บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกในลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ ฉบับเดือนตุลาคม 2020
เนื่องในโอกาสที่โลกแฟชั่นต้องสูญเสีย ปิแอร์ การ์แด็ง เราจึงขอนำบทสัมภาษณ์ล่าสุดของเขามาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน ซึ่งความพิเศาอยู่ตรงที่เป็นการโคจรมาพบกันของสองดีไซเนอร์ฝรั่งเศสต่างยุคสมัย คนหนึ่งคือปิแอร์ การ์แด็ง ดีไซเนอร์ระดับตำนาน กับอีกคนคือ ซิมง ปอร์ต ฌากมุส ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่ใครๆ ก็พูดถึง
พวกเราอยู่ในเมืองโพรวองซ์ นั่งสบายๆ อยู่ใน กาเฟ่ เดอ ซาด กับปิแอร์ การ์แด็ง (Pierre Cardin) ในวัย 98 ปี ผู้เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ และยังเปรียบเสมือนผู้ปกปักโลกแฟชั่นฝรั่งเศส ส่วนข้างๆ เขาคือ ซิมง ปอร์ต ฌากมุส (Simon Porte Jacquemus) วัย 30 ปี คนหนุ่มซึ่งกำลังมาแรงและอยากจะเรียนรู้จากปรมาจารย์ สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนโคจรมาพบกันในวันนี้ก็คือความรักในงานสร้างสรรค์ แม้ว่าจะอยู่ในโลกที่แตกต่าง แต่พวกเขาก็มีความสามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองด้วยการเลี่ยงเส้นทางที่มีคนเคยก้าวเข้าไปก่อน
Pierre Cardin Simon Porte Jacquemus
และถึงจะคนละโลก แต่เขาทั้งสองก็ดูเหมือนกับปราสาทลาคอสต์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง โครงสร้างหินซึ่งผ่านกาลเวลามายาวนานสร้างขึ้นในสมัยมาควิส เดอ ซาด เป็นที่พักพิงและเป็นรังของนกอินทรีอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ แลดูตระหง่านอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาลูเบรง การ์แด็งซื้อปราสาทแห่งนี้รวมทั้งที่ดินขนาดใหญ่ของหมู่บ้านติดเนินเขา
ในวันนี้ที่ต้องออกมาเจอเราโดยมีคนขับรถพามา มันจึงดูราวกับว่าเขาได้ข้ามผ่านเส้นแดนแห่งกาลเวลา… เดินทางจากห้องใต้ดินสมัยยุคกลางมาสู่ดินแดนร่วมสมัย
เพราะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้ต้องนั่งไกลกันและมีฉากกั้น การปรากฏตัวของทั้งสองที่เคียงข้างกันจึงเป็นเหมือนจุดเชื่อมโยงระหว่างยุคทองของกูตูร์และดวงไฟแห่งอนาคต
ลอฟฟีเซียล: “เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันนะคะที่ได้มาเจอรุ่นใหญ่ที่สุดและรุ่นเด็กที่สุดของโลกแฟชั่นดีไซเนอร์ และยังได้มาฟังคุณสนทนากันระหว่างมื้อกลางวันแบบนี้”
ปิแอร์ การ์แด็ง: “ผมเองก็เคยหนุ่มมาก่อนนะ! ไม่ได้เกิดมาแล้วแก่เลยซะหน่อย แต่ก็ขอคารวะความหนุ่มสาว และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ!”
ซิมง ปอร์ต ฌากมุส: “ขอปรบมือให้คุณด้วยเหมือนกัน!”
