เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ถ้าคนเราจะเกิดมาหน้าตาดี และเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ก็คงชาชินกับความดูดีของหน้าตาตัวเองอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกัน ใช่ว่าเขาจะปฏิเสธฉายาสามีแห่งชาติ หากเลือกได้เขาคงปรารถนาให้คนมองข้ามหน้าตาไปที่ผลงานมากกว่า ‘กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา’ ผู้ชายหน้าคม มาดเข้ม ฯลฯ (ดูเอาเถอะ เราเองยังอดชมเขาไม่ได้เลย) นักแสดงและนายแบบที่เข้าสู่วงการบันเทิงแบบจับพลัดจับผลู จนเผลอเข้าปีที่เก้าแล้ว ปีนี้กรรณมีผลงานใหม่ที่พร้อมสตรีมบน Netflix วันเสาร์ที่ 8 เมษานี้ เรื่อง ‘Hunger คนหิว เกมกระหาย’ ภาพยนตร์ที่เจ้าตัวยอมรับว่าท้าทายฝีมือ กรรณรับบท ‘โตน’ ซูเชฟของทีม Hunger โดยมีนักแสดงสาว ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม ร่วมแสดงด้วย

การสวมบท ‘โตน’ มีความใกล้เคียงกับตัวเราบ้างหรือเปล่า
“มันมีทั้งความใกล้และไกลอยู่ครับ อาจจะใกล้ด้วยวัยมั้งครับ เพราะในเรื่องตัวละครนี้อายุ 28-30 ความคล้ายคือมันเป็นช่วง midlife crisis ประมาณนึง มันคือช่วงเอ๊ะว่างานที่เราทำมา เราชอบไหมเนี่ย แล้วเราจะไปไหนต่อ เราเห็นตัวเองยังไงต่อไปอีกห้าปีหรือสิบปี ผมสามารถรีเลตกับตัวละครนี้ได้ว่ามันมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ เพราะในเรื่องเราทำงานกับเชฟพอล (รับบทโดย ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม) มานานระดับนึง ถ้าทำต่อคือยาวแล้วล่ะ หรือมันต้องออกมาเป็นตัวของตัวเอง เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกระหว่าง loyalty หรือว่าจะ break free
“ผมว่ามันเป็นอีกมุมหนึ่งของมนุษย์ที่ผมไม่ค่อยได้แตะ มันมีทั้งความโปรเฟสชั่นนอล แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความคลุมเครือและค้นหาตัวเองอยู่ประมาณนึง ผมคุยกับพี่โดม (สิทธิศิริ มงคลศิริ) และพี่คงเดช (จาตุรันต์รัศมี) เยอะมาก เพราะตัวละครนี้ไม่เหมือนที่ผมเคยเล่น คือไม่ได้รู้ว่าต้องการอะไรขนาดนั้น มันตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลา ความหิวเลยไม่ชัดเจนเหมือนตัวละครอื่น อย่างตัวละครพี่ปีเตอร์รู้อยู่แล้วว่าประสบความสำเร็จมา เขาต้องการเฟรม ตัวละครออกแบบไดรฟ์ด้วยสิ่งที่มาจาก nothing แล้วกำลังขึ้น ตัวผมคือตรงกลาง ไม่ได้ประสบความสำเร็จ และไม่ได้มาจากครอบครัวที่ลำบาก มันคือคนแบบ ‘ก็ได้’ แต่ก็ยังมีอะไรที่ต้องการ เราต้องทำให้เห็นว่ามันมีนะ ซึ่งก็มีความยากครับ เพราะถ้าเล่นอ่อนไปก็จะดูเป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทิศทาง เล่นเยอะไปก็ดูตั้งใจ เลยต้องพยายามหาตรงกลางให้เจอ
