Tuesday, February 11, 2025

กว่าจะเป็นชุดกระโปรงลายรวงข้าวสาลีของ Chanel Métiers d’Art

บรรยากาศของห้องโถงบันไดกระจกที่ Chanel  จำลองมาไว้ ณ อาคารกรองด์ ปาเลส์ เพื่อเป็นฉากหลังให้กับแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่น Métiers d’art 2019/20 Paris – 31 Rue Cambon ทำให้นึกถึงสมัยที่กาเบรียล ชาเนลนั่งชมคอลเลกชั่นออกแบบของเธออยู่ตรงบันได รวมทั้งยุคสมัยคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มคอลเลกชั่นพรีฟอลล์แสนพิเศษนี้มาตั้งแต่ปีค.ศ. 2002 คอลเลกชั่นนี้ของชาเนลมีชื่อเรียกว่า เมติเยร์ ดาร์ต เนื่องจากผสมผสานทักษะหัตถศิลป์สาขาต่างๆ ล้ำค่าเอาไว้บนชิ้นงานสุดพิเศษ

“It is a rare privilege being able to work like this. Excellence is everywhere with this famous Chanel ‘hand’ that can do everything, from the flou work to the tailoring.” 

– Virginie Viard –

“ฉันชอบทำงานกับครีเอชั่นสตูดิโอ กับหัวหน้าอเตอลิเยร์งานฝีมือ และช่างตัดเย็บ เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง การสนทนามักนำไปสู่ความคิดเห็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์คอลเลกชั่น การเลือกผ้า หรือการนำลุคต่างๆ มาจัดวางเข้าไว้ด้วยกันสักสองสามวันก่อนโชว์” วิร์จินี วิยาร์ด (Virginie Viard) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แผนกแฟชั่นของชาเนลกล่าว หลังจากทำหน้าที่เป็นมือขวาคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์มาหลายสิบปี ในวันนี้เธอได้รับหน้าที่สานต่องานของเขาโดยสร้างสรรค์คอลเลกชั่น เมติเยร์ ดาร์ต ครั้งนี้เป็นครั้งแรก “การได้ทำงานนี้นับเป็นความพิเศษที่หาได้ยากมาก ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเป็นเลิศของช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงของชาเนล ซึ่งสามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่งานผ้าไปจนถึงงานตัดเย็บ”   

หนึ่งในตัวอย่างของการหลอมรวมจินตนาการเข้ากับที่สุดของงานฝีมืออันละเอียดอ่อนก็คือลุคที่ 53 ของคอลเลกชั่นนี้ เป็นลุคแจ๊กเก็ตสวมทับชุดเดรสเกาะอกตัดเย็บด้วยผ้าทูลล์ผสมไหมปักลวดลายรวงข้าวสาลี สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ซึ่งพบได้ในอพาร์ตเมนต์ของมาดมัวแซลชาเนลบนถนนกัมบง ทั้งรวงข้าวจำลองผลิตจากทองเหลืองที่ประดับอยู่ในห้อง ดีไซน์ของขาโต๊ะตัวโปรด รวมทั้งในภาพที่ซัลวาดอร์ ดาลีวาดให้ ทั้งยังโชว์ทักษะการปักชั้นสูงของสตูดิโอเลอซาจ (Lesage) วิร์จินีเล่าถึงการทำงานครั้งนี้ว่า“เมติเยร์ ดาร์ตทำให้ฉันได้รู้จักกับทักษะความชำนาญของพวกเขา ซึ่งส่งให้ผลงานสร้างสรรค์ของเรายิ่งประณีตงดงาม”

ตัวแจ๊กเก็ตผ้าไหมทูลล์อันวิจิตรนี้เกิดจากการปักลายรวงข้าวสาลี 750 รวง โดยใช้เพล็กซิกลาส เลื่อมกลมเลเซอร์คัตสีดำ และมุกอีก 1,300 เม็ด ส่วนชุดกระโปรงผ้าทูลล์ผสมไหมปักเลื่อมสีดำกว่า 60,000 ชิ้น จากนั้นจึงเติมแต่งด้วยสายไข่มุกซึ่งร้อยด้วยอัญมณีสีขาวนวลกว่า 20,000 เม็ด รวมทั้งลวดลายรวงข้าวสาลี 44 รวง ซึ่งสร้างสรรค์โดยช่างทอง กูส์ซองส์ (Goosens) ชวนให้นึกถึงลวดลายของโต๊ะ งานเย็บปักลวดลายนี้ต้องใช้ตะขอถักโครเชต์ลูนวิลล์ และใช้เวลาสร้างสรรค์นานถึง 1,220 ชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อปักลายเรียบร้อยแล้ว ผ้าทูลล์ไหมสีดำจะถูกส่งต่อไปยังสตูดิโอตัดเย็บของชาเนลเพื่อให้ช่างประกอบเป็นชุด ก่อนเติมแต่งด้วยเครื่องประดับทองจากกูสซองส์ เข็มขัดโซ่ทองประดับมุกเทียมจากสตูดิโอเดส์รูส์ (Desrues) และรองเท้าหนังสีทองแต่งโบผ้ากรอสเกรนจากสตูดิโอมาสซาโร (Massaro) ดังที่ปรากฏเป็นลุคสมบูรณ์แบบบนรันเวย์ 

คอลเลกชั่นนี้ทำให้นึกถึงสมัยที่กาเบรียล ชาเนลเริ่มต้นทำงานกับช่างศิลป์ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าตั้งแต่สมัยยุค 1950s และเพื่อสืบทอดงานฝีมือซึ่งถือเป็นมรดกสำคัญของชาติให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน รวมถึงตอกย้ำว่าชาเนลให้ความสำคัญกับงานฝีมือชั้นสูงอย่างแท้จริง ทางแบรนด์จึงได้เข้าซื้อสตูดิโอเมติเยร์ ดาร์ตเก่าแก่ต่างๆ มารวมอยู่ภายใต้บริษัท Parafection (อ่านว่า ปาร์อะเฟกซิยง แปลว่าด้วยรัก) นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1985 เป็นต้นมา แต่นอกจากจะสร้างสรรค์ผลงานชั้นสูงของชาเนลดังเช่นที่เห็นในคอลเลกชั่นเมติเยร์ ดาร์ต และที่สุดของโลกแฟชั่นอย่างโอตกูตูร์แล้ว สตูดิโอเหล่านั้นต่างก็ยังมีอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานให้กับแบรนด์ต่างๆ นอกจากนี้ ชาเนลยังได้สร้างอาคาร Le 19M ในย่านปอร์ต โดแบร์วิลิเยร์ (Porte d’Aubervilliers) ชานเมืองปารีส ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นชุมชนและสถานที่ทำงานของช่างฝีมือนับ 600 คน

Other Articles

Advertisement Advertisement Advertisement Advertisement Advertisement