ลอฟฟีเซียล: “แต่มันก็แปลกอยู่ดี ตอนอยู่ที่ปารีส คุณสองคนต่างเป็นดีไซเนอร์อิสระ เป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเอง”
การ์แด็ง: “ใช่ครับ ผมไม่เคยมีเจ้านายเลย ผมมีเงินลงทุนเอง และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วย”
ฌากมุส: “ส่วนผม มันเป็นความตั้งใจครับ ผมอาจจะไม่มีเงิน แต่ผมไม่อยากทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ ผมไม่ได้สนใจเงินขนาดนั้น เลยปฏิเสธไปทุกข้อเสนอ”
ลอฟฟีเซียล: “แล้วตอนนี้ล่ะ”
ฌากมุส: “ไม่ครับ มันเป็นการเลือกแบบตั้งใจ ผมรักอิสระ ผมสะดวกแบบนี้ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดีไซเนอร์ก็คือการเป็นอิสระ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก”
Pierre Cardin
ลอฟฟีเซียล: “แล้วความอิสระทำให้คุณต้องก้าวข้ามข้อจำกัดหรือเปิดประตูไปสู่อะไรใหม่ๆ ไหมคะ”
การ์แด็ง: “สำหรับผม ไม่นะ ผมเปิดประตูคุกมากกว่า (หัวเราะ) ขำๆ นะครับ เพราะว่าผมต้องดูแลรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการว่าจ้างคนเป็นร้อยๆ ผมมักเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง ส่วนความสุข ความสนุก และปาร์ตี้มีไว้สำหรับคนอื่นๆ”
ฌากมุส: “ผมมักโชว์แต่พลังบวกเพื่อให้แบรนด์ส่งพลังต่อไปยังคนอื่น ผมเลยเข้าใจดี”
ลอฟฟีเซียล: “มันยากไหมที่ต้องเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์แล้วก็เป็นซีอีโอบริหารแบรนด์ในคราวเดียว”
การ์แด็ง: “ยากครับ แต่บางคนก็ทำได้ทั้งสองอย่าง ซึ่งผมเองก็ด้วย (หัวเราะ)”
ฌากมุส: “ผมด้วย ผมว่าการรักษาสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ ตอนเช้าผมจะทำงานที่เกี่ยวกับตัวเลข และพอช่วงบ่ายถึงจะทำงานสร้างสรรค์ เราอยู่แต่ในโลกของตัวเองตลอดเวลาไม่ได้หรอก ต้องอยู่ในโลกความจริงด้วย”
ลอฟฟีเซียล: “เคยไหมที่ต้องตัดสินใจเรื่องงานสร้างสรรค์ด้วยเหตุผลทางด้านการเงิน”
ฌากมุส: “ไม่ครับ ทุกอย่างต้องเมกเซนส์โดยไม่ลืมความเป็นมนุษย์ ผมจะไม่จัดโชว์ภายในสามสัปดาห์เพียงเพราะผมอยากจัด ผมนึกถึงทีมและความยั่งยืนของสิ่งที่ผมทำเสมอ”
Jacquemus
ลอฟฟีเซียล: “ความสำเร็จมีความหมายอย่างไรสำหรับคุณคะ”
ฌากมุส: “ผมคิดว่าทีมงานคือความสำเร็จที่สุดของผม การถูกก๊อบปี้ถือเป็นรูปแบบความสำเร็จเหมือนกัน เมื่อถูกแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นก๊อบปี้ นั่นหมายความว่าคุณมีซิกเนเจอร์สไตล์ที่ทำให้คนอยากซื้อไปใส่”
ลอฟฟีเซียล: “ตอนที่เริ่มทำแบรนด์ คุณคิดถึงผู้หญิงคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ หรือจักรวาลใดจักรวาลหนึ่งไหม”
การ์แด็ง: “ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรือจักรวาลใดทั้งนั้น แต่เป็นเรื่องของโครงชุด รูปทรง วอลุ่ม แนวคิด การสวมใส่ได้จริง หรือเกือบใส่ได้จริง”
ฌากมุส: “ผมเองก็ชอบที่จะคิดถึงแนวคิดโดยรวม เรื่องราว หรือหนัง เช่น ฌอง ลุค กอดาร์ดกับหนังเรื่อง Le Mépris ผมชอบการเล่าเรื่องและการนึกถึงตัวละครที่เป็นแนวแบบฝรั่งเศสมากๆ ผมชอบผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยเฉพาะคนหนึ่งที่ผมคิดถึงตลอดก็คือแม่ของผม ซึ่งเป็นเจ้าของนามสกุลฌากมุส และเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์”
