Tuesday, May 30, 2023

ความคูลตามแบบฉบับ ออฟ-กัน

ออฟ-จุมพล และ กัน-อรรถพันธ์ สองนักแสดงหนุ่มสุดฮ็อตกับลุคเท่ที่มาพร้อมความคิวต์รับปีกระต่าย ในคอลเลกชั่นสุดฮิป The Year of Rabbit จาก MLB 

คงไม่ต้องอธิบายถึงเคมีที่ลงตัวทั้งในจอและนอกจอของคู่นักแสดงสุดฮ็อตอย่าง ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร และ กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์ สองนักแสดงจากค่าย GMMTV ที่ตกแฟนๆ หลายคนเข้าด้อมเบบี๋มายาวนาน 7 ปีแล้ว นับตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง Secret Love 2 ตอน Puppy Honey จนมาถึง ‘ทฤษฎีจีบเธอ’ และ ‘Not Me’ ที่ได้แสดงด้วยกัน   

ในโอกาสที่ทั้งสองมาถ่ายแฟชั่นเซ็ตกับแบรนด์แฟชั่นสตรีทสุดเท่อย่าง MLB โดยมีพร็อพน่ารักๆ เป็นกระต่ายเพื่อให้แมตช์กับคอลเลกชั่นสุดพิเศษ The Year of Rabbit “ผมไม่เคยถ่ายกับกระต่ายมาก่อนเลย” กันบอกพร้อมเสียงยืนยันจากออฟ เราจึงขอชวนทั้งคู่มาอัพเดตเรื่องราวในชีวิตสักเล็กน้อย ทั้งเรื่องเส้นทางการแสดง ความมีสไตล์ และเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จในเร็ววันนี้ 

-ตอนนี้มีผลงานอะไรกันอยู่บ้าง 

ออฟ: “ผมกำลังเรื่อง The Jungle ครับ ส่วนซีรีส์ Cooking Crush ที่จะกลับมาแสดงคู่กันน่าจะได้ถ่ายทำช่วงกลางปี” 

กัน: “ส่วนกัน ตอนนี้มี Home School และ Midnight Museum ที่กำลังถ่ายอยู่ครับ” 

-ถ้าให้ทั้งสองคนลองนึกย้อนกลับไปในช่วงที่ตัวเองเข้าวงการใหม่ อยากรู้ว่าความสุขของตัวเองในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันมากไหม

ออฟ: “น่าจะเป็นเรื่องของความคาดหวังมากกว่า คือตอนที่เรายังเด็กๆ ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเราเยอะ ความคาดหวังที่คนอื่นมีต่อเราก็ยังไม่เยอะ แต่พอโตขึ้นเราต้องพยายามรับผิดชอบทุกอย่างให้ดีขึ้น คนก็รู้จักและคาดหวังกับเรามากขึ้น”

กัน: “ของกันน่าจะเหมือนเดิมนะ เพราะเราชอบการแสดง ตอนนี้ยังได้แสดงอยู่ก็เป็นสิ่งที่เราชอบ อาจจะเหมือนปาปี๊เรื่องที่คนรู้จักเรา คาดหวังกับเรา แต่ความรู้สึกที่ได้ทำงานในวงการบันเทิงก็ยังเหมือนเดิม”

-ถ้านับตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง Secret Love 2 ตอน Puppy Honey จนมาถึง ‘ทฤษฎีจีบเธอ’ และ ‘Not Me’ ที่ได้แสดงด้วยกัน เวลาก็ผ่านมา 7 ปีแล้ว มีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายแล้วเรารู้สึกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี

กัน: “น่าจะเรื่องที่เติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่กันมากขึ้น คิดอะไรรอบคอบมากขึ้น”

ออฟ: “ก็ตามอายุด้วยแหละครับ รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ งานไหนจริงจัง งานไหนเล่นได้ เรารู้จังหวะกันมากขึ้น และสนิทกันมากขึ้นด้วย”

-แล้วความตื่นเต้นในการทำงานล่ะ ยังมีเหมือนเดิมไหม 

ออฟ: “มีอยู่ในทุกงานครับ มันเป็นสิ่งที่เหมือนเดิมซึ่งดีมากๆ ครับ เพราะถ้าเราหมดความตื่นเต้นเมื่อไหร่ งานนั้นจะไม่สนุก” 

-ในฐานะนักแสดง คิดว่าอะไรคือจุดแข็งของตัวเอง 

กัน: “อืม…กันไม่รู้ของตัวเองอะ”

