Tuesday, November 12, 2024

EXTRAORDINARY LIGHTS เบื้องหลังจิวเวลรี่ชั้นสูงจาก Piaget

ในช่วงกูตูร์แฟชั่นวีค แบรนด์จิวเวลรี่ชั้นนำก็ได้ถือโอกาสเปิดตัวคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ หรือ เครื่องประดับชั้นสูงด้วย หนึ่งในนั้นคือ Piaget (เพียเจต์) แบรนด์เก่าแก่จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งโดดเด่นทั้งการสร้างสรรค์นาฬิกาและเครื่องประดับมานานนับร้อยปี

คอลเลกชั่นล่าสุดนี้มีชื่อว่า EXTRAORDINARY LIGHTS ได้แรงบันดาลใจมาจากความงดงามของแสง ทั้งภาพแสงไฟสีเหลืองทองจากโคมที่ลอยละล่องในช่วงเทศกาล, ปรากฏการณ์แสงเหนือ หรือ แสงออโรร่าที่พลิ้วไหวพาดผ่านท้องฟ้าได้อย่างสวยงาม รวมไปถึงทะเลดาวที่ระยับระยิบเกลื่อนฟากฟ้า โดยแบ่งออกเป็น 3 ธีมด้วยกัน สร้างสรรค์ด้วยช่างฝีมือจาก “Atelier de l’Extraordinaire” 

FESTIVE LIGHTS

ทีมออกแบบจินตนาการถึงท้องฟ้ายามค่ำที่งดงามตัดด้วยแสงไฟสีเหลืองทองจากโคมที่ลอยละล่องอย่างอิสระ ถ่ายทอดสู่ Blissful Lights Set เครื่องประดับที่งดงามด้วยเพชรเหลือง ‘fancy intense’  ซึ่งหายาก โดยเฉพาะการเจาะจงคุณภาพระดับสูง อย่าง เม็ดขนาดใหญ่ บริสุทธิ์สูง และไม่มีการเรืองแสงเลย โดยเพชรสีเหลืองเฉด fancy intense เจียระไนแบบเหลี่ยมที่เรียกว่า radiant-cut น้ำหนัก 10.12 กะรัต ที่ประดับบนสร้อยจิวเวลรี่ชุด Blissful Lights นี้ เป็นเครื่องสะท้อนคำนิยามว่า “เพอร์เฟกต์” ได้อย่างดี ทั้งในแง่คุณสมบัติ หรือแม้แต่ความประณีตในการเจียระไน นอกจากนี้เพื่อให้ประกายของเพชรเจิดจรัสมากขึ้นไปอีก เมซงยังเสริมด้วยเพชรเหลี่ยมเกสรและเพชรเหลี่ยม emerald cut อีกด้วย และยังใช้เวลาสร้างสรรค์นาน 280 ชั่วโมง 

อีกหนึ่งผลงานที่น่าจับตาก็คือ The Blazing Night Set สะท้อนภาพเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงในโคมไฟสีแดงสไตล์ย้อนยุค โดยเฉพาะสร้อย Blazing Night โดดเด่นด้วยทับทิม 12 เม็ดงาม จากแหล่งคุณภาพอย่าง โมซัมบิกและไทย เรียงร้อยเป็นรูปดาวกระจาย โดยเมซงเลือกใช้ทับทิมทรงลูกแพร์เพื่อสื่อถึงส่วนโค้งเว้าที่สง่างามของโคมไฟ ขณะที่เฉดสีแดงสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกหลงใหลของฝูงชนเมื่อยามดื่มด่ำโคมไฟอยู่เบื้องล่าง ซึ่งขั้นตอนการประดับทั้งตัวเรือนใช้เวลากว่า 400 ชั่วโมง

