แม้ว่า ซี-พฤกษ์ พานิช จะเข้าวงการได้ไม่นานมากนักหากเทียบกับคนอื่นๆ แต่เขาก็มีผลงานให้เราได้ชมค่อนข้างหลากหลาย บางคนอาจจะชอบบุคลิกความเป็นหนุ่มเท่แต่เป็นธรรมชาติตั้งแต่ได้ดูรายการท่องเที่ยว ‘DoMunDi’ แล้ว หรือบางคนก็อาจจะชื่นชมจากการสวมบทบาทการแสดง โดยเฉพาะบท ไฟท์เตอร์ใน Why R You The Series ผลงานแสดงที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ล่าสุดนักแสดงหนุ่มกำลังจะได้เป็นพระเอกใน ‘นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ’ ซีรีส์วายเรื่องใหม่ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการผลิต แต่ก็เป็นที่ฮือฮาในหมู่แฟนๆ แล้วหลังจากมีมินิอินโทรออกมาให้ได้ชม ซีเผยถึงงานใหม่ให้ฟังว่า “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดให้แต่งงานกันตั้งแต่เด็ก แล้วก็มีความต่างของอายุตัวละคร เฮียเหลียนที่ผมเล่น และตัวละครหนูเกื้อ (แสดงโดย นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์) เป็นความคิดที่ต่างกันของคนที่มีประสบการณ์กับคนที่ยังเป็นเด็ก แล้วก็เพิ่มปมดราม่าเข้ามาด้วย ยิ่งคาแร็กเตอร์ไม่ได้เป็นตัวเอง มันเลยยิ่งท้าทายมากๆ เรื่องนี้ทำให้ต้องเปลี่ยนบุคลิกภาพและน้ำเสียงของเราไปเลย รู้สึกว่ามันน่าสนุกดีครับ”
ก่อนจะไปคุยกับเขากันต่อในหลายๆ เรื่อง ไหนลองสาบานซิว่าถ้าได้จ้องตาเขาแล้วคุณจะไม่หวั่นไหว และถ้ายิ่งได้เข้าใจความคิดอ่านของเขาแล้ว คุณจะไม่ตกหลุมลึกกว่าเดิมอีก…
-สำหรับซีแล้ว การเข้าวงการบันเทิงเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจ
“จริงๆ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าวงการบันเทิงคืออะไร คือเราดูละคร ดูรายการบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าชอบการแสดงนะ เคยบอกกับแม่ก่อนเข้าปีหนึ่งว่าอยากเรียนด้านนี้ แต่แม่อยากให้เรียนวิชาการไปก่อน เพราะการแสดงสามารถเรียนเพิ่มเติมจากข้างนอกได้ แล้วพอเข้า ‘ดูมันดิ’ มาสักพัก พี่ออฟ (ผู้จัดการ) ก็อยากทำซีรีส์ให้น้องๆ เลยทำให้เรามีโอกาสได้ทำงาน และเอ็นจอยกับคำว่านักแสดงมากขึ้น”
-อะไรคือความท้าทายและความสุขของการเป็นนักแสดง
“การเป็นตัวละครนั้นให้ผู้ชมเชื่อได้ ให้เขาอินไปกับบทบาทที่เราเล่นไม่ว่าจะเป็นบทร้ายหรือดี อย่างบทที่ร้ายๆ แล้วมีคนดูเกลียดเราก็รู้สึกดี เพราะทำให้คนเกลียดได้จริงๆ ผมว่าการแสดงเป็นอาชีพที่ตื่นเต้นเสมอ แล้วก็ทำงานอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องไปที่นั่นที่นี่ และเจอคนหลากหลาย เหมือนมีหลายสังคมมารวมกัน ก็เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราอาจหาไม่ได้จากอาชีพอื่นครับ”
-เห็นคอนเทนต์ของช่อง ‘ดูมันดิ’ ที่ซีได้ร่วมทำก็จะมีความหลากหลายมากเลย
