รู้ไว้ก่อนจะสายเกินไป! คู่สกินแคร์อันตรายที่จะทำให้ผิวหน้าที่เป๊ะกลายเป็นเละได้ทันที

ในสมัยในนี้ สกินแคร์นั้นได้กลายมาเป็นดั่งอวัยวะชิ้นที่ 33 ของใครหลายๆคนไปแล้ว และหนึ่งสิ่งที่เราต่างรู้กันดีก็คือการลงสกินแคร์แต่ละครั้งนั้น มีอขั้นตอนอยู่ไม่น้อยแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคน จนถึงขั้นป็นเทรนด์ฮิตในการลงสกินแคร์เป็นชั้นแบบเป็นขั้นเป็นตอน หรือที่เรียกว่า ‘Layering Skincare’ อย่างไรก็ดียังมีสิ่งหนึ่งที่หลายคนก็ไม่รู้ก็คือส่วนผสมที่อยู่ในสกินแคร์บางตัวนั้น เป็นสารที่ไม่ถูกกันหรือเข้ากันได้ยาก ซึ่งถ้าเกิดใช้แบบซ้อนทับกันบ่อยๆ มันจะก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวของเรามากกว่าผลดีเสียอีก เพื่อไม่ให้สับสนหรือผิวหน้าพังกันไปเสียก่อน เราเลยขอรวมคู่ส่วนผสมที่ถ้าอยู่คู่กันแล้วไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ มาเป็นกฎเหล็กข้อสำคัญ ให้ทุกๆคนระวังและจดจำกัน เพื่อผิวหน้าที่ดีทั้งในปัจจุบันและระยะยาว 

Physical Exfoliants VS Chemical Exfoliants 

หนึ่งเรื่องที่คนรักผิวจะรู้ดีและใช้อยู่สม่ำเสมอก็คือการผลัดเซลล์ผิวหรือที่เรียกว่า Exfoliation ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะมันเป็นการช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายออกไปได้อย่างหมดจดเพิ่มเติมจากระบบการผลัดเซลล์ผิวธรรมชาติ ซึ่งในแวดวงสกินแคร์ปัจจุบันนั้นมีตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอยู่ 2 แบบก็คือ Physical Exfoliants ประกอบไปด้วยสครับที่มีเนื้อขรุขระที่เราคุ้นเคยและแปรงอัตโนมัติหรวมถึงพวกฟองน้ำหรือใยขัดผิว อีกหนึ่งแบบก็คือ Chemical Exfoliants ที่นับรวมสารจำพวก AHA, BHA และกรดไกลคลอลิค ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์อยู่ในผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใส่ หรือจำพวก Peel 

โดยหากคุณใช้ตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทั้งสองแบบพร้อมกัน มันอาจจะเกินความจำเป็นไปอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว และแทนที่คุณจะกำจัดเพียงผิวที่ตายแล้ว คุณอาจจะเผลอทำร้ายเซลล์ผิวดีที่เกิดใหม่ไปในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงอาจจะมีแผลหรือรอยขีดข่วนที่ส่งผลต่อไปเป็นการอักเสบในผิวได้

Benzoyl Peroxide VS Retinol 

ปัญหาผิวยอดนิยมของใครหลายคนก็ยังเป็นเรื่องของสิวและผิวที่จุดจ่างดำ ซึ่งสองสารที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนั้นก็เป็นตัวช่วยของทั้งสองปัญหาผิวนี้ที่ดีเลยหล่ะ สำหรับ Benzoyl Peroxide นั้นเป็นสารที่พบได้ในสกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิวในระยะเริ่มต้น และ Retinol นั้นก็สามารถพบได้ในสกินแคร์ที่ช่วยในเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยดำจากการเป็นสิว 

อย่างแรกเลย หากคุณใช้สารทั้งสองตัวพร้อมกันนั้นมันจะลดทอนประสิทธิภาพของกันและกันเองในทันที เพราะฉะนั้นทั้งสิวและรอยต่างๆที่คอยกวนใจคุณก็จะยังคอยวนเวียนให้คุณได้รำคาญใจอยู่เรื่อยๆไม่หายไปไหนเสียที พร้อมทั้งจะทำให้ผิวบางลงไวต่อการระคายเคืองอีกด้วย ไม่ดีเลยใช่มั้ยล่ะ