ลอฟฟีเซียล: “คุณเพิ่งเปิดตัวไลน์เสื้อผ้าผู้ชายใช่ไหม”
ฌากมุส: “ใช่ครับ เพราะผมอยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชาย ในช่วงแรกๆ ผมดีไซน์ชุดผู้หญิงได้ง่ายมาก แทบจะคิดได้ทันที แต่สำหรับเสื้อผ้าผู้ชาย ผมต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องที่อยากเล่า”
ลอฟฟีเซียล: “คิดอย่างไรกับการแข่งขัน ชอบเล่นกีฬาไหม”
การ์แด็ง: “ไม่เลยครับ ผมทำแต่งาน งาน งาน”
ฌากมุส: “ผมก็เหมือนกัน เวิร์ก เวิร์ก เวิร์ก ผมพูดกับทีมแบบนี้เสมอ”
Pierre Cardin Jacquemus
ลอฟฟีเซียล: “มร. การ์แด็ง คุณเพิ่งมีนิทรรศการเกี่ยวกับผลงานตัวเองที่พิพิธภัณฑ์บรูกลิน คุณคิดอย่างไรกับผลงานออกแบบของคุณในนิทรรศการนั้น
การ์แด็ง: “อย่างแรกเลย มันเป็นการย้อนรำลึกถึงผลงานและแสดงให้เห็นว่าปิแอร์ การ์แด็งเกิดขึ้นได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ต้องทำงานหนักมาก เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ และต้องมีบุคลิกบางอย่าง คุณต้องสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองด้วย”
ลอฟฟีเซียล: “แล้วคุณล่ะ ซิมง ได้ยินมาว่าคุณเองก็เก็บผลงานที่ออกแบบไว้เหมือนกัน”
ฌากมุส: “ผมเก็บทุกอย่างไว้สองชุด บวกกับเก็บไว้ในอาร์ไคฟ์ด้วย แต่มันยังเร็วไปที่จะจัดเป็นนิทรรศการ ผมเพิ่งอายุ 30 จริงๆ ก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับมันนะ แม้ว่าการเก็บมันไว้จะทำให้จำได้ขึ้นใจด้วย ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นกูตูร์ดีไซเนอร์ แต่ทุกวันนี้ผมอยากทำอะไรที่สวยงาม เรียบง่าย โดยไม่ลืมมองว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวและยังใกล้ชิดกับลูกค้าอยู่ มันคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจของผม ผมออกแบบคอลเลกชั่นโดยทำทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่เข็มขัดไปจนถึงชุดกระโปรงหรือโค้ต มันทำให้ผมมีความสุข”
ลอฟฟีเซียล: “คุณเคยไปพักที่ Palais Bulles บ้านของมร. การ์แด็ง ในเมืองเทอูล ซูร์ แมร์ ซึ่งออกแบบโดยอันต์ติ โลวัก สถาปนิกชาวฮังกาเรียน”
ฌากมุส: “มันน่าทึ่งมากจริงๆ เหมือนกับฝันที่เป็นจริง ผมชอบที่นั่นมานานมากแล้ว ผมไม่รู้จะบรรยายความงามออกมาอย่างไร มันเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีเลย”
การ์แด็ง: “มันเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชีวิต น่ามหัศจรรย์จริงๆ”
Palais Bulles
ลอฟฟีเซียล: “คุณรู้สึกแปลกใจกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของบ้านหลังนั้นไหม”
ฌากมุส: “ผมว่ามันเพอร์เฟ็กต์มาก มีเซรามิกของปิกัสโซด้วย ผมชอบงานของมาติสส์กับปิกัสโซ ที่นั่นยังตกแต่งด้วยชิ้นงานดีไซน์ไอคอนมากมาย อย่างโคมไฟ มีหลายชิ้นที่ผมชอบมากเลย รู้สึกดีที่ได้ไปพัก”
ลอฟฟีเซียล: “ช่วยเล่าถึงดีไซเนอร์ยุคหลังสงครามที่คุณได้รู้จักให้ฟังหน่อย”
การ์แด็ง: “ผมรู้จักดิออร์มาก่อนที่เขาจะตั้งแบรนด์ซะอีก ตอนนั้นเขายังค้าของแอนทีค แล้วก็เป็นคนขี้อาย”
ลอฟฟีเซียล: “ตรงข้ามกับบัลแม็ง…”
การ์แด็ง: “เขาเป็นเพลย์บอย!”
