Saturday, April 20, 2024

5 ความสัมพันธ์ ‘Toxic’ ที่ขอบาย ในมุมมอง ‘แปม’ อัญญ์ชิสา ศิลป์ตระการผล

แปม-อัญญ์ชิสา ศิลป์ตระการผล เจ้าของซิงเกิล Toxic เพลงเพราะสไตล์ป๊อปฟังก์ ภายใต้สังกัด D.U.M.B. Recordings ฟีดแบ็กที่ได้รับจากเพลงนี้ดูเหมือนจะทำให้เธอดีใจจนหายเหนื่อย และก่อนจะได้ฟังซิงเกิลเพราะๆ ต่อไปจากน้ำเสียงของเธอ เราอยากชวนคุณทำความรู้จักกับสาวสวยคนนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อย

หลายคนฟังเพลง Toxic แล้วบอกเหมือนกันว่าไม่เคยเห็นมุมนี้ของแปมมาก่อน

“อาจจะด้วยภาพของเราที่ดูมีความ emotional ขึ้นมั้งคะ เมื่อก่อนเราอาจจะเป็นสาวที่ดูเรียบร้อยน่ารักใสๆ เพลงนี้ด้วยวิชวลต่างๆ ทั้งเนื้อเพลง โทนดนตรีที่ค่อนข้างรุนแรง เลยดูโตขึ้น มันเป็นตัวเราเยอะขึ้น หลายๆ อย่างก็มาจากเรา แปมเขียนเมโลดี้เองด้วย ได้ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปค่อนข้างเยอะ เป็นเพลงที่ฟังเดโมครั้งแรกแล้วอยากปล่อย”

ช่วยอธิบาย ‘แพสชั่น’ ในการเป็นนักร้องของแปม

“มันก็คือความรักในการทำอะไรบางอย่างใช่มั้ยคะ แปมว่าแปมชอบดนตรี ชอบเสียงเพลง ชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับมัน คือพอเราได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี ทำเพลง ร้องเพลง หรือเต้นก็ตาม มันทำให้เรารู้สึกเป็นตัวเองในแบบที่เราชอบ รู้สึกพอใจกับตัวเองเวลาที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ เหมือนแบบโอ้ว! ฉันทำสิ่งนี้แล้วรู้สึกคูลจังเลย แล้วเราก็ไม่ฟอร์ซตัวเองนะ เราตื่นขึ้นมาแล้วนึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด มันเป็นแพสชั่นที่สนุก ทำให้เรามีไดร์ฟในชีวิต หรือมีเป้าหมายว่าเราอยากทำอะไรให้ได้บ้าง”

เป้าหมายนั้นมีอะไรบ้าง

“แปมอยากเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ แต่คำว่าประสบความสำเร็จของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน แปมอยากมีคนที่มารักหรือชอบเราเพราะสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น เรื่องที่เราพูดในเพลง มันน่าภูมิใจมากๆ เลยถ้าวันหนึ่งเกิดสิ่งนั้นขึ้นมาอย่างแข็งแรงและสเตเบิล เหมือนที่เราชอบศิลปินบางคน เราอยู่กับเขาตั้งแต่เดย์วัน ทุกวันนี้เขามีแฟนเพลงเยอะมาก ทุกเรื่องที่เขาพูดออกมาในเพลง มัน apply กับชีวิตเราได้ แล้วเราก็เข้าใจศิลปินคนนี้มากๆ ว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ ซึ่งเป็นอะไรที่แปมอยากทำให้ได้ อยากเล่าความเป็นตัวเอง เล่าประสบการณ์บางอย่างผ่านเสียงดนตรี ผ่านเนื้อร้อง เพื่อให้คนรู้จักตัวตนเรา อันนี้เป็นภาพรวมใหญ่ๆ มากกว่า แต่ขั้นตอนเล็กๆ ณ ตอนนี้แปมมีเป้าหมายในการทำอีพีอัลบั้ม เป็นขั้นตอนไปค่ะ อยากทำให้ได้ทีละขั้น ตอนนี้ทำอีพีก่อน”

เสื้อครอปตัวสั้นแขนยาวและกระโปรงกางเกงตัวสั้นสีดำจาก Milin รองเท้าบู๊ตตกแต่งคริสตัลจาก Roger Vivier

“ถ้าย้อนไปตอนประกวดทุกคนจะเห็นเลยว่าแปมขี้อายมาก ในแววตามีแต่ความไม่มั่นใจ แต่ทุกวันนี้คือมาไกลมาก เหมือนเคารพตัวเองมาก อาจจะยังมีความไม่มั่นใจในบางพาร์ตอยู่ แต่ว่าเรานับถือตัวเองในแบบที่เราเป็น”

