คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส คือตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยความฝันแต่ก็มองโลกแห่งความจริงด้วยความเข้าใจ ในลอฟฟิเซียลฉบับเดือนกันยายนนี้ นักแสดงสาวเจ้าเสน่ห์ได้มาร่วมถ่ายทอดความร่วมสมัยของ Dior คอลเลกชั่น AW2024 ซึ่ง Maria Grazia Chiuri นำแรงบันดาลใจมาจากยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงในช่วง1960s…นี่คือคอลเลกชั่นสำหรับหญิงผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการแสวงหาอิสระทางความคิดสร้างสรรค์และการได้เป็นตัวของตัวเอง
เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เราได้เห็นนักแสดงสาวลูกครึ่งเยอรมันคนนี้โลดแล่นอยู่ในโลกของการแสดง นับตั้งแต่เราได้เห็นฝีมือทางการแสดงครั้งแรกของเธอในเรื่อง ‘สี่หัวใจแห่งขุนเขา’…จากผลงานหลากเรื่องและรางวัลการันตีฝีมือมากมาย อีกทั้งบุคลิกน่ารักสดใสเป็นธรรมชาติ ทำให้คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าที่ทุกคนหลงรัก เธอบอกว่า “ยิ่งเราโต เราก็ยิ่งอยากได้บทที่มันชาเลนจ์เรามากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ได้เรียนรู้ ได้เติบโต”
แม้ว่าการเข้าวงการตั้งแต่อายุ 17 จะทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นเท่าไร แต่มันก็เปิดประตูโอกาสในชีวิตเธอในหลายๆ ด้าน อย่างเรื่องของการทำงาน ซึ่งนอกเหนือจากงานแสดงแล้ว เธอยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ มากมาย เช่น การทำงานร่วมกับ Dior แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานของฝรั่งเศสที่เธอรักและผูกพันมาอย่างยาวนาน จนเธอได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย
ตอนที่ไปชมแฟชั่นโชว์ของ Dior Fall-Winter 2024 นี้ที่ปารีส มีอะไรที่ประทับใจคิมบ้าง
“ในความเป็นดิออร์ มันจะเชื่อมโยงกับความเป็นผู้หญิง ความเฟมินีน และ women empowering จำได้ว่าตอนนั้นเพิ่งดูซีรีส์ The New Look ด้วย ก็เลยอินมากๆ มันทำให้เราเข้าใจที่มา ได้เห็นว่ามิสเตอร์ดิออร์ต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้างจนกระทั่งมาเป็นดิออร์ในวันนี้ แล้วก็ได้นั่งข้างๆ นักแสดงเบน แมนเดลสัน ที่แสดงเป็นมิสเตอร์ดิออร์ แล้วก็ได้เจอเมซี วิลเลียมส์ที่แสดงเป็นแคทเธอรีน ดิออร์ น้องสาวของมิสเตอร์ดิออร์ด้วย”
แล้วถ้าพูดถึงตัวคอลเลกชั่นล่ะคะ
“สำหรับคอลเลกชั่นนี้ คิมชอบโทนสีมากๆ ค่ะ คือไม่ได้เป็นโทนฉูดฉาด ออกแนวนิวทรัล ชอบเท็กซ์เจอร์ของเนื้อผ้าที่ใช้ แล้วก็เทรนช์โค้ตหรือกระโปรงที่พิมพ์คำว่า Miss Dior ชอบในความเป็นชุดเรดี้ทูแวร์ที่ใส่ง่ายและใส่ได้ในชีวิตจริง มีความเท่มากขึ้นแต่ก็ยังคงความเฟมินีนด้วย”
หลังจากแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้สวมบทบาทเป็นภรรยาแล้ว อยากรู้ว่าสิ่งสำคัญของชีวิตคืออะไร ต่างจากเมื่อสิบปีก่อนไหม