ออฟ: “ผมพูดให้กันดีกว่า เขามีพรสวรรค์ทางด้านการแสดง เขาเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย ตัวเขาก็เก่งเองด้วย มันทำให้ทุกคนเชื่อหมดเลยว่าเขาเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เขาเป็นนักแสดงที่เก่ง ผมว่านี่เป็นจุดแข็งของเขาเลย”

กัน: “ส่วนปาปี๊ ความที่เขาไม่ได้เป็นนักแสดงมาตั้งแต่แรก แต่เขามีความพยายาม ท้าทายตัวเองตลอด เหมือนเขาข้ามผ่านกำแพงอะไรบางอย่างมาได้ เมื่อก่อนเขาอาจจะรู้สึกว่าทำไปทำไม มันไม่ใช่เขา จะตลกหรือเปล่า แต่วันนี้เขาทำได้ดีมาก”

-มีบทบาทไหนที่เคยแสดงแล้วทำให้เรารู้สึกเติบโตขึ้น หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจเรา

ออฟ: “สำหรับผมคือบทฌอห์นในเรื่อง Not Me ครับ พี่นุชชี่ผู้กำกับเป็นคนที่คอยเคี่ยวเข็ญผมด้วย เขาเป็นคนที่น่าจะรู้ว่าต้องการอะไรและถ่ายทอดออกมาได้ดีมากครับ ตัวผมเองก็ซึมซับจากการทำงานตรงนั้น อะไรที่ยังไม่ถูกใจเขา เขาจะอธิบายว่าต้องอย่างไร มันทำให้ผมได้พัฒนาตัวเองในด้านการแสดงเยอะมากๆ”

กัน: “สำหรับกัน เราเล่นมาหลายเรื่องมากเพราะแสดงมาตั้งแต่เด็ก มันเลยค่อยๆ พัฒนา กว่าจะผ่านมาแต่ละเรื่อง กันได้เจอผู้กำกับหลายคน ก็เหมือนเขาช่วยกันขัดเกลาเรามาเรื่อยๆ ครับ ทุกเรื่องที่ผ่านมาก็ชอบหมด เพราะทุกเรื่องที่แสดงก็คือเราได้เลือกแล้ว” 

-ในฐานะนักแสดง มีบทอะไรที่ท้าทายหรืออยากลองอีกบ้าง 

ออฟ: “ผมอยากเล่นเป็นสายสืบ อยากเท่ๆ นิ่งๆ บ้าง ใส่สูทแบบบอนด์บ้าง”

กัน: “ตั้งแต่เข้า GMM ก็ได้เล่นอะไรหลากหลายมากขึ้น ความท้าทายจากบทเหรอ คิดไม่ออกเลยว่าต้องเป็นบทอะไร เพราะคอเมดี้ก็เล่นมาแล้ว ฝาแฝดก็เล่นแล้ว ตอนนี้ถ้าอะไรเข้ามาและน่าสนใจก็จะทำครับ” 

-ถ้าให้รีวิวเส้นทางการเป็นนักแสดงที่ผ่านมาของตัวเอง

ออฟ: “ผมว่ามันยากนะเพราะเรามาจากสายพิธีกร มันอาจติดอะไรบางอย่างไปใช้ในการแสดง อย่างเวลาที่ใครพูดกับเรา แล้วเราติดพยักหน้า ซึ่งไม่ควรทำในการแสดง ก็ต้องปรับตัวเยอะ เพราะผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจแต่แรกว่าจะมาเป็นนักแสดง มันเลยยากมากๆ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย ส่วนตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ ผมพยายามพัฒนาตัวเองตลอด ไม่อยากอยู่นิ่งๆ” 

กัน: “ของกันก็มีความยากนะ สมัยก่อนเราต้องวิ่งแคสต์งาน บางครั้งก็ไม่ได้ แล้วก็เคยเป็นเอ็กซ์ตร้าเดินผ่านกล้องเฉยๆ กว่าจะมาถึงวันนี้มันค่อยสร้างมาเรื่อยๆ” 

-คุยเรื่องแฟชั่นกันบ้าง เนื่องจากเป็นคนที่ขึ้นชื่อการแต่งตัว และเซนส์เรื่องนี้มากๆ เลยอยากรู้ว่าแฟชั่นคืออะไรในมุมมองของทั้งสองคน 