ดูเหมือนแปมไม่ค่อยเจออุปสรรคเท่าไร

“มีอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เราอาจจะโชคดีที่มีเสียงกับลุคเวลาไปประกวด โอเคเขาเห็นสิ่งนี้เป็นอย่างแรก แต่หลังจากนั้นยุคสมัยก็เปลี่ยนไป การร้องเพลงเพราะมันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันต้องมีหลายอย่างประกอบกัน เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนร้องเพลงเพราะเยอะมาก คนหน้าตาดีเยอะมากกกก เราอยู่ในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านจากช่วงก่อนออนไลน์มาเป็นออนไลน์ คือทุกอย่าง ณ วันนี้มันต้องปรับตัวเยอะมากๆ

อุปสรรคของแปมคือต้องตามโลกให้ทัน เราอาจจะมีกระแสในช่วงหนึ่ง แต่ว่าพอเวลาผ่านไปมันคือใช้ไม่ได้แล้ว มันไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด ดังนั้นต้องพัฒนาหรือหาจุดที่เราจะฉายแสงให้ได้ คือตามช่วงชีวิตที่ผ่านมาแปมว่าตัวเองพยายามมากเหมือนกันที่จะไปต่อ เพราะเหตุผลที่เราจะพอเถอะมันเยอะเหมือนกัน คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ว่าสำหรับแปมมันก็ยาก เราก็ struggle ประมาณหนึ่ง เฮ้ยเราต้องยังอยู่ตรงนี้นะ มันเป็นแพสชั่นของเรา แล้วเราอยากทำให้มันเป็นอาชีพของเราอย่างที่บอก ให้คนจดจำเราในรูปแบบของศิลปิน”

อะไรคือสิ่งสำคัญที่เหนือกว่าหน้าตา หรือการมีเสียงที่ไพเราะ

“สำหรับยุคสมัยนี้แปมว่ามันคือเรื่องของความเรียล ความเป็นตัวเองในแบบที่เราไม่ฝืน โดยที่เราไม่พยายาม มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และซื่อสัตย์กับตัวเอง ดูเป็นอะไรที่ง่าย แต่จริงๆ แปมว่าไม่เยอะค่ะคนที่จะเป็นแบบนี้ ศิลปินหลายคนที่เราเห็นเขาอยู่มาได้จนถึงวันนี้ แปมว่าเขามีอันนี้ เขามีเรื่องราวที่พูดออกมาแล้วไม่เหมือนคนอื่น เขาซื่อสัตย์กับตัวเองมากๆ เลย แล้วอีกอย่างแปมว่าต้องตามโลกให้ทัน รู้ว่าคนที่เขาฟังเราอยู่ตรงไหน”

เสื้อคอปกแขนกุดตัวยาวจาก Vickteerut

แล้วสิ่งที่แปมมีไม่เหมือนใครคืออะไร

“แปมว่าความกล้าที่จะทำเพลงแนวนี้ ที่ทุกคนบอกว่าฟังยากจังเลย แล้วก็เนื้อหาด้วย บางคนบอกว่าเหมือนด่าคนอื่นหรือเปล่า แต่แปมมองว่ามันคือโมเมนต์หนึ่งของชีวิตเรา ก็เรารู้สึกแบบนี้ เราเป็นผู้ถูกกระทำ ณ โมเมนต์นั้น เราก็ต้องพูดเรื่องที่เรารู้สึก รวมๆ มันก็คือความกล้า ฉันอยากทำแบบนี้ ฉันเลยจะทำอะไรแบบนี้ ทำให้เราถอยออกมาแล้วมองตัวเอง เออเราก็ไม่เหมือนใครนะ”

แปมชอบเต้นและชอบร้อง ความสุขต่างกันไหม

“ต่างกันค่ะ แปมว่าการร้องเพลงคือ inside out มันเอาข้างในออกมา แต่การเต้นต่างกันที่ว่าเรา outside in ได้ เรารับพลังงานจากคนอื่น แล้วมันรีเฟล็กต์ออกมาผ่านพลังงานของเรา คือยิ่งคนดูสนุก เราจะยิ่งพลังงานเยอะ ยิ่งโชว์ออฟ แบบว่าสนุกจังเลย จริงๆ ก็มีความคล้ายกันอยู่นะคะ การร้องเพลงมันเป็นการพูดออกมาจากใจ มันลึกซึ้งกว่าสำหรับแปมนะ แต่ยังไงก็ชอบทั้งสองอย่าง”