“คิมให้ความสุขของตัวเองมาเป็นอันดับแรกค่ะ แล้วก็ความสุขกับพี่หมาก เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เราก็เลยสร้างบับเบิลของเรา อะไรที่เราเคยแคร์มากๆ คำวิจารณ์และไวบ์ที่มันไม่ดี เราก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อก่อนคิมจะเป็นคนที่แคร์มาก ชอบเก็บมาคิด เก็บมาฝันว่าเราทำอะไรไปบ้าง คนอื่นจะว่ายังไง จะไม่ชอบเราไหม แต่ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าคนที่อยู่ในชีวิตเราเป็นคนดี เป็นความสัมพันธ์ที่มี quality พวกเขาเข้าใจเราในแบบที่เราเป็น และเราก็เข้าใจเขาในแบบที่เขาเป็น”
ปีนี้อายุ 32 มีสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยได้ทำ แต่อยากลองทำไหม
“ถ้าพูดถึงฮ็อบบี้ อยากลองเล่นสกีค่ะ คือที่ผ่านมาคิมป๊อดมากกกก แต่ตอนนี้อยากลองไปเล่นสกีกับพี่หมาก เราเหมือนเป็นสายลุยกว่าเมื่อก่อน เพราะมีคนแนะนำว่าก่อนจะมีลูกควรใช้ชีวิตให้เต็มที่ เลยอยากลองอะไรที่มันแปลกใหม่ไปด้วยกัน ทำให้ครบก่อนที่จะมีลูก พี่หมากก็กลัวนะ แต่ชีวิตนี้ ถ้าเราไม่ลองก็ไม่รู้”
เป็นคู่รักที่เดินทางด้วยกันเยอะนะ
“ตั้งใจอย่างนั้นค่ะ เพราะสมัยเด็กๆ เราไม่ค่อยได้เที่ยวกัน เหมือนได้มาใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ หลังแต่งงาน”
เคยเห็นคิมโพสต์รูปทริปที่ได้ไปเที่ยวกรุงมาดริด ประเทศสเปน และบอกว่าไม่เคยเดินทางคนเดียวเลย พอได้ลองเที่ยวคนเดียวแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
“ใช่ค่ะ ไม่เคยไปไหนคนเดียว ไปซูเปอร์ฯ ยังไม่ไปคนเดียวเลย แต่พอเริ่ม 30 ก็เริ่มไปห้างในไทยคนเดียวแล้ว แต่ที่ต่างประเทศยังไม่เคยไปนะ เพราะเป็นคนกังวลว่าใครจะมาทำอะไรเราหรือเปล่า แล้วก็เป็นคนไม่ค่อยมีสติ (หัวเราะ) หลงทางตลอด นี่อาจจะเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งในชีวิตคิมก็ได้ เพราะตอนไปที่เมืองมาดริด พี่หมากไปทำงานก่อนที่เราจะไปฮันนีมูนกัน คิมเลยมีเวลาว่างคนเดียวหนึ่งวัน เลยแบบว่า เอาวะ! (หัวเราะ) อยู่คนเดียวหนึ่งวันจะทำอะไรดี ก็เลยลองลิสต์ว่าจะไปพิพิธภัณฑ์ ไปกินอาหารมิชลินคนเดียว ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ใหม่มากๆ เขินมาก แล้วสั่งอาหารแบบจับคู่กับไวน์ด้วยนะ กินไปแปดแก้ว ตอนหลังๆ โต๊ะข้างๆ เริ่มเห็นอาการเราแปลกไป เริ่มปรบมือคนเดียว (หัวเราะ) เขาหันมาพูดกับเราว่า ‘คุณดูเอ็นจอยมากๆ เลยนะ’”
กระเป๋าถือหนังปั๊มลายคานาจ ทั้งหมดจาก DIOR
แต่งงานมาครบหนึ่งปีแล้ว ยังมีอะไรต้องปรับไหม
“คิดว่าในความรักมันมีอะไรให้ต้องปรับตลอดอยู่แล้วค่ะ มีอะไรให้ท้าทายในความรักเสมอ (หัวเราะ) ถ้าเราพยายามที่จะปรับและเข้าใจกัน มันก็จะทำให้เราเดินไปด้วยกันได้”
