หลังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การชมงานศิลปะระดับรางวัลแบบดิจิทัล 360 องศา เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ณ รีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา บริเวณ Forum ชั้น B1 จัดขึ้นโดย H&B ด้วยความร่วมมือกับ Exhibition Hub, Fever และ RWS


การวางแผนสร้างสรรค์นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2559 และตั้งแต่นั้นมา ประสบการณ์การชมงานศิลปะชุดนี้ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประสบการณ์สมจริงอันดับ 1 โดยมี Exhibition Hub โปรดิวเซอร์ด้านความบันเทิงระดับรางวัล และ Fever แพลตฟอร์มการค้นหาความบันเทิงชั้นนำอยู่เบื้องหลัง H&B บริษัทแอคทิเวชันและการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ซึ่งเคยนำนิทรรศการชุด Dale Chihuly: Glass in Bloom มาจัดแสดงที่สิงคโปร์ในช่วงที่สถานการณ์โควิดกำลังระบาด ได้ร่วมมือกับ Exhibition Hub, Fever รวมถึงรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม เพื่อนำเสนอนิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ในสิงคโปร์
ประสบการณ์ศิลปะแบบดิจิทัล 360 องศานี้จัดแสดงอยู่ภายในแกลเลอรีที่มีเอกลักษณ์ ภายในพื้นที่สุดกว้างขวางกว่า 17,000 ตารางฟุต พร้อมเชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมก้าวเข้าสู่ภาพร่าง ภาพเขียน และภาพวาดของวินเซนต์ แวนโก๊ะ กว่า 300 ชิ้น พร้อมดื่มด่ำไปกับโลกศิลปะและชีวิตของศิลปินระดับโลกผ่านการฉายภาพแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ที่จะปรากฏอยู่ทั่วทั้งห้อง จากพื้นถึงเพดาน และจากผนังด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง โดยหนึ่งในไฮไลต์คือพื้นที่ฉายภาพส่วนกลางที่กว้างขวางซึ่งจะมีการฉายภาพดิจิทัลอย่างโดดเด่นที่สุด เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถซึมซับความมหัศจรรย์ของหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลชาวดัตช์ที่เป็นที่รักมากที่สุดได้รอบตัวพวกเขาในทุกองศา


นิทรรศการครั้งนี้ยังมาพร้อมการเปิดตัวครั้งแรกของผลงาน 2 เซ็กเมนต์ที่ไม่เหมือนใคร โดยนับเป็นครั้งแรกในโลกที่นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience จะจัดแสดงรูปแบบศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นผ่านผลงานตราประทับและภาพพิมพ์แกะไม้ ศิลปะการแกะสลักไม้แบบญี่ปุ่นโบราณเริ่มมีชื่อเสียงในฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1880 ซึ่งในตอนนั้นแวนโก๊ะได้เล็งเห็นถึงอิทธิพลที่ศิลปะตะวันออกรูปแบบนี้มีต่อวงการศิลปะตะวันตก ความสนใจอย่างจริงจังเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของศิลปะญี่ปุ่นส่งอิทธิพลอย่างมากต่อสไตล์การทำงานด้านศิลปะของแวนโก๊ะ และทำให้เกิดผลงานชิ้นเอกอย่าง ‘Geisha’ ด้วย
และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง ในนิทรรศการยังมีการจัดแสดงพิธีชงชามัทฉะแท้ โดยผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของมัทฉะสดใหม่ได้ทันที ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่นิทรรศการ Van Gogh: The Immersive Experience จะนำประสบการณ์นี้มาสู่ผู้เข้าชม โดยโฟกัสไปที่การต้อนรับแบบญี่ปุ่นและรูปแบบการสร้างสรรค์ศิลปะในกระบวนการทำงาน

ประสบการณ์แบบเสมือนจริง (Virtual Reality: VR) ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์มอบมุมมองที่ไม่เหมือนใครในโลกของแวนโก๊ะ ประสบการณ์ VR แบบหลายประสาทสัมผัสซึ่งมีเฉพาะในนิทรรศการนี้ จะพาผู้ชมออกเดินทางไปใน ‘A Day in the Life of the Artist’ เป็นเวลา 10 นาทีในแบบที่ยากจะลืมเลือน พร้อมเผยแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานที่เป็นที่รักที่สุดของแวนโก๊ะอย่าง Vincent’s Bedroom at Arlesและ Starry Night Over The Rhone River
ในสตูดิโอวาดภาพ ผลงานของผู้เข้าชมยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง โดยสามารถเป็นศิลปินได้เองผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เหมือนใคร หรือจะสร้างชิ้นงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมากที่สุดจากนิทรรศการก็ได้ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสแกนผลงานแล้วแปลงเป็นภาพดิจิทัลขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายภาพสุดพิเศษได้เช่นกัน
หลังจากชมนิทรรศการและสัมผัสงานศิลปะรูปแบบต่างๆ แล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์เสริมแบบครบชุด ทั้งคาเฟ่มีธีมซึ่งนำเสนอขนมอบและขนมหวานที่หลากหลายของจานิส หว่อง รวมถึงสินค้าพิเศษจากนิทรรศการ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและโปรแกรมมากมายในร้านที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ชั้นเรียนโยคะไปจนถึงงานศิลปะ และอีกมากมาย

ใครแวะไปเที่ยวสิงคโปร์ควรลองหาโอกาสไปชมนิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม โดยจำหน่ายบัตรราคา 15 ดอลลาร์สิงคโปร์ (สำหรับเด็ก) และ 24 ดอลลาร์สิงคโปร์ (สำหรับผู้ใหญ่) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.vangoghexpo.com/singapore