ่งเวลาอย่างไร
“ปรางเป็นคนเต็มที่กับงาน ส่วนในพาร์ตความรัก ปรางก็เต็มที่มากๆ เหมือนกัน จะพยายามทำให้เขารู้ว่าเราซีเรียสกับงานและกับเขาด้วย อย่างบางทีเลิกงานก็จะพยายามหาเวลาเจอกัน ชั่วโมงนึงก็ยังดี เพราะถึงจะทำงานวงการบันเทิง แต่ปรางทำงานกลางวัน เขาทำงานกลางคืน แต่เราก็พยายามกันค่ะ เขาพยายามจัดเวลาให้เราด้วย”
-มีช่วงเวลาที่ห่างกันไป 2 ปีก่อนกลับมาคบกัน ความรักยังเหมือนเดิมไหม
“จริงๆ มันเกิดจากการไม่คาดหวังด้วย พอเราไม่คาดหวัง เรามาเจอกันใหม่ เรียนรู้กันใหม่ โชคดีที่มันเป็นไปในทางที่ดี แล้วเรากลับมาเข้าใจกัน รักกันได้ สุดท้ายแล้วปรางว่ามันอยู่ที่พื้นฐานความรัก ความเชื่อมั่นในความรัก ถ้าคนเรามีความรักที่หนักแน่น กลับมาเจอกันก็ยังคลิกกัน เดินต่อไปด้วยกันได้ แต่ถ้าไม่หลงเหลือความรักแล้ว อาจจะเป็นได้แค่เพื่อนกัน ตอนที่ห่างกันไปก็เหมือนเราได้หยุดคิด ได้ไปใช้ชีวิต ได้ไปทำตามความฝันที่อยากทำด้วย”
นาฬิการุ่น Big Bang One Click Sang Bleu Steel Pave 39 mm จาก HUBLOT
-แล้วตอนนี้คิดเรื่องแพลนแต่งงานหรือยัง
“ความจริงปรางช็อกเหมือนกัน เพราะเรายังไม่เคยคุยกันจริงจังว่าอยากให้เป็นแบบไหน ตื่นเต้นมากค่ะ หลังจากวันนั้นเราได้คุยกันบ้าง แต่เราถือเป็นมือใหม่มากๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปดูฤกษ์ที่ไหนดี จะปรึกษาใคร เดี๋ยวคงต้องลองปรึกษาหลายๆ คน”
-เมื่อกี้บอกว่าทำเพลงใหม่ด้วยกันใช่ไหม การที่ต้องทำงานกับแฟน รู้สึกเป็นไงบ้าง
“ตอนถ่ายเอ็มวี เราก็ช่วยกันกำกับ ช่วงที่พักระหว่างถ่ายวันนี้ ปรางก็ยังดูตัดต่ออยู่เลยค่ะ โชคดีที่ปรางกับเขามีความคิดคล้ายกัน ยกเว้นว่าเขาจะชิลล์กว่า เป็นอาร์ทิสต์ แต่ปรางจะมีแบบแผนกว่า เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มใหม่ของโต้งค่ะ เขาให้เกียรติเราไปฟีเจอริ่งกับเขา คือก่อนหน้านี้เขาปล่อยเพลงชื่อ ‘อย่าหายไปไหนอีกเลย’ เป็นเพลงที่เขาแต่งให้ปราง เล่าความรู้สึกของเขาในช่วงสองปีที่ห่างกันไป ส่วนเพลงใหม่ชื่อเพลง ‘Always You ยังไงก็คือเธอ’ จะบอกว่าเป็นภาคต่อก็ได้ค่ะ เป็นการเล่าความรู้สึกในฝั่งเราบ้าง เราร้องท่อนฮุก ปรางเคยพูดกับเขาว่าเรามีความฝันอยากเป็นนักร้อง แต่เส้นทางนำเรามาทางการแสดง เขาเลยแต่งเพลงให้เราร้องด้วยกัน ก็เติมความฝันให้เราแบบหนึ่ง”
-ขอย้อนกลับไปสมัยอดีตบ้าง ปรางในตอนเด็กเป็นแบบไหน
“ปรางเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน เชื่อฟังพ่อแม่ อยู่ในกรอบ แล้วพ่อแม่ค่อนข้างหัวโบราณ แต่เราก็โตมาแบบมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เลือกทุกอย่างเองในชีวิต เป็นคนชัดเจนว่าอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร”
นาฬิการุ่น Big Bang One Click 39 mm จาก HUBLOT
-การเข้าวงการก็เป็นสิ่งที่เลือกเอง
