การเปลี่ยนความรักที่ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังให้เป็นงานศิลปะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับศิลปิน โรแด็งก็หล่อประติมากกรม The Kiss (1882) และฟรีดา คาห์โลเองก็เพนต์ภาพ The Two Fridas (1934) โดยได้พลังมาจากความรู้สึกผิดหวังในความรักด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้น การที่นักแต่งเพลงจะแปรเปลี่ยนเรื่องราวความรักออกมาเป็นท่วงทำนองหรือบทเพลงก็คงจะไม่ได้แปลกเท่าไหร่ อย่างเช่น นักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งเราต่างก็รู้ดีว่าบทเพลงต่างๆ ที่เธอแต่งสื่อถึงความรักครั้งเก่าๆ ที่เธอผ่านมา (จะเรียกว่าเป็นการอุทิศดีไหมนะ หรือจะเรียกว่าการแก้เผ็ดดี)
ล่าสุด เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้อัดเพลงและปล่อยอัลบัม Red (Taylor’s Version) ซึ่งเป็นการนำอัลบัม Red ในปี 2011 กลับมาอัดใหม่ (ที่ต้องทำเช่นนั้นเนื่องจากนักร้องสาวได้สูญเสียลิขสิทธ์ใน master recording copyright ของทั้ง 6 อัลบัมให้กับค่าย Big Machine แต่เธอยังคงถือครองลิขสิทธ์บทเพลงหรือ composition copyrights เพราะเธอเป็นคนแต่งเอง ทำให้เธอตัดสินใจอัดเพลงที่เธอแต่งมาอัดใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ลิขสิทธ์การอัดเพลงเป็นของเธอ) อัลบัมใหม่นี้ประกอบด้วย 30 บทเพลงซึ่งรวมบทเพลงดั้งเดิมและบทเพลงใหม่ รวมทั้งเพลงที่เรียกได้ว่าเป็นกระแสในยามนี้อย่าง All Too Well
บทเพลง All Too Well ซึ่งผ่านการอัดใหม่นี้มีความยาวถึง 10 นาที ซึ่งเทย์เลอร์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Tonight Show ว่า “10 นาทีมันแปลกแหละ มันเป็นความยาวที่ประหลาด ใครจะคิดทำเพลงยาว 10 นาที” แต่ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่ยาว 20 กว่านาที ซึ่งการหั่นให้สั้นลงทำให้เข้าถึงง่ายขึ้นและยังอัดแน่นด้วยอารมณ์ความรู้สึก นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอออกมาในรูปแบบของหนังสั้น All Too Well The Short Film ซึ่งนำแสดงโดย Sadie Sink และ Dylan O’Brien และยังเขียนบทและกำกับโดย เทย์เลอร์ สวิฟต์เองอีกด้วย
ว่ากันว่า All Too Well เป็นเพลงที่เทย์เลอร์แต่งให้กับคนรักเก่า Jake Gyllenhaal ซึ่งทั้งสองเดทกันในช่วงปี 2010 ซึ่งตอนนั้นเทย์เลอร์อายุ 20 และเจคอายุ 29 หากพิจารณาจากเรื่องราวในเพลง รายละเอียดการแคสต์นักแสดงที่อายุห่างกันเท่าเธอกับเจค ฉากต่างๆ พร็อพอย่างโทรศัพท์ ผ้าพันคอ ไปจนถึงรถยนต์ ทำให้เราได้ทราบว่าเรื่องราวในหนังสั้นนั้นเกิดขึ้นในช่วงปี 2010 รวมทั้งหมวกบีนนี่และสำเนียงการพูดที่ทำให้นึกถึงเจค
เนื้อเพลงของเทย์เลอร์นั้นถือว่าคมคายสื่อความหมายถึงแก่น นับตั้งแต่การเปิดด้วยการที่เธอทบทวนว่าความรักเริ่มต้นอย่างไร มีการกล่าวถึงผ้าพันคอที่เธอลืมไว้ที่บ้านของพี่สาวของอดีตคนรักซึ่งมีผู้ตีความว่าหมายถึงความบริสุทธ์ และเมื่อความรักหมดเวทมนต์ในตัวมัน ความรู้สึกและเหตุการณ์แย่ๆ ทั้งหลายก็เริ่มก่อตัว อย่างการที่คนรักไม่ยอมรับว่ารักกัน “You kept me like a secret, but I kept you like an oath” นำไปสู่การเลิกราและความรู้สึกเจ็บปวด “They say all’s well that ends well, but I’m in a new Hell” และแน่นอนว่ามันทิ้งร่องรอยไว้กับเธอ “It’s supposed to be fun turning twenty-one“
เมื่อเหตุผลในการเลิกราคือช่องว่างระหว่างวัย “You said if we had been closer in age maybe it would have been fine” และท่อนที่เรียกได้ว่าเสียดสีอย่างเผ็ดร้อนก็ต้องยกให้กับ “And I was never good at telling jokes, but the punch line goes, I’ll get older, but your lovers stay my age”… “ฉันเล่นมุกไม่เก่งหรอก แต่เอาท่อนเด็ดแบบนี้แล้วกัน… ฉันเติบโตขึ้น แต่บรรดาคนรักของเธออายุเท่าฉันตอนนั้นเลย”
เทย์เลอร์ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Tonight Show ถึงการทำอัลบัม Red และเพลง All Too Well ว่าตอนที่เธอเพลงนี้ เธออายุ 21 และกำลังอยู่ในอารมณ์เศร้า “ฉันกำลังซ้อมกับวงเพื่อออกทัวร์…ตอนนั้นฉันผิดหวังและเศร้ามากซึ่งทุกคนก็ดูออก ไม่สนุกเลยล่ะถ้าใครได้มาอยู่รอบๆฉันช่วงนั้น” จู่ๆ เธอก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นคอร์ดซ้ำๆ ก่อนทีวงจะร่วมบรรเลงด้วย แล้วก็เล่นไปอย่างนั้นประมาณ 10-15 นาที “จากนั้นฉันก็เริ่มแอดลิบว่าฉันเจออะไรมา รู้สึกอะไร ไปอย่างนั้นเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆ กลายเป็นเพลงที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ” โชคดีที่มีการบันทึกเสียงวันนั้นเก็บไว้ ทำให้เราได้ฟังผลงานที่เรียกได้ว่าเป็นไอคอนิกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ในวันนี้