“แล้วมันยังมีกฎเกณฑ์และมีหลายอย่างที่เราต้องทำและทำให้ได้ดี เริ่มจากการทำอาหารก่อนเพราะว่าเราต้องทำเป็น มันไม่ใช่แค่ อ๋อ ไปเรียนมา แล้วพอทำได้ แต่มันต้องทำเป็นจริงๆ เพราะว่าเวลาเล่นเราจะได้ลืมพาร์ตนี้ไปเลย การแสดงทำอาหารมันจะไม่มีครับ มันจะกลายเป็นว่าเราทำอาหารระหว่างที่กำลังแสดงอยู่ ผมว่าตรงนี้ท้าทาย และทำให้รู้สึกว่าต้องลอง ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่า โชคดีมากที่ทั้งทีมงานและทีมโปรดักชั่นให้เวลาเตรียมตัวนาน เลยรู้สึกว่าได้ลองทั้งทำอาหารเต็มที่ ได้เวิร์กช็อปกับนักแสดง ทั้งออกแบบและพี่ปีเตอร์เต็มที่ เลยค่อนข้างพร้อมครับ”
กรรณมีพื้นฐานในการทำอาหารประมาณไหน
“เล็กน้อยครับ ง่ายๆ แบบข้าวกะเพรา ไข่ดาว แล้วพอไปเรียนเบสิกอาหารฝรั่ง มันคนละเรื่องเลย ดีเทลเยอะมาก”
ต้องเจอซีนทำครัวแบบไฟลุกหรือเปล่า
“ของผมจะเป็นความละเอียดอีกแบบหนึ่งครับ ไม่ได้เป็นความน่ากลัวเรื่องไฟ แต่เป็นเรื่องของการใช้มีด ที่ต้องดูเป็นโปรเฟสชั่นนอลจริงๆ เพราะเชฟที่คอยดูอยู่หลังมอนิเตอร์จะบอกได้ว่าเหมือนหรือไม่เหมือน เขาจะคอยบอก ‘กรรณต้องเอาใหม่ เพราะจับมีดไม่ได้เรื่องเลย’ แล้วมันก็มีจังหวะที่ต้องซอยและคุยไปด้วย”

ได้ร่วมงานกับออกแบบครั้งแรก ภาพที่คิดไว้กับเวลาเจอตัวจริงเป็นยังไง
“ออกแบบเล่นหนังมาเยอะ แล้วก็เล่นเรื่องเป้งๆ ทั้งนั้น เรารู้ว่าน้องเก่งและมีความโปรเฟสชั่นนัลประมาณนึง พอเจอตัวจริงน้องมีความตั้งใจและมีสมาธิที่ดี แน่วแน่และชัดเจนกับสิ่งที่ทำครับ ซึ่งหลายๆ อย่างเราต้องยอมรับว่ามันมีแฟ็กเตอร์ในการทำครัว ตัวละครออกแบบจะต้องทำผัดซีอิ๊วเป็น ต้องใช้เตาหน้าไฟซึ่งค่อนข้างแรง น้องทำได้ดีครับเพราะบางอย่างมันอันตรายจริงๆ การที่จะเปิดไฟแล้วให้ไฟลุกขึ้นหน้า ได้เห็นความกล้าและความตั้งใจ แต่เขาไม่ใช่คนซีเรียส มีความป้ำๆ เป๋อๆ (หัวเราะ) ซึ่งตอนทำงานด้วยก็จะพอเห็น อ้าว! ก็มีหนิ ซึ่งผมว่าปกติครับ แต่ว่าเวลาที่น้องตั้งใจ ตอนเราทำการแสดงกัน ทุกคนสมาธิดีมาก”
การแสดงเป็นแพสชั่นแต่แรกหรือเปล่า
“เป็นอะไรที่จับพลัดจับผลูแล้วผมก็ตกหลุมรักเลยครับ ครั้งแรกที่ได้เล่นเพราะรุ่นพี่เป็นผู้กำกับ แล้วเขาดึงมาเล่นเอ็มวี คือมันเริ่มจากตรงนั้นเลย แล้วก็ได้มีโอกาสเล่นอะไรมาเรื่อยๆ ทำไปทำมาก็รู้สึกว่าเราชอบและจริงจังกับมัน อยากให้ออกมาดีทุกๆ อันที่เราตัดสินใจจะทำ
