Rally Movement แบรนด์เสื้อผ้าที่มีจุดเริ่มต้นมาจากแพสชั่นของเค้ก-อภิพรรณ มงคลพาณิชยกิจ และปั๊ม-นิธิศ วงศ์สวัสดิ์ เพื่อนรู้ใจที่เคยใส่ชุดนิสิตนั่งเรียนมาด้วยกัน หลังจากเรียนจบทั้งคู่อยากทำแบรนด์เป็นของตัวเอง ฟังดูคล้ายเป็นสูตรสำเร็จ ‘เรียนจบ-ทำแบรนด์-ประสบความสำเร็จ’ แต่ในความจริงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ความชอบและความขบถในตัวเขาทั้งสองได้พาแบรนด์เติบโตมาถึงจุดหนึ่งที่ทั้งคู่พอใจ และยังตั้งความหวังที่จะนำแบรนด์ไปสู่เป้าหมายอีกยาวไกลในอนาคตด้วย
ทำไมตั้งชื่อแบรนด์ว่า Rally Movement
ปั๊ม: “จริงๆ คำว่า Rally เป็นคำที่ติดหู อ่านง่าย เขียนสวย เราเลือกมาจากเหตุผลนี้จริงๆ นะ เพราะเรามีพื้นฐานด้านดีไซน์ แล้วคำนี้ก็มีหลายความหมายมาก อย่างเช่นการตอบโต้ พอเติมคำว่า Movement เข้าไป เราอยากให้ Rally People ของเราเป็นมูฟเมนต์หนึ่งประมาณนี้ครับ”
เค้ก: “เราไม่ได้เป็นแค่แบรนด์เสื้อผ้า แต่ว่าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ คือมันมีความขบถนิดหนึ่งในตัวเราสองคน ทั้งในพาร์ตดีไซน์ หรือพาร์ตต่างๆ เราเลยรู้สึกว่า Rally Movement ฟังดูมีพลัง เราอยากให้แบรนด์มีพลังและกระจายออกไปได้กว้างๆ”
เอกลักษณ์ของแบรนด์คืออะไร
เค้ก: “เราดีไซน์เสื้อผ้าจากความอินของเราในช่วงนั้นๆ แต่สุดท้ายแล้วลูกค้าเห็นก็จะรู้ว่าเป็น Rally Movement ต่อให้คอลเลกชั่นที่แล้วกับคอลเลกชั่นนี้เป็นคนละขั้วเลยก็ตาม เพราะเราไม่ได้ยึดมันไว้แค่ตัวเสื้อผ้า แต่เรายึด emotional ภาพรวมทั้งหมดของแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าคล้อยตามมู้ดแอนด์โทน รวมถึงเราดีเทลไว้ทุกจุดจริงๆ ไอเท็มที่ออกมาจะมีความคลาสสิกและใส่ได้ระยะยาว อย่างเสื้อผ้าคอลเลกชั่นแรก ทุกวันนี้ก็ยังใส่ได้”
ปั๊ม: “ผมคิดว่าเป็นภาพรวมและวิธีการนำเสนอของเราด้วย ลูกค้าเราเกิน 80 เปอร์เซ็นต์รู้จักเราผ่านโซเชียล เพราะฉะนั้นผมว่าทุกคนทำการบ้านมาอยู่แล้วว่าเขาเสพเราจากมุมนี้ ถึงเวลาเดินมาเห็นเสื้อผ้าที่เรานำเสนอไปผ่านรูปหรือผ่านนางแบบ บวกกับเจอร้านเราที่เป็นเรื่องเดียวกันอีก ผมเลยคิดว่าการที่เราคอนเซิร์นในทุกองค์ประกอบมันเป็นตัวตอกย้ำให้ลูกค้ามากกว่า”
Rally Movement เหมาะกับใครบ้าง
ปั๊ม: “ผมว่าเหมาะกับช่วงอายุที่กว้างมากๆ ตั้งแต่ First Jobber ไปจนถึงผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในที่นี้ 50-60 ยังเป็นลูกค้าเราเลย แบรนด์เราไม่ได้แฟชั่นมาก เรามองว่าเสื้อผ้าเราเป็นเครื่องมือที่เราได้ทำทุกองค์ประกอบไว้ให้ประมาณหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะมู้ดแอนด์โทนที่นำเสนอออกไป สี หรือธีม เหมือนเราฟิลเตอร์ให้คุณแล้ว เราใส่ฟังก์ชั่นให้แล้วว่าถ้าคุณใส่ RM มันจะแมตช์กับลุคของคุณ เพราะการที่เราผลิตเสื้อผ้าหนึ่งตัว เรามองว่าเราไม่ใช่แค่ร้านขายเสื้อผ้าแน่นอน แต่เราเป็นแบรนด์”
เค้ก: “สมัยนี้เสื้อผ้า no gender, no age ค่ะ คือเขาไม่ได้แบ่งกันด้วยช่วงอายุแล้ว สำหรับมุมมองของเราทุกคนมีสไตล์ของตัวเอง อยากแต่งตัวอะไรก็ได้ เรารู้สึกว่าแบรนด์เราเหมาะกับใครก็ได้ที่มีความมั่นใจและชื่นชอบ นอกจากนี้ทุกคนสามารถใส่ได้ ไม่จำเป็นต้องผอมเพรียวเหมือนนางแบบ”
สินค้าอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเสื้อผ้าแล้วมีอะไรอีกบ้าง