ลอฟฟีเซียล: “แล้วคริสโตบัล บาเลนเซียกา”
การ์แด็ง: “ผมรู้จักเขานะ เขาชอบเก็บตัว… ออกจะมากไปด้วยซ้ำ”
ฌากมุส: “เหมือนคุณเคยบอกผมว่าเมอซิเออร์ดิออร์ฝันอยากเป็นบาเลนเซียกา ใช่ไหมครับ”
การ์แด็ง: “ใช่ครับ เขาเคยบอกผมว่า ‘ผมอยากเป็นบาเลนเซียกามาโดยตลอด”
ลอฟฟีเซียล: “ส่วนชาเนลล่ะคะ…”
การ์แด็ง: “ผมไม่อยากพูดถึงเธอเท่าไหร่ เธออิจฉาผม เพราะผมหล่อมาก อายุน้อย แล้วก็มีความสามารถ ตอนนั้นเธอก็อายุประมาณหนึ่งแล้ว”
ฌากมุส: “อ่าา… ความอิจฉาในโลกแฟชั่น! ลำบากหน่อยนะครับ”
การ์แด็ง: “เธอชอบพูดว่า ‘หนุ่มคนนี้เป็นใครเหรอ เขาชื่ออะไร’ ถึงผมจะเจอเธอสัก 20 ครั้งน่าจะได้ แถมยังร่วมโต๊ะดินเนอร์ด้วยกันอีก เอาเป็นว่าเธอเป็นคนชอบพูดถึงคนอื่นแบบนี้แหละ”
ฌากมุส: “ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเป็น”
การ์แด็ง: “…แต่เธอก็มีอารมณ์ขันดีนะ”
ฌากมุส: “ตอนผมอายุ 20 แล้วเริ่มทำอาชีพนี้ ผมมักถูกรุ่นใหญ่มองแบบไม่ดีในงานปาร์ตี้หรืองานเลี้ยง ผมบอกตัวเองเสมอว่าผมจะไม่ทำเหมือนพวกเขา แต่จะเข้าไปหาดีไซเนอร์รุ่นใหม่และสนับสนุนพวกเขา เหมือนที่ผมช่วยลุดโดวิก (เดอ แซงต์ แซร์แน็ง) ผมจะไม่มีวันคิดว่าสักวันพวกเขาจะมาแย่งที่ผม ถ้าวันหนึ่งผมไม่เป็นที่นิยมก็ต้องโทษตัวเอง ไม่ใช่ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จ”
ลอฟฟีเซียล: “แล้วตอนนี้ที่ปารีสเป็นอย่างไร มีคนรุ่นใหม่เหมือนคุณบ้างไหม”
ฌากมุส: “ผมรู้สึกว่ามีดีไซเนอร์รุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจเยอะขึ้นนะ ตอนที่ผมเริ่มเข้าวงการเมื่อสิบปีที่แล้ว มีไม่ค่อยเยอะครับ ตอนนั้นเหมือนปารีสกำลังหลับใหล แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
Pierre Cardin Jacquemus
ลอฟฟีเซียล: “ความเป็นมิตรหายากไหมในวงการนี้”
การ์แด็ง: “ความอิจฉาริษยามีตลอดแหละ อังเดร กูร์แรจกับผมเป็นเพื่อนกัน เขาเป็นคนเก่ง เก่งมากเลยล่ะ!”
ฌากมุส: “สเก็ตช์เขาสวยมากครับ ผมชอบกูร์แรจเหมือนกัน เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ทั้งเขาและคุณด้วยครับ”
การ์แด็ง: “งานเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คุณอย่างไรเหรอ
ฌากมุส: “การใช้สีสันและรูปทรงของเขาครับ งานเขามีความดิบ เหมือนงานปิกัสโซ มันมีความซื่อบริสุทธิ์ซึ่งโดนใจผมเต็มๆ”
การ์แด็ง: “เขามีสไตล์ของตัวเอง”
ลอฟฟีเซียล: สำหรับคุณแล้ว ดูเป็น ‘แฟชั่น’ หรือ ‘มีสไตล์’ แบบไหนดีกว่ากัน
การ์แด็ง: “ต้องมีสไตล์อยู่แล้วล่ะ สไตล์พัฒนาไปเป็นแบรนด์ได้ แฟชั่นมีแต่จางหาย”
ลอฟฟีเซียล: “คุณมีคำแนะนำอะไรให้ซิมงไหม”
การ์แด็ง: “ทำงานเงียบๆ และไม่ต้องฟังเสียงคนอื่น ฟังแต่จิตสำนึกของตัวเอง ถ้ายึดติดกับคนอื่น ไม่ประสบความสำเร็จหรอก”
ลอฟฟีเซียล: “ดูเหมือนซิมงจะทำทุกอย่างที่ว่ามาแล้ว”
การ์แด็ง: “ใช่ครับ แต่เขาต้องทำต่อไป เริ่มต้นน่ะมันง่าย”
ฌากมุส: “ใช่ครับ มันเพิ่งผ่านไปสิบปีเอง”
ลอฟฟีเซียล: “ซิมง คุณมีอะไรอยากถามมร. การ์แด็งไหม”
ฌากมุส: “ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีต คุณอยากเปลี่ยนอะไรไหม”
การ์แด็ง: “(ร้องเพลง No Regrets ของเอดิธ พิยาฟ) ไม่! ไม่มีเลย!”
ฌากมุส: “(หัวเราะ) ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณจะตอบแบบนี้”
การ์แด็ง: (ร้องเพลงต่อ) ผมไม่มีวัน!”