“ถ้าเป็นคอนเทนต์ท่องเที่ยวจะไม่มีมานานแล้วครับเพราะไปไหนกันไม่ได้ ตอนนี้จะเป็นแนวคัฟเวอร์เพลงแทน คอนเทนต์อาจจะดูจับฉ่าย แต่ก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งจากตรงนั้น ได้ประสบการณ์ ความกล้าแสดงออก ความมั่นใจ หรือการพูด เมื่อก่อนผมพูดไม่เก่งเลย แต่พอย้อนกลับไปดู เราก็ทำได้ถ้าตั้งใจทำมันจริงๆ นี่ผมก็เพิ่งมาชอบร้องเพลง เมื่อก่อนไม่ได้เลย ไม่กล้าเลยครับ มีช่วงท้ายๆ ที่ทำซีรีส์จบ เรารู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงไม่เพราะ ก็บอกพี่ออฟ (ผู้จัดการ) ว่าอยากเรียนเพิ่ม อยากคัฟเวอร์ แต่การเรียนของผมก็คือการเรียนในห้องอัด เรียนจากของจริง มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ก็ทำให้ชอบร้องเพลงครับ”
-แล้วตอนนี้นอกจากการแสดงและร้องเพลง สนใจอะไรอีกบ้าง
“น่าจะเป็นเรื่องเต้นครับ ผมเรียนมาหลายครั้งแบบจริงจัง แต่มาเจอโควิดก็เลยไม่ได้เรียนต่อ (มีสกิลมาก่อนแล้ว?) ผมเคยเป็นลีดคณะนิเทศตอนปีหนึ่ง อาจจะพอมีสกิลแต่ก็ไม่แน่ใจ และอีกอย่างที่สนใจก็คืออยากเป็นผู้กำกับ แต่มันมีหลายอย่างมากที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่แค่นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ครับ ผมเคยบอกพี่ออฟว่าอยากลองทำหนังสั้น แต่ขอแสดงอีกหลายๆ เรื่องก่อนนะครับ เอาประสบการณ์ก่อน (หัวเราะ)”
-ซีเคยโพสต์ไว้ในทวิตเตอร์เรื่อง “ถ้าคุณอยากเก่งอะไร ต้องหมั่นทำซ้ำๆ…” เราเคยเจอเรื่องไหนที่พยายามหนักๆ แล้วมันไม่ได้บ้างไหม
“ไม่มีนะ ผมรู้สึกว่าถ้าเราพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ มันต้องได้สิ่งที่ตอบแทนมา อาจจะไม่ได้ความสำเร็จ แต่ก็ยังได้เรียนรู้อะไร ได้ประสบการณ์ กลายเป็นคนแกร่งขึ้น แข็งแรงขึ้น ผมว่าถ้าตั้งใจ มันก็เป็นความสำเร็จไม่มากก็น้อย เหมือนอย่างเราเล่นฟิตเนส เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดว่ามันจะช่วยเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้จริงๆ แม่ยังเคยบอกว่าอยากให้มีวินัยในการเรียนเหมือนเล่นฟิตเนส (หัวเราะ) หรือการแสดง การร้องเพลง มันต้องเรียนตลอดเวลา ต้องได้ทำซ้ำๆ มันจะพัฒนาเป็นสกิล”
-ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เคยมีเรื่องที่รู้สึกผิดหวังไหม
“น่าจะเป็นตัวเองนี่แหละครับ บางทีก็เคยคิดว่าทำไมเราไม่เริ่มทำบางสิ่งในตอนที่ทำได้ ทำไมเราต้องคิดช้า หรือทำไมไม่ขวนขวายทำ ทำไมต้องรอคนอื่น จริงๆ ก็ยังรู้สึกอยู่จนถึงปัจจุบันครับ โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ต้องอยู่แต่ในห้อง ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำอะไรที่มีประโยชน์ ไม่ต้องทำตลอดเวลาก็ได้ สักชั่วโมงสองชั่วโมง หาความรู้ ให้เราเข้าใจบางเรื่องดีขึ้น หรือมีทัศนคติกับบางสิ่งที่ดีขึ้น”
