จากโชคชะตาอันผกผันและหัวใจที่แตกสลายจากการสูญเสียคนรักของสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่นโลก นำมาสู่การกำเนิดใหม่อย่างงดงามภายใต้มนต์ขลังของผืนฟ้าสีทองและพลังแห่งราชสีห์ ผ่าน Sous le Signe du Lion คอลเลกชั่นเครื่องประดับชั้นสูงล่าสุดจาก Chanel
โดยนำเอาเรื่องราวจากความเชื่อในพลังแห่งดวงดาว โชคชะตา และจักรราศีผูกร้อยเข้ากับความประทับใจในความงดงามของราชสีห์ผู้พิทักษ์ที่ยืนตระหง่านรอบมหาวิหารซัน มาร์โก (St. Mark’s Basilica) กรุงเวนิซ ประเทศอิตาลี ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิตาโล-ไบแซนไทน์สุดอลังการ
ซึ่งที่นี่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ให้ชาเนลกลับมามีแรงบันดาลใจใหม่ๆในการสรรสร้างงานออกแบบชิ้นต่างๆของเธอกลับมาพร้อมด้วยจิตวิญญาณแห่งราชสีห์ จะเห็นได้จากที่นั้นเธอเริ่มตกแต่งอพาร์ตเม้นต์บนถนนกัมบงด้วยรูปปั้นสิงโตมากมาย รายละเอียดแบบไบแซนไทน์เริ่มปรากฏบนผลงานออกแบบเสื้อผ้าชาเนลอย่างกระดุมเสื้อและตัวล็อกกระเป๋าถือรูปสิงโต แสงทองของเวนิซที่ส่องสว่างในใจเธอเป็นจุดเริ่มต้นงานออกแบบเครื่องประดับคอลเลกชั่นต่างๆของชาเนล
และเมื่อปีค.ศ. 2012 นับเป็นปีที่ 80 ของการก่อตั้งแบรนด์ ชาเนลเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวด้วย ‘1932’ คอลเลกชั่นเครื่องประดับชั้นสูงที่ร้อยเรียงเอาสัญลักษณ์ที่โคโค่หยิบมาสร้างสรรค์ผลงานต่างๆในประวัติศาสตร์คือกลุ่มดาวและรูปโบ รวมถึงรูปสิงโตอีกด้วย
ล่าสุด เพื่อตอกย้ำตำนานความงดงามและความสำคัญทางใจที่เวนิซมีต่อความเป็นมาของแบรนด์ ในปีนี้เราจึงได้ยลเครื่องประดับสุดวิจิตรถึง 58 ชิ้นใหม่ใน ‘Sous le Signe du Lion’ คอลเลกชั่นเครื่องประดับชั้นสูงที่นำเอาเหล่าราชสีห์ผู้เป็นพลังสร้างสรรค์อันสำคัญยิ่งของโคโค่ ชาเนล ขึ้นสู่บัลลังก์แห่งโลกอัญมณีอีกครั้ง ดังจะเห็นได้ในจิวเวลรี่หลากชิ้นเช่นแหวน Lion San Marco ที่นำมาเอาหินลาปิสลาซูลีสีน้ำเงินมาแกะสลักเป็นรูปสิงโตแห่งมหาวิหารซัน มาร์โก วางอุ้งเท้าลงบนตัวเรือนเยลโลว์โกลด์รูปดาวและแพลตินัมประดับเพชรและเพชรสีเหลือง และที่โดดเด่นคือเข็มกลัดหินไหมทองรูปเสือที่มีโครงสร้างภายในเป็นกลุ่มดาวราศีสิงห์แกะสลักไว้อย่างประณีต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในสตรีผู้เปลี่ยนโลกอย่างมาดมัวแซล ชาเนล คงไม่มีคำถามว่าเมื่อถึงวันล้มลงแล้วต้องทำอย่างไร จะเยียวยาจิตใจด้วยวิธีไหน และหากคุณยืนหยัดเข้มแข็ง เพราะเรื่องราววของเธอและ Sous le Signe du Lion ได้ตอบคำถามเหล่านี้แก่คุณอย่างถ่องแท้แล้ว