Sunday, March 26, 2023

iPhone X หรือ iPhone 8 รุ่นไหน คือ สมาร์ทโฟนเครื่องถัดไปของคุณ?

เทียบสเปค ดูไฮไลต์ อนาคตไอโฟน เจเนเรชั่นใหม่ ที่จะมาพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนให้กลับมาร้อนฉ่า! ยิ่งกว่าเคย   

สิ้นสุดการรอคอยของสาวกไอทีที่ต่างตั้งตารอชมนวัตกรรมล่าสุดในปี 2017 จากค่ายแอปเปิ้ล กับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่พร้อมกันในทุกกลุ่มโปรดัก ตั้งแต่ Apple Watch Series 3 , Apple TV 4K และที่เห็นจะเป็นไฮไลต์คคงหนีไม่พ้นกลุ่มโปรดักสมาร์ทโฟนอย่าง  iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่มาพร้อมเซอร์ไพร์สครบรอบ 10 ปีด้วยพระเอกของงานอย่าง iPhone X  (ไอโฟนเท็น) ซึ่งทางทีมแอปเปิ้ลตั้งใจปลุกปั้น โปรยว่านี่แหละคือ…..อนาคตใหม่ของสมาร์ทโฟน

ว่าแต่สเปกของทั้งคู่จะน่าสนใจ และมีเทคโนโลยีที่แอปเปิ้ลพัฒนามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยหลักในชีวิตมากน้อยเพียงใด ลอฟฟีเซียลมีมาบอกให้ได้ติดตามกันค่ะ

เริ่มต้นกันที่นางเอกของงาน (ทั้งที่ตอนแรกคาดว่านี่แหละ คือพระเอกที่ทุกคนต่างเฝ้าจับตา) กับเจเนอเรชั่นใหม่ของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งดูหน้าตา รูปลักษณ์จะยังเหมือนกับรุ่นเดิมแต่ที่เพิ่มเติม คือดีไซน์ตัวเครื่องแบบกระจกและอะลูมิเนียมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน โดยมีสีสันให้เลือกทั้ง 3 สี ทั้งสีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และสีทองแบบใหม่ พร้อมด้วยจอภาพ Retina HD  ที่ช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆอัตโนมัติ , ชิพ A11 Bionicแบบ CPU 6 Cores ที่ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วกว่าชิป A10 เกือบๆ 95%เสริมคุณภาพด้วยลำโพงที่ดังกว่า iPhone 7 ถึง 25% และให้คุณภาพเสียงเบสที่ทุ้มลึกกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ความจริงเสมือน

ในส่วนของกล้องถ่ายรูป iPhone 8 จะมาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 12 ล้านพิกเซล ขณะที่ iPhone 8Plus จะมาพร้อมกับกล้องหลังแบบเลนส์คู่ที่ 12 ล้านพิกเซลพร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นและไวขึ้น ฟิลเตอร์สีแบบใหม่ และแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงพร้อมด้วยคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ช่วยให้ภาพมีความสว่างพอดีทั้งฉากหลังและฉากหน้า


โดยยังมีโหมด ‘Portrait Lighting’ ที่ช่วยถ่ายบุคคลให้ออกมาโดดเด่นราวกับแสงการถ่ายภาพ ในสตูดิโออย่างไรอย่างนั้น  พ่วงด้วยการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง ระบบป้องกันภาพสั่นไหวระดับ 4K สูงสุด 60fps และสโลว์โมชั่นแบบ 1080p สูงสุด 240fps เพื่อให้ได้วิดีโอที่มีคุณภาพดีที่สุด

โดยทั้งสองรุ่น ยังพัฒนาให้รองรับเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ซึ่งขับเคลื่อนด้วย  A11 Bionic ชิพที่ทรงพลังและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีในสมาร์ทโฟนมาพร้อม CPU แบบ 6 คอร์ เพื่อรองรับการเรียนรู้ของระบบอันล้ำสมัย รวมถึงแอพ AR และเกม 3D แบบสมจริงในอนาคต พร้อมด้วยระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย Qi Wireless Charging สนนราคาเริ่มต้นกับ iPhone 8 ความจุแบบ 64 GB อยู่ที่ราคา 699 เหรียญสหรัฐ (หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 23,154 บาท) และสำหรับiPhone 8Plus ความจุแบบ 64 GB เริ่มต้นอยู่ที่ราคา 799 เหรียญสหรัฐ (หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 26,467 บาท) โดยจะเปิดให้สั่งจองในวันที่ 15 กันยายนและจัดส่งในวันที่ 22 กันยายนนี้