-ซีชอบถ่ายรูปด้วยใช่ไหมคะ เห็นมีไอจี photozafehouse เอาไว้ลงรูปวิวโดยเฉพาะ
“ใช่ครับ อันที่ไม่ค่อยได้อัพเดตอะครับ (หัวเราะ) ผมไม่ค่อยลงรูปในไอจีตัวเอง เพราะภาพถ่ายมันเยอะมากๆ ก็เลยตั้งไอจีอีกอันขึ้นมา ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากทำตอนที่ไปเชียงใหม่แล้วเห็นคำว่า Therapy การถ่ายภาพคือการบำบัดของเรา เราลงรูปแล้วแฮปปี้ ไม่ต้องคุมโทนหรือแต่งภาพอะไรมาก แค่เราทำแล้วมีความสุข”
-ขอย้อนเวลากลับไปสมัยที่ซียังเป็นเด็กเชียงรายได้ไหม ชีวิตตอนนั้นเป็นอย่างไร
“ผมสนิทกับพี่สาวทั้งสองคน แล้วผมก็เป็นคนติดแม่เพราะเป็นลูกคนสุดท้อง แต่ไม่เห็นแม่จะตามใจเท่าไหร่ คือพ่อแม่จะสอนและให้เราสามพี่น้องเท่าๆ กันครับ เป็นช่วงวัยเด็กที่แฮปปี้นะ พูดแล้วก็คิดถึงบ้านเลยเพราะไม่มีโอกาสได้กลับ สมัยประถม-มัธยมเป็นคนที่เพื่อนเยอะมาก ก็จะอยู่กับกลุ่มผู้ชายที่เรียนเก่ง แต่เราไม่ได้เก่งมากนะ เป็นชีวิตที่สนุกมาก ก็อยากย้อนวัยกลับไปนะครับ แต่มันก็เลือนลาง ถ้าอยากย้อนไปจริงๆ คือช่วงมหาวิทยาลัย ตอนมาเรียนที่ม.กรุงเทพ รู้สึกว่าใช้ชีวิตไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่”
-ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากทำอะไร
“อยากใช้เวลากับเพื่อนๆ มากขึ้น และทำอะไรให้คนอื่นมากขึ้น รู้สึกว่าเราทำให้คนรอบข้างน้อย อยู่กับตัวเองมากเกินไป อยู่กับเพื่อนกลุ่มเดียวมากเกินไป ไม่ค่อยออกไปไหน มันขาดสีสัน เพื่อนทำให้เห็นว่าชีวิตผมไม่มีสีสันเลย พอกลับมาคิด เออ มันก็ไม่ค่อยมีสีสันจริงๆ เลยอยากจะกลับไปทำอะไรที่เอ็นจอยกับเพื่อนๆ มากขึ้นครับ ไม่ว่าจะไปต่างจังหวัด เดินห้าง ทำกิจกรรมต่างๆ ในมหา’ลัย”
-ขอถามเรื่องความรักบ้าง ความรักในมุมมองของซีเป็นแบบไหน
“น่าจะเป็นการที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจครับ อาจจะไม่ต้องนิสัยเหมือนกัน แต่มีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันซึ่งผมว่าสำคัญ เพราะเราไม่อยากเปลี่ยนให้คนนั้นมาชอบสิ่งที่เหมือนเรา เพราะแต่ละคนมีความชอบของตัวเองอยู่แล้ว ถึงจะไม่ชอบเหมือนกัน แต่ถ้าเข้าใจความชอบของอีกฝ่าย ผมว่าแฮปปี้แล้วนะ ที่สำคัญคือเป็นตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ต้องเฟค อาจจะเป็นไปได้ยากที่จะเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรปิดกั้น”
-ถ้าเปรียบความรักเป็นหนังสักเรื่องล่ะ
