เช่นเคยที่ Maria Grazia Chiuri แห่งห้องเสื้อ Dior ยังพูดถึงเรื่องพลังหญิงผ่านงานสร้างสรรค์ของเธอ ครั้งนี้เธอมอบความเป็นอิสระเสรีให้กับสตรีที่หลงใหลในความเป็น Dior ไม่ว่าจะโครงชุดหรือว่าการเลือสรรวัสดุที่ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างแคล่วคล่อง แต่ก็ยังไม่ทิ้งรากฐานเดิมแห่งความเป็นห้องเสื้อชั้นสูง โดยนำเอาเทคนิคของการจับพลีทที่ซับซ้อนในยุคนิวลุคมาตีความใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง
ไม่แปลกใจที่ Dior จะเลือกเอเธนส์ จุดหมายปลายทางที่พิเศษสุดสำรหับการนำเสนอคอลเลกชั่นสำคัญอย่าง Cruise 2022 ที่นี่เสมือนแหล่งกำเนิดของอารยธรรมตะวันตกและศิลปะยุโรป ด้วยแรงบันดาลใจที่ผสมผสานเรื่องราวที่ทำให้ Dior เกรียงไกรมาถึงทุกวันนี้ผนวกรวมเข้ากับพลังแห่งอิตถีเพศโดยมีเทพี Athena เป็นเสมือนตัวแทนพลังแห่งอิสตรีทั้งมวลที่เก่งกล้าและเชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ Maria Grazia Chiuri แห่งห้องเสื้อ Dior ได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้มีจัดลำดับและถอดออกมาเป็นงานสร้างสรรค์ล่าสุด
ไม่ว่าจะเป็นโครงชุดแบบ peplum ที่เข้าเอวและผายออกตรงช่วงสะโพก ชุดพลีทแบบ goddess ที่เธอเชี่ยวชาญและนำเสนอจนเสมือนหนี่งจิตวิญญาณของเธอเอง เธอจึงสร้างแผนที่ประเทศกรีซในแบบของเธอเอง โดยนำเอาเรื่องราวของ Dior ภาพอ้างอิงต่างๆ รวมทั้ง และกวีนิพนธ์ และผลงานชิ้นเอกของ Giorgio De Chirico ไปจนถึงแจกันที่ตกแต่งด้วยภาพการแข่งขันมวยปล้ำโดย Alexandre Iolas ภาพเงาขนาดยักษ์โดดเด่นในระยะใกล้อันเป็นภาพสเก็ตช์ของศิลปิน Pietro Ruffo และที่ไม่เคยห่างหายคือลวดลายพรางตัวบนแนวสปอร์ตที่ไม่ได้มาแค่โครงชุด แต่รายละเอียดของชุดยังเสริมให้ผุ้ที่สวมใส่มีการเคลื่อนไหวอย่างอิสระเสมือนสวมชุดกีฬาแม้ว่าตัวชุดเองไม่ได้เป็นสปอร์ตแวร์เลยก็ตาม
ชุดกางเกงสีขาวที่ทำให้นึกถึงชุดที่สวมใส่โดย Marlene Dietrich ได้สร้างศัพท์ที่สมดุลระหว่างความคลาสสิกและเสรีภาพ เพราะเธอคือหนึ่งของผู้ที่หลงใหลในงานสร้างสรรค์ของ Dior และเธอกล้าแหกกฎสวมกางเกงขายาวไปเดินเล่นริมแม่น้ำแซนในยุคที่การแต่งกายข้ามเพศเป็นสิ่งต้องห้าม และเธอถูกปรับ แต่นั่นเสมือนการเปิดประตูสู่ความเสรีในการแต่งกายของผู้หญิง และกางเกงขายาวทรงหลวมที่ดูกรุยกรายเหมือนกระโปรงยาวก็กลายเป็นความนิยมของยุคนั้นที่เป็นการปลดแอกทางแฟชั่น
ลวดลายฮาวด์ทูธส์ขนาดใหญ่ทำให้เป็นลวดลายแบบ Hellenized ลวดลาย Cannage หรือลายสานที่เป็นเอกลักษณ์ก็ได้ถูกนำมาปรุงแต่งใหม่ทำให้เกิดลวดลานที่ดูเป็นนามธรรมมากยิ่งขึ้น เฉกเช่นดาวดวงหนึ่งที่ได้ปรากฏขึ้น ความสมานฉันท์ของของมรดกแห่งห้องเสื้อดิออร์ผนวกกับและความทันสมัย ได้โชติช่วงในสนามกีฬา Panathenaic ที่โด่งดังของเอธนส์ และเป็นสัญลักษณ์เสมือนเป็นฉากหลังสำหรับการนำเสนอคอลเลกชั่นนี้ เผยให้เห็นถึงความอิสระสำหรับร่างกายที่เคลื่อนไหวได้อย่างเสรีภายใต้อาภรณ์ที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยการนำเอาสิ่งที่เป้นรากฐานของ Dior มาผนวกเข้ากับวิถีแบบสปอร์ตทันสมัยโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ปิดท้ายโชว์ที่นำเอาเรื่องราวเทพปกรณัมของกรีกมาส่งท้ายอย่างสวมงามด้วยชุดสีขาวที่มีดครงชุดด้านบนเสมือนหงส์ที่โอบรอบผู้สวมใส่ จากตำนานเทพซุสแปลงกายเป็นหงส์เพื่อลอบได้เสียกับนางเลดาจนออกไข่ออกมาเป็นทารกแฝดซึ่งหนึ่งในนั้นคือเฮเลน แห่งทรอย นั่นเอง หงส์กับหญิงสาวได้ถูกนำมาสร้างสรรค์ด้วยฝีมือศิลปินระดับโลกมากมายในรูปของจิตรกรรมและประติมากรรม รวมทั้งในแวดวงแฟชั่นก็มีการสร้างสรรค์ชุดที่เล่าขานถึงปกรณัมนี้ จึงเป็นการปิดท้ายคอลเลกชั่นที่สวยงามด้วยการเล่าถึงพลังหญิงในตำนานผ่านทางอาภรณ์โดยซ่อนเทคนิคของห้องเสื้อชั้นสูงไว้ในชุดฟินาเล่นี้อย่างงดงามลงตัวที่สุด