ถัดมากับพระเอก(ที่แท้ทรู)ของงานนี้อย่าง  iPhone X ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่แอปเปิ้ลตั้งใจเซอร์ไพรส์สาวกไอโฟนในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี กับการปฏิวัตินวัตกรรมการออกแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสมาร์ทโฟน ด้วยดีไซน์ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม กับหน้าจอ 5.8 นิ้ว แบบ Super Retina Display โดยเป็นระดับความคมชัดสูงสุดเท่าที่ iPhone เคยมีมา โดยใช้เทคโนโลยี OLED ที่นอกจากจะมีสีสันแม่นยำแล้ว ยังโค้งรับกับดีไซน์แบบไร้ขอบ (Bezel-less Display)   ทำให้สามารถแสดงผลได้อย่างเต็มหน้าจอ 

และในเมื่อไม่มีปุ่มโฮมทำให้ iPhone X ใช้วิธีการปลดล็อกด้วยระบบ Face ID หรือระบบการสแกนใบหน้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าแบบ  TrueDepth ซึ่งใช้ระบบเซนเซอร์สำหรับสแกนโครงสร้างของใบหน้า และจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำแม้อยู่ในที่มืด นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ Neural Engine ประมวลผลตรวจจับใบหน้า และบันทึกไว้ใน Secure Enclave ที่มีความปลอดภัยสูงพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยได้รับการทดสอบมาแล้วว่าภาพถ่ายก็ไม่สามารถหลอก Face ID ได้


เท่านั้นยังไม่พอ เพราะ iPhone X  ยังเติมกิมมิกสนุกๆให้ผู้ใช้ได้ลองแปลงร่างเป็นหน้าอีโมจิแบบเคลื่อนไหว หรือ Animoji ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic เพื่อบันทึกและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้ากว่าที่แตกต่างกัน 50 รูปแบบ

โดยเซนเซอร์จะประมวลผลอารมณ์จากเสียงและสีหน้าของผู้ใช้ผ่านAnimoji ที่เคลื่อนไหวได้ 12 แบบ เช่น แพนด้า, ยูนิคอร์น, กระต่าย, เอเลี่ยน,​ จิ้งจอก และหุ่นยนต์ โดยสามารถบันทึกและส่งข้อความ Animoji ผ่านทางแอปฯ iMessage ที่ติดตั้งมาให้แล้วบน iPhone X

นอกจากนี้ เรื่องกล้องด้านหน้าแล้ว iPhone X ยังมาพร้อมกับกล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบเดียวกับ iPhone 8 Plus และกล้องคู่ด้านหลัง ยังมีระบบที่พัฒนาขึ้นอย่าง ฟิลเตอร์สีแบบใหม่, พิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ทำให้สามารถออโต้โฟกัสในสภาพแสงน้อยได้เร็วขึ้น สนนราคาเริ่มต้นกับความจุแบบ 64 GB เริ่มต้นอยู่ที่ราคา 999 เหรียญสหรัฐ (หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 35,000 บาท) โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งจองหลัง iPhone 8 วันที่ 27 ตุลาคม และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

สรุปราคา iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X เป็นดังนี้

  • iPhone 8 64 GB ราคา $699 (ประมาณ 24,900 บาท)
  • iPhone 8 256 GB ราคา $849 (ประมาณ 29,900 บาท)
  • iPhone 8 Plus 64 GB ราคา $799 (ประมาณ 27,900 บาท)
  • iPhone 8 Plus 256 GB ราคา $949 (ประมาณ 33,900 บาท)
  • iPhone X 64 GB ราคา $999 (ประมาณ 35,000 บาท)
  • iPhone X 256 GB ราคา $1,149 (ประมาณ 40,500 บาท)

Other Articles