วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 ที่ความหอมกรุ่นของน้ำหอม ‘Miss Dior’ กระจายอยู่ภายในกูตูร์ซาลงบ้านเลขที่ 30 ถนนอาเวอนู มงแตญ กรุงปารีส เหล่าบุคคลชั้นสูงกำลังนั่งเฝ้าเพื่อรอรับชมผลงานแสดงคอลเลกชั่นโอตกูตูร์ครั้งแรกของเมอซิเออร์ คริสเตียน ดิออร์ ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกราวกับเวลาหยุดเดินเมื่อนางแบบปรากฏโฉมในชุดแจ๊กเก็ต กระโปรงในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และแจ๊กเก็ตตัวนั้นได้กลายเป็นที่โจษจันมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเวลาที่วงการแฟชั่นหยุดนิ่งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หญิงจำเป็นต้องออกจากบ้านไปทำงานเฉกเช่นเดียวกับผู้ชาย เครื่องแต่งกายจึงมุ่งเน้นความสะดวกคล่องแคล่วเป็นสำคัญ และภายหลังจากสงครามจบลงในปีค.ศ. 1945 โลกของแฟชั่นได้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในการแต่งกายมากขึ้น กระนั้นเครื่องแต่งกายก็ยังต้องนำเสนอภาพของความเข้มแข็งของสตรีที่ได้ก้าวมามีบทบาทในสังคม ซึ่งก็ตรงกับสารที่คริสเตียน ดิออร์ต้องการสื่อผ่านชุดแจ๊กเก็ตในคอลเลกชั่นเครื่องแต่งกายชั้นสูงนั่นจึงทำให้ผลงานของห้องเสื้อดิออร์สามารถเรียกเสียงฮือฮาและกลายเป็นที่จดจำได้
ดิออร์นำเสนอ ‘New Look’ หรือ ‘Bar Jacket’ (ชุดสำหรับยามบ่าย) มาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้กาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไปพร้อมกับนักออกแบบคนใหม่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานทว่าบริบทและหัวใจของแจ๊กเก็ตตัวนี้ยังคงดำรงอยู่เสมอ โดยถูกปรับให้ร่วมสมัยและแทนที่ด้วยเทคนิคใหม่ๆ เช่น การเพิ่มช่องกระเป๋า ผ้าที่ใช้แทรกไว้ตรงกลางเพื่อขึ้นรูปโครงสร้างของแจ๊กเก็ตปรากฎเป็นผลงานชิ้นเด่นในหลายยุคสมัย เช่นในยุคของจอห์น กัลเลียโน่ (ค.ศ. 1996-2011) เขาได้ปรับภาพบาร์แจ๊กเก็ตจากดิออร์ให้ดูดราม่าขึ้นด้วยการขยายขนาดของปกเสื้อ นำเสนอเทคนิคการจับเดรปและผลงานปัก
เมื่อถึงคราวของราฟ ซิมอนส์ (ค.ศ. 2012-2015) การปรับลุคครั้งใหญ่ได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อเขาจินตนาการวาดภาพสาวของดิออร์คนใหม่ พวกเธอนั้นอ่อนใสและทันสมัย บาร์แจ๊กเก็ตถูกนำเสนอด้วยอารมณ์บางเบาและเส้นสายที่เฉียบคมจึงเหมาะที่จะสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนถึงในครูซคอลเลกชั่น 2017 แม้เก้าอี้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของดิออร์นั้นยังว่างอยู่
โดยล่าสุดมาเรีย กราเซีย คิอูรีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ โดยจะนำเสนอคอลเลกชั่นแรกในฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2017 เราต่างเฝ้ารอชมเรื่องราวบทต่อไปในตำนานของบาร์แจ๊กเก็ตที่จะดำเนินต่อไปตราบนานเท่านาน