“เมื่อก่อนเวลารับเล่นแต่ละเรื่อง ผมจะใช้ความรู้สึกที่ว่ามันน่าสนใจ หรือว่าผมมีอะไรจะออฟเฟอร์ หรือมีอะไรที่ผมสามารถคอนทริบิวต์ได้กับสิ่งนี้และตัวละครตัวนี้ อาจเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าผมกล้าที่จะเล่นจริงๆ ไม่ใช่ว่ารับเพราะต้องรับ มันจะมีความชอบส่วนตัวอยู่เสมอ ผมเชื่อว่างานส่วนมากมัน personal ครับ แต่ตอนนี้ผมโตขึ้นมาอีกนิดนึง ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมเรียนรู้คือเมื่อก่อนผมจะอยู่ในกรอบนิดนึงครับ อะไรที่รู้สึกว่าเล่นไม่ได้ ผมจะไม่กล้าแตะ ผมคิดเยอะด้วยมั้งครับ แต่พอถึงจุดนึงผมคิดว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ บางอย่างที่เรากลัว แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่างแหละ เราถึงกลัว เลยรู้สึกว่าพยายามจะก้าวข้ามความกลัวที่ว่าจะเฟลหรือเปล่า จะเล่นไม่ได้หรือเปล่า จะเล่นไม่ดีหรือเปล่า ผมเลยพยายามจะรับอะไรที่รู้สึกว่าท้าทายตัวเองด้วย แล้วก็ตอบโจทย์ในฐานะนักแสดงให้สามารถเติบโตไปในทิศทางที่ดี”

บทนี้ถือว่าท้าทายสำหรับกรรณใช่ไหม
“ท้าทายมากครับ ผมรู้สึกว่ามันมีทั้งสกิลในการที่ต้องเป็นเชฟ มีความเรียล บวกกับการแสดงที่ค่อนข้างเซนสิทีฟ มันมีความยากของมันอยู่ครับ ถ้าถามว่าคาดหวังอะไร ก็คาดหวังว่ามันจะออกมาดีครับ และคาดหวังว่าทุกคนที่ดูจะเห็นความตั้งใจครับ ดีไม่ดีอีกเรื่อง (หัวเราะ) แต่ว่าความตั้งใจและสิ่งที่ทำ เต็มที่แล้วครับ เต็มที่จริงๆ ผมเชื่อว่าทั้งออกแบบ พี่ปีเตอร์ พี่โดม ทุกคนตั้งใจมาก สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือพวกเราทำงานเป็นทีมเวิร์กมากครับ เหมือนคนในครัวคือต้องช่วยกัน มันมีจังหวะที่ช่วยเหลือกันตลอด เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าโดดเดี่ยวและกดดันครับ แรกๆ อาจะรู้สึกกดดันเพราะว่าไม่รู้จะเล่นยังไง จะเล่นดีไหม เขาจะโอเคไหม แต่ว่าหลังๆ คือมันพากันไปครับ”
คาแร็กเตอร์ไหนที่ใฝ่ฝันอยากเล่น
“ไม่ได้มีตายตัวครับ แต่ผมอยากเล่นอะไรที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวผมประมาณนึง คือผมจะไม่เรียกว่าผมโดน type-cast แต่จะมีสิ่งที่คนคิดว่าผมเล่นแล้วมันใกล้เคียงกับตัวจริงอยู่ ผมเลยอยากเล่นอะไรที่ค่อนข้างจะห่างออกไปจากตัวนิดนึง (เช่น?…) ไม่รู้ครับ บางอย่างที่ดิบเถื่อนกว่านี้มั้ง อะไรที่มันได้โชว์ด้านอื่นหรือมิติอื่นของมนุษย์มากกว่านี้ครับ ซึ่งผมว่ามันท้าทาย”

อะไรบ้างที่คุณได้รับจากวงการนี้
