และ George Balanchine นักออกแบบท่าเต้น
สำหรับ Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์) นาฬิกาไม่ใช่เพียงแค่เครื่องบอกเวลา หากแต่ทำให้เรารื่นรมย์กับความงดงามของปัจจุบันขณะ และวันเวลาที่ผ่านไป… Poetry of Time ไม่ใช่แค่คอนเซ็ปต์สวยๆ หากแต่ปรากฏอยู่ในผลงานการสร้างสรรค์ทุกชิ้น ดังเช่น เรือนเวลาชั้นสูง Lady Arpels Ballerine Musicale (เลดี้ อาร์เพลส์ บัลเลอรีน มูสิกัล) ที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้
ก่อนอื่นคงต้องขอกล่าวถึงความูกพันที่ Van Cleef & Arpels มีต่อศิลปะการแสดงบัลเลต์นับตั้งแต่ปี 1920 ลูอิส อาร์เพลส์ โปรดปรานการดูบัลเลต์เป็นชีวิตจิตใจ และมักพาโคลดผู้หลานชายไปยังโรงอุปรากรการนิเยร์ (Opéra Garnier) เป็นประจำ ความหลงใหลนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์เข็มกลัดนางระบำ ballerina clip ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ซึ่งก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของแบรนด์ ต่อมาในทศวรรษ 1950 โคลด อาร์เพลส์ได้ทำความรู้จักกับจอร์ช บาลางชีน นักออกแบบท่าเต้นผู้โด่งดัง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะระบำปลายเท้า New York City Ballet ความรักดื่มด่ำที่ทั้งคู่ต่างมีให้แก่มวลอัญมณี พัฒนาไปเป็น Jewels การแสดงบัลเลต์ที่บาลางชีนเป็นผู้อำนวยการสร้าง การแสดงแต่ละองค์นั้นใช้เพลงของนักประพันธ์ที่แตกต่างกันเพื่อสื่อถึงมนตร์เสน่ห์ของอัญมณีแต่ละชนิด เช่น Gabriel Fauré (กาเบรียล โฟเร) สำหรับ Emeralds (มรกต), Igor Stravinsky (อิกอร์ สตราวินสกี) สำหรับ Rubies(ทับทิม) และPyotr Ilyich Tchaikovsky (ปิ ออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี) สำหรับ Diamonds (เพชร)
GO_01- Réalisation du gouaché. / Gouaché design.
ในปีนี้ ทาง Van Cleef & Arpels ได้ถ่ายทอดความหลงใหลที่มีต่อศิลปะระบำปลายเท้าออกมาเป็นผลงานชิ้นใหม่ที่มีชื่อ Lady Arpels Ballerines Musicales นี่เป็นผลงานแรกที่ได้หลอมรวมศิลปะการดนตรีเข้ากับลีลาการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างประสบการณ์ชวนฝันจากภาพประกอบเสียงในความเป็นจริง แต่ละเรือนเป็นเสมือนเวทีการแสดงให้เห็นถึงความชำนาญทางการผลิตนาฬิกาข้อมือ ความประณีตระดับสุดยอดของงานหัตถศิลป์แขนงต่างๆ และไหวพริบในการพลิกแพลงทักษะต่างๆ ทางการผลิตเครื่องประดับอัญมณี
หน้าปัดนาฬิกาแปรเปลี่ยนเป็นโรงอุปรากร ตกแต่งด้วยเพชรพราวระยับ ครึ่งล่างของหน้าปัดดีไซน์เป็นฉาก มีผ้าม่านที่รอการเคลื่อนเปิดเพื่อเผยให้เห็นงานฝีมือลงสีจิตรกรรมย่อส่วนเป็นรูปวาดนางระบำ ต่างคน ต่างท่วงท่าการเต้นอยู่บนเวที และเพื่อเป็นบทอ้างอิงถึงการแสดงบัลเลต์เรื่อง Jewels จึงออกแบบนาฬิกาข้อมือเป็นสามเวอร์ชั่น คือ Lady Arpels Ballerine Musicale Émeraude สะกดสายตาด้วยลีลาไล่เฉดโทนของสีเขียวมรกตหรูหรา Lady Arpels Ballerine Musicale Rubis เจิดจรัสในลีลาไล่โทนสีแดงทับทิมงามสง่า และ Lady Arpels Ballerine Musicale Diamant ระยับประกายพราวพราวในเฉดสีเพชรขาว, ฟ้า และทอง
ไม่เพียงเท่านั้น ด้านหลังตัวเรือนยังสลักลายร่องลึกเป็นภาพนักเต้นบัลเลต์เริงระบำอยู่หน้าบูติก Van Cleef & Arpels บนถนนสาย 5 ในนิวยอร์ก สถานที่ซึ่งโคลด อารเปลส์ให้การต้อนรับ และพาจอร์ช บาลางชีนเยี่ยมชมผลงานสร้างสรรค์ชิ้นต่างๆ เป็นการส่วนตัวเมื่อปี 1966
เมื่อกดปุ่มเม็ดมะยม ผ้าม่านจับจีบจะเคลื่อนตัวไปทางด้านข้างไปเพื่อเผยให้เห็นนางระบำจิตรกรรมย่อส่วน ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของจอร์ช บาลางชีน พร้อมด้วยเพลงประกอบบรรเลงสอดคล้องไปกับจังหวะการเคลื่อนตัวหมุนของแผ่นจานหน้าปัด ภายในนาฬิกามีกล่องบรรจุตกแต่งด้วยศิลปะฝังแผ่นไม้เบิร์ชกับวอลนัท อันเป็นผลลัพธ์จากการร่วมสร้างสรรค์โดยศิลปินผู้ชำนาญการทำเครื่องดนตรีกลุ่มเครื่องสาย และอะคูสติก อีกทั้งยังเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการติดตั้งหน่วยวงจรไฟฟ้าขยายสัญญาณเสียง
คอลเลกชั่นนี้ใช้เวลา 7 ปีในการพัฒนาระบบ ทั้งในส่วนของกลไกขับเคลื่อนไขลานด้วยมือ และกลไกขับเคลื่อนตามสั่ง นอกจากนั้น เพื่อสืบทอดธรรมเนียมอันเป็นที่รักของเมซง นาฬิการุ่นนี้ยังอาศัยการบอกเวลาด้วยระบบเข็มตีกลับ (retrograde) โดยที่ด้านบนสุดของกรอบหน้าปัด ทำการประดับดาวดวงเดี่ยวไว้เป็นที่ระลึกถึง danseuses étoiles (ดองเซอเซตวล) อันหมายถึง “นักเต้นดาวเด่น” ของคณะอุปรากรปารีส (Paris Opera) ซึ่งดาวดวงนี้จะทำหน้าที่ชี้เลขบอกเวลาตามหน่วย 12 ชั่วโมง