8 ปีแล้วกับการเป็นนักร้อง คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปแค่ไหน

“โอ้โห! ที่สุด เปลี่ยนจนเราไม่คิดว่าคนเราจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้ (หัวเราะ) ถ้าย้อนไปตอนประกวดทุกคนจะเห็นเลยว่าแปมขี้อายมาก ในแววตามีแต่ความไม่มั่นใจ แต่ทุกวันนี้คือมาไกลมาก เหมือนเคารพตัวเองมาก อาจจะยังมีความไม่มั่นใจในบางพาร์ตอยู่ แต่ว่าเรานับถือตัวเองในแบบที่เราเป็น ตอนนั้นคือเราเป็นเด็กด้วย อ่อนต่อโลก ไม่รู้จะแฮนเดิลการเข้าสังคมยังไง หรือทำยังไงให้คนรักเรา ไม่หมั่นไส้เรา ตอนเด็กๆ เราจะกลัวคนไม่รัก กลัวเพื่อนไม่รัก แล้วเราจะเป็นลูกกระจ๊อกตลอด เป็นฟีลแบบไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้โตขึ้น เข้าใจกลไกต่างๆ มากขึ้น ปรับตัวไปกับมันได้” 

ทุกวันนี้แปมยังสนุกสนานกับเสียงเพลง เสน่ห์ของวงการนี้คืออะไร

“เราคิดว่ามันคือที่สำหรับเรา แปมชอบเวลาที่เราไปเทศกาลดนตรี ไปเจอคนดนตรีเหมือนกัน ไปเจอเพื่อนศิลปินที่รู้สึกว่าโอ้โหเก่งจังเลย เราได้ไปคอลแล็บ ได้ไปยืนบนเวทีแล้วมีคนมาดูหรือเชียร์เรา เป็นโมเมนต์ที่แปมเอนจอยมากๆ เสน่ห์ในมุมคนฟังก็มีเยอะมากๆ เลย เพราะเขามีช้อยส์ในการเลือกฟัง ในการที่เขาจะได้อยู่ใกล้ศิลปินมากขึ้นด้วยโลกออนไลน์ มันดีมากๆ สำหรับคนฟัง”

เพลงต่อไปล่ะคะ

“กำลังทำอยู่ค่ะ ตอนนี้ที่ยุ่งๆ อยู่ก็คือทำเพลงที่สองที่สาม อย่างเพลงแรกเราพูดเรื่องที่ค่อนข้างจริงจัง เสียใจ เป็นป๊อปฟังก์ เพลงที่สองแปมอยากใส่ความสดใสในแบบฟ้าหลังฝนเข้าไป โอเคหลังจากความเศร้า เราจะสนุกกับอะไรได้บ้าง โดยรวมเป็นเพลงที่สนุก แนวป๊อปแดนซ์ค่ะ”

ชุดว่ายน้ำบอดี้สูทดีเทลผ้าคลุมจาก Vickteerut

5 ความสัมพันธ์ toxic ที่แบมขอบาย

1/ การถูกตัดสินตลอดเวลา

ความสัมพันธ์ที่เขาจะ judge เราตลอด ‘judge’ ในที่นี้คือวิจารณ์เราตลอดเวลาว่าเราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนถูกตัดสินอยู่ฝ่ายเดียว

2/ ความสัมพันธ์ที่มีแค่เราคนเดียวที่พยายามให้มันคงอยู่ต่อไป

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องเป็นทั้งสองฝ่ายที่ช่วยกัน

3/ คนที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเล็กตลอดเวลา

ทุกอย่างต้องเป็นเขาเท่านั้นที่ตัดสินใจ แปมเคยได้ยินคำหนึ่งที่บอกว่าการเป็นแฟนกันต้องเป็น ‘คู่ชีวิต’ ไม่ใช่ ‘เจ้าชีวิต’ เหมือนเราต้องตัวเล็กตลอด ยอมเขาทุกอย่างโดยที่เราไม่ได้เป็นตัวเอง หรือเขาไม่ได้มองเห็นสิ่งที่เราต้องการเลย

4/ เขาทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อตลอดเวลา

หมายถึงว่าเขาจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ทั้งที่บางทีเราไม่ได้ตั้งใจ หรือเราไม่รู้เรื่องเลย

5/ เขาบอกว่าจะไม่ทำสิ่งนี้อีก

แต่เขาก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ และขอโอกาสเราอยู่เรื่อยๆ ไป ตัวอย่างที่เห็นบ่อยคือการนอกใจกัน

Photographer: Adison Rutsameeronchai

Stylist: Piphacha Vonpiankul

Other Articles