เห็นว่าตอนนี้ที่บ้านมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นใช่ไหม
“ใช่ค่ะ เป็นน้องหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อแฮร์รี่ค่ะ แต่จริงๆ เราเลี้ยงปอมเมอเรเนียนอยู่แล้วชื่อแฮมเมอร์ ชีวิตก็เลยวุ่นวายขึ้นค่ะ (หัวเราะ) เพราะเป็นหมาตัวใหญ่ เวลาเดินก็จะชนนั่นชนนี่ แต่เขาทำให้เราไม่เหงานะ เขามาอยู่กับเราตอนที่เริ่มทำบ้าน ก็เลยมีอะไรทำมากขึ้น พาไปเดิน ซื้อขนมให้ ไปคาเฟ่ด้วยกัน พาไปเรียนฝึกสกิล”
จนถึงตอนนี้ เข้าวงการมาเป็นสิบปีแล้ว คิมเคยให้สัมภาษณ์กับเราเมื่อปีที่แล้วว่าอยากเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ จนแก่ อะไรทำให้รักอาชีพนี้ขนาดนั้นจนถึงขั้นอยากทำไปตลอด
“คือตอนแรก สิ่งที่ทำให้คิมชอบการแสดงก็คือการได้เล่นเป็นคาแร็กเตอร์ที่หลากหลาย และเราก็ชอบที่จะได้เรียนรู้บทบาทใหม่ๆ ตลอดเวลา มันเป็นความสนุกของอาชีพนี้ แล้วพอได้มาทำงาน มันมีอะไรที่มากกว่านั้นอีก มันเป็นอาชีพที่มีเสน่ห์ในแบบของมันเองและทำให้เราอยากค้นหาไปเรื่อยๆ อีกอย่างคือการได้เจอกับทีมงาน ผู้กำกับ ทั้งที่เราคุ้นเคยหรือไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิต และเราโชคดีมากๆ”
การแสดงเป็นศิลปะอย่างไร
“มันยากที่จะนิยามเหมือนกันนะว่ามันเป็นศิลปะยังไง สำหรับคิมนะ คือคิมใช้หัวใจเป็นหลักในการแสดง เลยคิดว่ามันสวยงามตรงที่มันใช้ความรู้สึกและถ่ายทอดอารมณ์ของมนุษย์นี่แหละ เราเป็นตัวเชื่อมให้คนดูเข้าถึงและเข้าใจตัวละครตัวนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นเราจะแสดงไปแบบงั้นๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนดูก็จะไม่เชื่อว่าเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันอาจจะมีทริกในการแสดงสำหรับการเข้าถึงอารมณ์ในบางฉากบ้างนะคะ แต่หลักๆ คือต้องออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ก่อน”
กระเป๋าสะพายหนังพิมพ์ลาย และบู๊ตสูงหนังสีขาวตกแต่งหมุดทอง ทั้งหมดจาก DIOR
เป็นคนที่แสดงฉากเศร้าแล้วต้องเตรียมความรู้สึกเศร้าให้พร้อมก่อนเดินเข้าฉากหรือเปล่า หรือสามารถปล่อยความเศร้าออกมาได้ทันทีเลย
“เมื่อก่อนไม่ได้เลย ต้องเตรียมความรู้สึกเศร้าอยู่ทั้งวันเลย เพราะตอนนั้นเรายังใหม่มากๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่งอะไรนะคะ แต่มันเหมือนว่าเรามีสวิตช์ที่ทำให้แบ่งแยกได้ สมมติว่าวันนี้จะต้องมีฉากเศร้า สวิตช์นี้จะโฮลด์มันไว้ แล้วเราก็ใช้ชีวิตสนุกเป็นปกติไปได้ก่อนจะเข้าฉาก ยกเว้นว่าฉากนั้นมันหนักหน่วงจริงๆ ต้องร้องไห้หนักมาก ก็อาจจะต้องใช้เวลา”
มีใครเป็นครูทางการแสดงของเราบ้าง
