งานเทรดโชว์ Who’s Next & Premiere Classe ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปารีส ณ Parc des Expositions, Porte de Versailles ได้รวบรวมแบรนด์ทั้งเสื้อผ้าในสไตล์ต่างๆ รวมทั้งแอ็กเซสเซอรี่และจิวเวลรี่มาไว้ในที่เดียวมากกว่า 2,000 แบรนด์ซึ่งจัดแสดงตามหมวดหมู่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้มาเยี่ยมชมงานได้ง่าย ทั้งยังมีเหล่าบายเออร์ บรรณาธิการแฟชั่น สไตลิสต์ ไปจนถึงเหล่าบล็อกเกอร์จากทั่วโลกที่มาร่วมสัมผัสชิ้นงานแฟชั่นสำหรับฤดูกาลหน้ากันอย่างอุ่นหนาฝาครั่ง
งาน Who’s Next & Premiere Classe คือหนึ่งในอีเวนต์สำคัญของวงการแฟชั่น เป็นงานเทรดโชว์ที่จัดขึ้นปีละสองครั้ง และถือเป็นกระจกสะท้อนอนาคตของวงการแฟชั่นได้เลยทีเดียว โดย Who’s Next ซึ่งดำเนินมายาวนานถึง 20 ปี นำเสนอผลงานจากแบรนด์เสื้อผ้าหลากหลายประเภท ส่วน Premiere Classe ซึ่งจัดมาเป็นเวลา 25 มุ่งนำเสนอแอ็กเซสเซอรี่จากแบรนด์ต่างๆหลากหลายรูปแบบ
ทางผู้จัดงานเล่าให้ฟังว่าในแต่ละปีมีแบรนด์ต่างๆสมัครเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก และกว่าจะคัดเลือกได้มานั้น ต้องทำงานกันหนักมาก ทั้งการพิจารณาเรื่องแผนธุรกิจ คุณภาพงาน ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงการคัดเลือกแบรนด์ใหม่ๆมาร่วมจัดแสดงผลงานด้วย
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเราได้เห็นพลังของคนแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ Who’s Next & Premiere Classe เป็นงานที่สร้างโอกาสให้กับเหล่าดีไซเนอร์หน้าใหม่มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่นการจัดงาน Graduate Fashion Show โดยคัดเลือกคอลเลกชั่นจบการศึกษาที่ดีที่สุดจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแฟชั่นต่างๆทั่วโลกรวม 15 คนมาจัดแฟชั่นนท่ามกลางบรรยากาศสุดมัน เหล่านางแบบนายแบบไม่เพียงแต่มาแสดงแบบเท่านั้น แต่ตั้งยังทั้งรองทั้งเต้นจนเรียกได้ว่าคล้ายคอนเสิร์ต
เช่น Wen Shuang Lu จาก ESMOD Paris ซึ่งนำเสนอคอลเลกชั่นสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคนไข้ในโรงพยาบาลซึ่งทั้งเปราะบางและต้องการการเอาใจใส่ดูแล Kelsy Hutton จาก Parson Paris ซึ่งมีความหลงใหลในผ้าทอ เธอใช้เวลานานนับเดือนในการคิดค้นเส้นใย รวมทั้งถักทอเส้นใยของเธอเอง รวมทั้ง Roberta Einer จาก University Weisminster Womenswear ซึ่งความสามารถและคอลเลกชั่นเฉดสีบับเบิลกัมผสมฟ้าอ่อนที่ชวนให้นึกถึงภาพเชียร์ลีดเดอร์อเมริกันผสมงานปักมากมายก็โดดเด่นจับตาจนเลดี้กาก้าเลือกชุดของเธอไปสวมใส่…และหลังจากจบแฟชั่นโชว์แล้ว ทุกคนยังได้รับโอกาสให้จัดแสดงผลงานของตนภายในงานอีกด้วย
แต่นอกจากแฟชั่นโชว์จากนักศึกษาแฟชั่นแล้ว ภายในงานยังมีโปรแกรม The Future of Fashion ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง โดยแต่ละฤดูกาลทางคณะกรรมการจะคัดเลือกดีไซเนอร์ที่ผ่านคุณสมบัติในสาขา Ready-to-Wear, Urban Streetwear และ Accessory สาขาละ 10 คนมาจัดแสดงผลงานภายในงาน จากนั้นคัดเลือกจนเหลือสาขาละ 5 คนเพื่อนำมาจัดแสดงในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะคัดเลือกหาผู้ชนะของแต่ละสาขาซึ่งจะได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาแบรนด์ต่อไป ผู้โดยต้องเป็นแบรนด์ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับทาง Not Just A Label ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นออนไลน์หนึ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย Stephan Siegel เมื่อปีค.ศ. 2008 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโอกาสให้กับเหล่าดีไซเนอร์นำการนำเสนอผลงานของตนถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น