ปั๊ม: “เฮดแบนด์ ทีเชิ้ต คลาสสิกเชิ้ตทั่วไป ส่วนไลน์สินค้าอื่นๆ จะมีรองเท้า สายคล้องกระเป๋า เราทำมาให้คนเอาไปตกแต่งกระเป๋าตัวเอง”
เค้ก: “ในอนาคตจะมีกำไลที่นำไปแมตช์กับนาฬิกาและแอ็กเซสเซอรี่อื่นๆ เราตั้งใจทำโปรดักต์ไลน์เพื่อเอามาคอมพลีตแต่ละคอลเลกชั่นมากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นเราอินกับอะไร หรืออยากทำอะไรขึ้นมาด้วย”
ขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ คุณให้ความสำคัญกับช่องทางไหนมากกว่ากัน
เค้ก: “เราเติบโตมาในยุคออนไลน์ก็จริงค่ะ แต่ลึกๆ แล้วเราเชื่อว่าออฟไลน์เป็นช่องทางที่เราให้ความสำคัญเหมือนกัน ด้วยความที่เวลาเราซื้อของในช็อปมันจะให้ความรู้สึกหรือมู้ดที่ทำให้เสื้อมีคุณค่าขึ้นมา หรือต่อให้คนซื้อสินค้าที่หน้าร้าน แต่อาจจะมาฟอลโลว์ช่องทางออนไลน์ของเรา หรือคนที่ดูสินค้าจากออนไลน์แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจ เขาอาจจะอยากจับเท็กซ์เจอร์ของเสื้อผ้า อยากลองแมตช์ดูก่อนว่าเข้ากับเขาไหม มันก็คือหน้าร้าน ทุกอย่างวนมาเป็นไซเคิลของ RM อยู่ดี”
RM เติบโตค่อนข้างเร็ว ดูแล้วไม่น่าจะมีอุปสรรคเท่าไร
ปั๊ม: “อุปสรรคมีตลอดครับ ยิ่งขายดียิ่งเครียด ยิ่งสูงยิ่งหนาว ลูกค้าเยอะ ฟีดแบ็กเยอะ เพราะฉะนั้นอุปสรรคมีให้แก้ตลอดเวลาทุกวัน การที่จะปรับตัวและอยู่กับแบรนด์ได้ ผมว่าต้องเป็นคนแก้ปัญหาเก่ง”
เล่าถึงคอลเลกชั่นล่าสุดให้ทราบกันหน่อย
เค้ก: “ชื่อว่า The Movement ค่ะ เป็นคำที่ล้อกับแบรนด์ของเราด้วย ที่ตั้งชื่อคอลเลกชั่นนี้เพราะเรารู้สึกว่ายุคนี้เป็นโลกแห่งความเท่าเทียม ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน เราอยากเป็นหนึ่งในมูฟเมนต์ที่ทำให้คนเห็นคอลเลกชั่นนี้หรือใส่เสื้อผ้าของเรามีกำลังใจที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับโลกใบนี้ค่ะ”
ปั๊ม: “บนพื้นฐานแห่งความเคารพความคิดของทุกคนนะครับ มูฟเมนต์นี้อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการอะไร อาจจะเป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเองก็ได้ RM เหมือนเป็นแรงซัพพอร์ตความมั่นใจให้คุณ เราไม่มีทางปฏิเสธได้เลยจากมู้ดที่เรานำเสนอออกไปว่ามันยังแฝงความมั่นใจอยู่ เราเป็นเสื้อผ้าที่ใส่แล้วคุณมีความมั่นใจ”
เค้ก: “คอลเลกชั่นนี้มีชุดว่ายน้ำด้วยนะคะ มีเฮดแบนด์ และ bracelet ช่วงนี้เราค่อนข้างอินกับจิวเวลรี่ เลยรู้สึกว่าอยากได้กำไลที่เป็นผ้ามาแมตช์กับแอ็กเซสเซอรี่ชิ้นอื่นๆ หรือนาฬิกาที่เรามี”
สรุปคำจำกัดความของ Rally Movement
เค้ก: “เป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายและแคชวลมาก แต่เป็นแคชวลที่เหมาะสมและมีกาลเทศะ”
ปั๊ม: “แบบสมาร์ตแคชวล อย่างเช่นเราใส่แค่ตัวนี้แล้วดูแคชวลมาก แต่พอหยิบเบลเซอร์มาใส่ทับกลายเป็นสมาร์ตเฉยเลย RM มีความฟังก์ชั่นนอลมากกว่า และใส่ได้ในทุกโอกาส”
ตั้งเป้าหมายสูงสุดของแบรนด์ไว้ระดับไหน
ปั๊ม: “อาจจะไม่สามารถพูดออกมาเป็นตัวเงินหรืออะไรนะ แต่มองว่าเราอยากเป็นบริษัทที่มีความ flexibility สูงมากๆ ทำให้เราสามารถไปอยู่ในจุดที่อยู่กับผู้คนได้ในระยะยาว”
เค้ก: “อยากให้ 10-20 ปีข้างหน้า เราโตมากๆ แล้วเด็กๆ ยังมองว่า RM เป็นแบรนด์ที่เขายังใส่ได้อยู่ เรามองถึงความยั่งยืนในจุดนั้นเลยค่ะ รวมถึงตลาดโกลบอลก็ถือว่าเป็นจุดสูงสุดเหมือนกัน”
(Open Image) Photographer: Adison Rutsameeronchai