Acne Treatments VS Chemical Exfoliants

สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวและสกินแคร์ที่เป็นตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวแบบเคมี ( Chemical Exfoliants) นั้นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในการกำจัดสิวซึ่งก็จัดเป็นเซลล์ผิวที่สกปรกและตายเช่นเดียวกัน ได้ยินอย่างนี้แล้วหลายคนอาจจะคิดว่าถ้าหากใช้เจ้าสองตัวนี้พร้อมกันในทีเดียว ก็น่าจะทำให้สิวบนใบหน้าหายเร็วขึ้น แต่ไม่ใช่เลย เพราะสารในสกินแคร์ทั้งสองตัวนั้นจะเข้าไปกัดผิวหน้าของคุณจนบางครั้งถึงขั้นทำให้เกิดอาการระคายเคืองไปจนถึงอาการแสบร้อนบนผิวหน้าเลยก็ได้

AHAs/BHAs VS Vitamin C

อีกหนึ่งคู่ตรงข้ามที่ทำหน้าที่คล้ายกันแต่ถ้ามาเจอกันแล้วจะไม่ปัง ก็คือสารจำพวก AHAs/BHAs อย่างเช่นกรดเลคติกหรือกรดซาลิไซลิก  และ วิตามินซี  ด้วยความที่มันมีฤทธิ์เป็นกรดทั้งคู่ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าหากเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้งอยู่แล้วก็อาจจะเกิดผิวลอกได้อย่างง่ายดาย

Face Oil VS Hyaluronic Acid

สำหรับสองตัวนี้นั้น ไม่ใช่ว่ามันไม่ถูกกันจนทำให้เกิดปัญหาที่น่ากลัว แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับลำดับของการลงมากกว่า หากคุณตั้งใจจะใช้ครีมหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคแล้ว ขอให้ใช้เฟสออยล์เป็นข้นตอนสุดท้าย ด้วยความหนาและใหญ่ของโมเลกุลของตัวน้ำมันและหลักการทางวิทยาศาสตรที่น้ำและน้ำมันจะแบ่งชั้นกัน หากเราลงเฟสออยล์ไปก่อนสกินแคร์ตัวอื่นๆ มันจะไปขวางทางและกันไม่ให้สกินแคร์ที่ลงตามไปซึมลงไปไม่ถึงผิวชั้นใน ในทางกลับกันถ้าหากใช้เฟสออยล์เป็นขั้นตอนสุดท้ายมันจะเป็นตัวพาสกินแคร์อื่นๆลงไปด้านในผิวและเคลือบผิวให้ได้รับการบำรุงอย่างสวยงาม

The Solution

ถึงแม้ว่าการผสมตัวกันของสารเหล่านี้จะเป็นการบำรุงผิวที่ไม่ดีมากนัก แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีทางแก้ไขมันเสียหน่อย

– เลือกใช้แต่ละผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เราแนะนำว่าตัวที่เข้มข้นกว่านั้นให้ใช้ในช่วงกลางคืนจะได้ผลดีกว่า ด้วยเวลากลางคืนนั้นเป้นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง การได้สารบำรุงเนื้อเข้มข้นเข้าไปช่วยเสริมทัพนั้น ก็จะยิ่งทำให้ผิวได้รับการซ่อมแซมที่ดียิ่งขึ้น

– จัดลำดับขั้นตอนการใช้สกินแคร์ให้ไล่ไปจากเนื้อสัมผัสเบาจำพวกน้ำเหลวๆ (water-based) แล้วจึงค่อยไล่ระดับความหนาเเน่นไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายอย่างสกินแคร์เนื้อน้ำมัน

– ให้คิดไว้เสมอว่าการใช้สกินแคร์นั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากๆ ดังนั้นแล้วเราควรลองสกินแคร์ทุกครั้งด้วยตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะได้ผลกับผิวหน้าของเราโดยไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองใดๆ

Photos courtesy of the brands