“มันสอนหลายอย่าง และทุกอย่างมีเวลาของมันครับ มันมาแล้วมันก็ไปครับ ในวันที่คุณรู้สึกว่าเก่งแล้ว สุดท้ายจะมีบางอย่างมาบอกว่าคุณไม่ได้เก่ง (หัวเราะ) หรือบางวันที่คุณคิดว่าไม่ค่อยดีแล้ว ก็จะมีวันที่คุณรู้สึกว่า อ้าว! มันก็ดีนี่ ผมว่ามัน full circle มากๆ สุดท้ายมันจะวนอยู่แค่นั้นเลย แล้วเราก็ต้องยอมรับ มันเหมือนชีวิตเลยครับ มันจะมีวันที่ดี และมีวันที่ไม่ดี”
เลยมีช่วงหนึ่งที่คุณหายไป…หรือเปล่า
“ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมหาย เพราะว่ามันไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาส ผมรู้สึกว่าผมแค่รอโอกาสที่ดี หรือว่าโอกาสที่ผมจะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งตอนนั้นผมอยากเล่นภาพยนตร์ที่เป็นภาพยนตร์จริงๆ แล้วช่วงนั้นก็ไม่ได้มีช้อยส์ให้เลือกเท่าตอนนี้ แล้วก็โควิดมาพอดี พอโควิดหมดปุ๊บผมจำได้ว่าตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกัน ผมจะขึ้นเลขสามแล้ว หรือว่าเราต้องไปทำอย่างอื่น (หัวเราะ) แต่โชคดีครับที่เรื่องนี้ติดต่อมา แล้วก็เป็นภาพยนตร์ที่อยากเล่น และท้าทายด้วยครับ”

ถามจริงๆ ว่าคิดยังไงกับสมญานาม ‘สามีแห่งชาติ’
“กลับมาคำถามนี้อีกแล้วเหรอครับ (หัวเราะ) ผมเคยโดนถามช่วงแรก คืออยู่ดีๆ ก็มีฉายานี้ขึ้นมา เอาจริงผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับ ผมทำตัวไม่ถูกครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่นามธรรมมากเลย มันพูดยาก จะให้รู้สึกดีก็รู้สึก ถ้าผมบอกว่าผมรู้สึกดีมากเลย ขอบคุณมาก ผมดูเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนหล่อไปเลยอีก แล้วถ้าผมตอบว่าไม่ใช่ ผมดูเป็นคนถ่อมตัวที่ดูไม่ดีอีก ผมเลยรู้สึกว่าถ้ารู้สึกจริงๆ ก็ขอบคุณจริงๆ…แต่ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันวนมาแล้วมันก็ไปครับ”
หมดคำถามละ กรรณอยากฝากอะไร
“ใครที่กำลังมองหาอะไรที่จะดู วันที่ 8 เมษานี้ อยากให้คนที่ชอบดูหนังได้สัมผัสหนังไทยที่ผมเชื่อว่าเป็นหนังไทยที่เกี่ยวกับอาหารซึ่งเราไม่ค่อยเห็นหรอกครับ หนังไทยและเป็นอาหารจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่เหมือนเป็นอาหารนิดๆ หน่อยๆ แต่เบสออนชีวิตคนทำอาหารที่อยู่ในครัวจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนจะได้ลิ้มรสหนังไทยที่คุณไม่เคยเจอ เรื่องนี้มีหลายอารมณ์ ค่อนข้างครบทุกรส ทั้งด้านชีวิตส่วนตัว การงาน ความรัก อยากให้ทุกคนเปิดใจดู ส่วนอันนี้ก็ฝากมาจากทุกคนว่า อย่าดูเวลาหิว เพราะว่ามันจะหิวครับ”
Photographer: Thanut Treamchanchuchai