MAGICAL LIGHTS

ท้องฟ้าเปรียบดังโรงละครขนาดใหญ่  โดยเฉพาะท้องฟ้ายามค่ำที่เราได้เพลิดเพลินกับการแสดงแสงสีที่น่าทึ่งของธรรมชาติอย่าง ออโรร่า หรือแสงเหนือ ในจิวเวลรี่ The Magical Aurora Set จึงนำเสนอในเฉดสีขาวและเขียว โดยเฉพาะการชูจุดเด่นเป็นมรกตโคลัมเบีย ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกมรกตส่วนใหญ่ของโลก ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องประกายสีเขียวที่สดใส แต่ถึงอย่างนั้นทักษะอันเชี่ยวชาญกว่า 15 ปีของช่างเจียระไนและช่างฝีมือของเมซงก็มีความสำคัญไม่น้อย เนื่องจากธรรมชาติของมรกตมีรอยแตกร้าวมาก หากไม่ระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจทำให้ต้องเริ่มสร้างชิ้นงานใหม่ทั้งหมด และเพื่อส่งมอบความงดงามของมรกตให้เด่นชัดที่สุด การเจียระไนแบบ square cut คือคำตอบ

แต่แท้จริงแล้ว แสงของออโรร่าไม่ได้มีแต่สีเขียวอย่างเดียว สร้อยจิวเวลรี่ชุด Gloaming Illuminations จึงได้รับการตกแต่งด้วยแซฟไฟร์หลากสี  27 เม็ด ซึ่งใช้เวลามากกว่า 2 ปี ในการตามหา เพื่อให้ได้ทั้งขนาด เฉดสี และคุณภาพตามที่เมซงต้องการ หนึ่งในนั้นคือ แซฟไฟร์พัดพารัดชา 3 เม็ด ในเฉดสีชมพูอมส้ม ที่จัดเป็นแรร์ไอเท็มขนานแท้ในธรรมชาติ ขณะที่ตุ้มหูมาในดีไซน์ระย้า ประดับแซฟไฟร์ 14 เม็ด และแหวนเข้าคู่ ประดับแซฟไฟร์สีชมพู น้ำหนัก 6.53 กะรัต

INFINITE LIGHTS

เมื่อแสงที่วูบไหวค่อย ๆ จางหายไป หมู่ดาวกลับมาส่องประกายระยิบระยับอีกครั้ง ก่อนที่อีกไม่นานท้องฟ้าจะเปลี่ยนสี ส่งสัญญานแห่งการเริ่มต้นใหม่ในเช้าวันถัดไป ชิ้นโดดเด่นแห่งปีต้องยกให้ สร้อยจิวเวลรี่ชุด Extraordinary Lights ผลงานสร้างสรรค์ที่ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 450 ชั่วโมงในการผลิต โดดเด่นด้วยเพชรสีเหลืองทรงหมอนในเฉด fancy vivid ที่ผ่านการเจียระไนใหม่จากเมซงเพื่อให้การเล่นแสงออกมาแบบไร้ที่ติ ทั้งยังได้น้ำหนัก 8.88 กะรัตตามที่ต้องการ ขณะที่ปลายสร้อยอีกด้านตกแต่งด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงินทรงลูกแพร์ น้ำหนัก 5.34 กะรัต จากศรีลังกา และ สปิเนลเฉดสีแดงทรงเดียวกัน น้ำหนัก 3.61 กะรัต จากแทนซาเนีย 

อีกหนึ่งผลงานในธีมนี้ก็คือ Celestial Dance Watch นำเสนอผ่านเทคนิคมาร์เก็ตทรีอันไร้ที่ติของศิลปินชื่อดัง โรส โซนีเยร์ ผลิตจำกัดเพียง 8 เรือนเท่านั้น แต่ละเรือนใช้เวลาในการร้อยเรียงมากกว่า 50 ชั่วโมง โดยศิลปินเลือกใช้วัสดุที่น่าเหลือเชื่ออย่าง ฟางข้าวย้อมเฉดสีน้ำเงิน, หนังลูกวัว, กระดาษพาร์ชเมนต์, ปีกแข็งของแมลง และ ไม้ฮอร์นบีม มาสร้างสรรค์บนพื้นหน้าปัด โดยตัดแต่งให้เป็นชิ้นขนาดจิ๋วจำนวนมาก ก่อนประกอบเข้าด้วยกันอย่างวิจิตรบรรจงตามแพทเทิร์นที่ออกแบบไว้ โอบล้อมขอบตัวเรือนด้วยเพชรทรงบาแก็ตต์และเพชรบริลเลียนต์คัต

Other Articles