“ครูเงาะค่ะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) เป็นครูทางการแสดงคนแรกของคิม สอนคิมมาตั้งแต่ก่อนจะเปิดกล้องเรื่อง ‘สี่หัวใจแห่งขุนเขา’ ด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ยังปรึกษาอยู่นะ เวลาแสดงเรื่องไหนแล้วเรารู้สึกว่ามันยาก เราก็แวะไปปรึกษา คือจริงๆ เขาสอนเราแล้วล่ะว่าการตีความตัวละครมีวิธีการอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ได้ผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว แต่มันมีบางครั้งที่เสียงในหัวของเรามันเบาเกินไป แต่พอได้ไปหาครู เขาจะมีมุมมองที่กว้าง ที่ใหญ่ ดัง และชัดกว่า ทำให้เราเข้าถึงมันได้ และทำให้เรามีไฟขึ้นมา ครูบอกตลอดว่าแวะมาเติมน้ำมันได้นะ เพราะไม่ได้หมายความว่าเราเป็นนักแสดงแล้ว ยูเก่งแล้ว ยูพอแล้ว แต่มันคือการเรียนรู้ในทุกเรื่องไปตลอดชีวิตเลย”
บู๊ตสูงหนังแก้ว ทั้งหมดจาก DIOR
หากเปรียบชีวิตเป็นหนังสักเรื่องหรือสักแนว คิดถึงหนังเรื่องอะไร
“คิดว่าเป็นหนังโรแมนติกค่ะ แล้วก็มีความคอเมดี้และแฟมิลี่ปนๆ ด้วยนะ แต่ถ้าจะให้บอกเป็นชื่อเรื่องเลย…คือส่วนใหญ่หนังมันโรแมนติกแต่ก็เศร้าด้วยไง (หัวเราะ) คงฟีลๆ Notting Hill, The Notebook, About Time แต่ส่วนตัวชอบดูแนวแบบ Armageddon แล้วก็เรื่อง Interstellar ซึ่งดีมากๆ เป็นคนชอบดูหนังเก่า”
ถ้ามีความกลัวที่อยากเอาชนะให้ได้ในวันนี้
“ตอนนี้คิมบ้าคลั่งเล่นเทนนิสมากๆ อยากจะเล่นให้เก่งแบบไปวิมเบิลดันเลย (หัวเราะ) คือไม่เคยเล่นมาก่อน เหมือนนับหนึ่งใหม่ คิมไม่คิดว่าจะเป็นกีฬาที่ยากขนาดนี้เพราะเราเป็นสายกีฬาอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้เล่นมาตั้งแต่เด็ก พอลองเล่นครั้งแรก โอเคมันยาก แต่พอเล่นไปหลายๆ ครั้งก็ยังรู้สึกว่ามันยังยากอยู่ (หัวเราะ) เล่นมาเป็นยี่สิบครั้ง เพิ่งจะเข้าใจว่าต้องตียังไง และใช่ว่าจะเล่นได้ดีด้วยนะ คือมันต้องพร้อมมากๆ ตอนนี้ก็เหมือนแข่งกับตัวเองอยู่ค่ะ”
คิมคงจะมีความสุขที่สุด ถ้า…
“ถ้าคนที่เรารักทุกคนมีความสุข เราไม่ชอบให้เขาเจ็บป่วยหรือเป็นทุกข์เลย อยากให้ทุกคนมีความสุขค่ะ เราจะได้มีความสุขไปด้วย”
กระโปรงสั้นผ้าวูล ทั้งหมดจาก DIOR ภาพขวา: เสื้อคลุมผ้าวูลแคชเมียร์ สเว็ตเตอร์คอเต่าผ้าแคชเมียร์ทอผสมผ้าไหม กระโปรงผ้าวูลพิมพ์ลาย Miss Dior ทั้งหมดจาก DIOR
“the collection is now available on dior.com and in store”
Model: Kimberley Anne Woltemas
Photographer: Pannatat Aengchuan
Videographer: Panlit Voravutvityaruk
Stylist: Pitipong Pongdam
Writer: Pimpilai Boonjong
Make Up: Andi
Hair:Pongsiri pornpijaipak
Assistant Stylist: Sasipim Klankaew /Peeranat Sonti
Assistant Photographers: Tawin Manajit
Yodboon staryalakhaAssistant Videographer: Suradit Laorsittipirom
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
Dior นำเสนอเเคมเปญ Autumn-Winter 2024-25
คิมเบอร์ลี่: “คิดว่าอะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นบทเรียนของเรา”