“ขอเป็นซีรีส์ The Heirs ผมชอบเรื่องนี้มาก บอกพี่ออฟว่าซื้อลิขสิทธิ์มาทำได้ไหม (หัวเราะ) ผมชอบลีมินโฮ เขาพยายามในเรื่องความรัก และช่วยเหลือคนอื่น ต่อสู้ไม่ว่าจะมีอะไรขวางกั้น ผมว่าการกระทำของพระเอก ความรู้สึกโหยหา หรือความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน มันรับรู้ได้ว่ารักจริงๆ อยากดูแลจริงๆ มันเป็นการทำตามความรู้สึก ถึงจะรู้ว่าบางทีก็ควรเผื่อใจ แต่ก็อยากแบบเต็มร้อย”
-เหมือนจะเป็นคนโรแมนติกใช่ไหม
“ไม่ทราบเลยครับ คิดว่ามีมุมนั้นบ้างครับ แต่คงไม่ได้โรแมนติกแบบสร้างเซอร์ไพรส์หรือต้องเป็นแนวเลิศหรู แค่อยากทำให้เขาประทับใจและชอบ”
-ในฐานะที่เรียนเอกโฆษณา ลองโปรโมตตัวเองซิว่ามีดีอย่างไร ทำไมถึงควรจะเป็นแฟนซี
“มันพูดได้ด้วยเหรอพี่ (หัวเราะ)… อยู่ลำบากครับ เพราะต้องช่วยกันทำมาหากินครับ (หัวเราะ) ชีวิตคือการเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ เราจะเจออะไรในอนาคตอีกเยอะมาก จะเจอนิสัยต่างๆ นานา ต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้ ก็ต้องมีสติและอดทนมากๆ”
-มีอะไรจะพูดถึง Zunshine แฟนคลับของซีหน่อยไหม
“มาถึงตอนนี้ผมเข้าใจมากๆ ผมว่าการมีแฟนคลับเป็นอะไรที่วิเศษมาก ทุกคนคอยให้กำลังใจเรา บางทีก็อวยเราซึ่งผมก็รู้นะ (หัวเราะ) แต่พอเราได้อ่านก็แฮปปี้ และอยากทำให้เขาแฮปปี้ ทุกงานที่ทำก็อยากให้ออกมาดี อยากให้พวกเขายิ้มตาม อาจจะถูกใจทุกคนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะทุกคนก็มีความคิดต่างกัน แต่เราก็จะพยายามอย่างดีที่สุด ทำให้มันสนุก แล้วทุกคนก็จะดูผลงานของเราและเอ็นจอยกับมัน เรารักแฟนคลับของเรามากจริงๆ คือทั้งหวงและห่วงพวกเขาครับ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แบบนี้”
-ถ้าทำอะไรให้แฟนๆ ได้อยากทำอะไร
“อาจจะเป็นไปไม่ได้นะ แต่อยากพาทุกคนไปตั้งแคมป์ เข้าป่า เดินขึ้นเขา ลุยๆ แบบธรรมชาติ เซอร์เวย์แบบเรียลๆ เอ๊ะ หรือมันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะครับพี่”
-ฝากข้อคิดเท่ๆ ให้ผู้อ่านหน่อยได้ไหมคะ
“การชนะใจตัวเองเป็นการชนะที่ยิ่งใหญ่ เวลาอยากทำอะไรจริงๆ มันต้องเริ่มจากตัวเองจริงๆ นะ เสียงรอบข้างอาจจะเป็นแรงผลักดันเราได้ แต่สุดท้ายมันคือตัวเราเองร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ ว่าจะเริ่มทำเมื่อไหร่ แล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบ และใช้ชีวิตให้มีความสุขด้วย อย่ามัวแต่ทำงานครับ ควรรักษาคนที่อยู่รอบข้างเราด้วย ใช้ชีวิตให้คุ้มบ้าง เมื่อจิตใจเราแฮปปี้ งานเราก็จะออกมาดีไปด้วย”
Photographer: Adison Rutsameeronchai
Stylist: Piphacha Vonpiankul
Writer: Pimpilai Boonjong
Videographer: Aer Mafu
Photographer Assistant: Anurak Duangta
Stylist Assistant: Thanawat Nitithanaiyaphong
Makeup: Kwankhao Sumalee
Hair: Thanakorn Chanhom