“ใช่ค่ะ แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากการอยากเป็นนักแสดง เพราะอย่างที่บอกคือเราอยากเป็นนักร้อง แล้วก็รู้สึว่าการที่เราต้องมาแอ็กติ้งเป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ เขินมากกกกก แต่เราเดินมาทางนี้แล้ว ก็เลยลองดูก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปด้านอื่น แต่กลายเป็นว่าพอยิ่งทำก็ยิ่งเอ็นจอย แล้วเราก็รักมันมากๆ เลย แต่กว่าจะมาถึงจุดที่เรารู้สึกสบายใจกับการแสดงก็ยากเหมือนกัน เพราะเราขี้อาย แม่เลี้ยงมาแบบหัวโบราณ อยู่ในกรอบ การแอ็กติ้งต้องอาศัยประสบการณ์ค่อนข้างสูง ต้องเคยเห็นเคยผ่านอะไรมา แต่พอเราเป็นเด็กเรียบร้อย มันก็เลยยาก กว่าจะผ่านมาได้ต้องใช้เวลา เอาจริงๆ ทุกวันนี้ยังรู้สึกว่าต้องเรียนรู้อยู่เลยค่ะ แต่อยู่ในจุดที่สบายใจขึ้นเยอะ เราแฮปปี้ไปกับมัน กลายเป็นว่าชีวิตเรามีสีสันเพราะอาชีพนี้ด้วยซ้ำ ได้เป็นตัวละครต่างๆ ได้เปลี่ยนบทบาทไปในทุกๆ เรื่อง”
-ตั้งแต่แสดงมา มีบทไหนที่แปลกใหม่ ไม่เคยแสดงมาก่อนไหม
“อย่างเรื่องล่าสุดที่แสดงกับพี่เต๋อ-ฉันทวิชช์ อันนี้ก็ไม่เป็นเราเลย เพราะต้องเล่นเป็นคนท้อง แสดงเป็นแม่คน คือคนที่รู้จักปรางจะรู้ว่าถึงแม้ปรางจะเฟมินีนยังไง แต่ปรางไม่ได้มีความเป็นแม่บ้านเลย พอไปเล่นเรื่องนั้นต้องเปลี่ยนทุกอย่างเลย เลยเข้าใจหัวอกความเป็นแม่มากๆ”
นาฬิการุ่น Big Bang One Click 33 mm with Colorful Rubber Straps จาก HUBLOT
-บทตัวร้ายกับบทตัวดี บทไหนยากกว่ากัน
“จริงๆ เวลาเล่นบทร้าย ปรางเครียดนะ ไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนดีนะ แต่ถ้าเราต้องเล่นบทร้าย เราจะพาตัวเองไปให้ถึงจุดนั้นได้ยังไง คือเราไม่เคยใช้ชีวิตแบบนั้น แล้วเราก็ไม่ค่อยได้เล่นบทแนวนั้นด้วย ส่วนใหญ่จะน่าสงสาร เรียบร้อย พูดน้อย ถ้าวันหนึ่งเราต้องพลิกคาแร็กเตอร์มากๆ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”
-แล้ว ‘ฟ้าเพียงดิน’ ละครเรื่องล่าสุดที่กำลังเตรียมถ่ายทำล่ะ
“เพราะปรางเป็นนักแสดงอิสระแล้ว นี่เป็นเรื่องแรกที่ปรางได้ร่วมงานกับช่องวัน เรื่องนี้ทำให้ได้เรียนขี่ม้าเป็นครั้งแรก… อยากบอกว่าเจ็บมากค่ะ (หัวเราะ) แต่จริงๆ อยากฝึกมานานมากแล้ว เพราะเราชอบทำกิจกรรม แต่เมื่อก่อนเล่นแต่บทเรียบร้อยก็เลยไม่ได้หัดสักที”
-เรื่องนี้ประคู่กับฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ ครั้งแรกด้วย
“ใช่ค่ะ ไปเรียนขี่ม้าด้วยกัน แล้วก็เวิร์กช็อปกัน สนุกมากค่ะ… คือตอนนี้เราอายุ 30 แล้ว ส่วนคนอื่น 20 กว่าหมดเลย (หัวเราะ) ยังคิดว่านี่เรามาถึงจุดที่เราแก่ที่สุดในกองได้ยังไง แต่บทที่เราเล่นเด็กกว่าเขาอีก (หัวเราะ) บทนี้จะแมนๆ ห้าวๆ เนื้อเรื่องออกแนววินเทจย้อนยุค เวสเทิร์นคาวบอย เสื้อผ้าสวยมาก อยากให้ทุกคนติดตามค่ะ”
-10 ปีในวงการ ตอนนี้เลือกรับงานอย่างไร
“เราได้ผ่านอะไรมาบ้างแล้ว ตอนนี้ปรางอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายค่ะ อะไรที่เข้ากับเรา หรือบางอย่างที่เราเคยทำมาแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ยังอยากทำอยู่ จนถึงวันนี้ปรางรู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรให้ลองอีกเยอะค่ะ”
-ช่วงไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตในวงการบันเทิง
“ต้องยอมรับว่าเป็นตอนที่ ‘บุพเพสันนิวาส’ ประสบความสำเร็จ มันเปลี่ยนชีวิตปรางไปเยอะมาก คือมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ปรางไม่ได้มองตรงนั้น สิ่งที่ปรางมองว่ามันเปลี่ยนไปจริงๆ ก็คือโอกาสในการทำงาน มันพลิกเลย จากที่เคยทำแค่ถ่ายละคร เราก็ได้มีโอกาสใหม่ๆ ได้ไปร้องเพลงตามงานอีเวนต์ ได้เป็นเกสต์ร้องเพลงในคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด ซึ่งเราดีใจมากเพราะชอบร้องเพลงอยู่แล้ว โอกาสเข้ามาเยอะมาก ได้ถ่ายแฟชั่น ถ่ายโฆษณา ทำให้เราสนุกกับวงการนี้มากขึ้นไปอีก”
-แล้วการได้เป็นนางเอกสำคัญไหม
“ไม่เลยค่ะ เพราะชีวิตนี้ปรางไม่ได้เริ่มมาจากการเป็นนางเอก ก็ยังได้แสดงทั้งบทนางเอกและไม่ใช่นางเอก คิดว่าทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนที่รู้จักปรางก็ไม่ได้เรียกเราว่าเป็นนางเอกชื่อดัง คนที่ชอบเราก็เพราะเราเป็นเรา ปรางไม่ได้ยึดติดกับการที่เราเป็นนางเอกเลยค่ะ”
-แล้วแฟนๆ ยังติดตามสนับสนุนในทุกๆ งานของปรางใช่ไหม
“แฟนๆ ซัพพอร์ตเสมอไม่ว่าเราจะเล่นบทอะไร คือจะมีกลุ่มแฟนๆ ที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เดย์วัน ตั้งแต่ปรางยังแสดงเรื่อง ‘น้องใหม่ร้ายบริสุทธ์’ รวมถึงคนที่ซัพพอร์ตปรางในเรื่องความรักของปรางด้วยนะ ทั้งที่ตอนแรกๆ เขายังไม่รู้ว่าเราจะมีชื่อเสียงไหมด้วยซ้ำ ขนาดเรายังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลย แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในความเป็นเรา รู้สึกขอบคุณพวกเขามากๆ เลยค่ะ”
นาฬิการุ่น Big Bang Integral King Gold 42 mm จาก HUBLOT
-แล้วนอกเวลางาน ปรางชอบทำอะไร
“ถ้าไม่ทำงาน ปรางจะหาเวลาทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ปรางเป็นคนขี้เบื่อมากเลยค่ะ มีช่วงหนึ่งอินกับไวน์มากก็จะไปเทคคอร์สไวน์เทสติ้ง ส่วนตอนนี้ชอบกาแฟก็ไปคาเฟ่ฮ็อปปิ้ง มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็พยายามหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้ตัวเองตลอดค่ะ”
-ยังมีอะไรที่อยากทำอีกไหม
“ถ้ามีโอกาสก็อยากทำเพลงจริงจัง ตอนนี้ได้ก้าวเข้ามานิดนึงแล้ว ต้องรอดูฟีดแบ็กว่าจะเป็นยังไง เพราะการเป็นนักร้องก็ต้องมีซิกเนเจอร์ของตัวเองพอสมควร คือเราไม่อยากเป็นนักแสดงที่มาร้องเพลง แต่อยากเป็นนักร้องที่ร้องออกมาจาก soul จริงๆ”
-มาถึงวันนี้ ความสำเร็จสำคัญไหม หรือมีอย่างอื่น
“ครอบครัวสำคัญที่สุดสำหรับปราง หมายถึงคนรอบตัวเราด้วยนะคะ ไม่ใช่ความสำเร็จ ปรางอาจจะชอบทำงานมาก แต่สุดท้ายแล้วเราก็เลือกที่จะให้ความสำคัญกับคนรอบตัวเรามากที่สุด ความสำเร็จมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต มันอาจจะสร้างรอยยิ้ม แต่ถ้าสำเร็จ แล้วไม่มีใครเลย มันก็ไม่แฮปปี้หรอก”
-อยากให้อะไรเป็นรางวัลตัวเอง
“อยากให้เวลาค่ะ เวลาที่ได้ใช้กับคนที่เรารัก แค่นั้นเลยจริงๆ ค่ะ”

Photographer: Napat Gunkham
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Writer: Pimpilai Boonjong
Makeup: Jirayu Desara
Hair: Pakkarakorn Chantanayingyong (Puppubrubchok)
Photographer Assistants: Anan Eiammee, Chudchpong Aumponrat, Ratchapat Kamwong, Saran Wannaphurk,
Stylist Assistant: Thanawat Nitithanaiyaphong