กัน: “อธิบายไม่ถูกเหมือนกันครับ รู้แค่ว่ากันชอบแต่งตัว ชอบเลือก ชอบหาอะไรที่เข้ากับตัวเอง อะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลอง อะไรที่ใส่แล้วเรามั่นใจ มันป็นเรื่องของความชอบน่ะครับ”  

ออฟ: “ผมก็เหมือนกัน คือชุดที่เราใส่ทุกวันนี้เหมือนชุดทำงานของเรา ครูก็มียูนิฟอร์ม พยาบาลก็มียูนิฟอร์ม แต่เราเป็นศิลปิน เราอาจจะไม่ได้มีรูปแบบชุดที่ตายตัว ก็พยายามหาสิ่งที่ตัวเองใส่แล้วดูดี และสรรหาสิ่งที่ชอบ คือเราต้องแต่งตัวทุกวัน การแต่งตัวสามารถบ่งบอกบุคลิก เราไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดี ก็พยายามแต่งตัวให้ดีและเหมาะกับตัวเรามากที่สุด”

กัน: “กันจะคิดว่าจะแต่งอะไรเวลาต้องออกจากบ้าน ชอบลองก่อนตอนกลางคืน เพราะกลัวตอนเช้าคิดไม่ออก แล้วก็ชอบลองเสื้อผ้าเล่น ยิ่งเวลาได้อะไรใหม่ๆ มา” 

-ทั้งสองคนมีสไตล์ที่ตายตัวไหม

กัน: “ไม่เลยครับ กันเปลี่ยนไปเรื่อย”

ออฟ: “ก่อนหน้านี้กันจะฮิตเสื้อตัวใหญ่ ตอนนี้ก็พอดีตัวแล้ว ส่วนของออฟเมื่อก่อนอาจจะเห็นใส่เสื้อฮาวาย แต่เดี๋ยวนี้อาจจะไม่ได้มากเท่าเดิมแล้ว คือชอบนะ ยังซื้อสะสมอยู่ แต่อาจจะไม่ได้หยิบเอามาใส่บ่อยเท่าเดิม”

-มีใครเป็นสไตล์ไอคอนสำหรับเราไหม

ออฟ: “ส่วนใหญ่เป็นศิลปินต่างประเทศมากกว่าครับ อย่างแฮร์รี สไตล์, เคนดัล เจนเนอร์ ดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจครับ อาจจะไม่ได้ดูว่าเขาใส่ไอเท็มอะไร แต่ดูว่าเขาใส่แบรนด์อะไร” 

-มีเทรนด์อะไรที่อยากให้อีกฝ่ายได้ลอง

ออฟ: “ผมว่าเราสองคนลองมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเสื้อตัวใหญ่ เสื้อตัวเล็ก หมวกแบบนั้นแบบนี้ หน้ากากก็ซื้อ แอ็กเซสเซอรี่ล้ำๆ ก็มี” 

กัน: “ถ้าเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เสื้อผ้าเหรอ? ทรงผมมันเปลี่ยนยาก คงต้องไปปลูกผมก่อน (หัวเราะ)”

ออฟ: “ผมอยากเห็นกันลองทำผมหยิกทั้งหัว อาจจะทำให้ซอฟต์ขึ้นอีก”

กัน: “อะเดี๋ยวลองไปดัดหยิก แต่กลัวผมมันจะร่นขึ้นไปนะ ส่วนปาปี๊น่าจะลองเปลี่ยนหุ่นนะ จะได้เซ็กซี่มากขึ้น”

ออฟ: “ผมพยายามบิวด์อยู่ครับ พูดมาเป็นปีๆ แล้ว ไม่ได้สักที” 

-จนถึงวันนี้ ภูมิใจในอะไรที่สุดคะ

ออฟ: “ภูมิใจที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ครับ ภูมิใจมากเลยที่เราไม่ทำให้คนอื่นลำบาก ไม่ได้เป็นภาระของใคร และไม่ได้เบียดเบียนคนอื่นด้วย” 

กัน: “เหมือนกันครับ แล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่าวันหนึ่งเราจะมาได้ถึงขนาดนี้ เราสามารถดูแลน้องได้ ภูมิใจมากครับ มีแค่ตัวเราเองที่เป็นภาระให้กับตัวเอง (หัวเราะ) เพราะมีสิ่งที่อยากได้เยอะมาก” 

-เราจะกำจัดกิเลสนี้ได้ไหม

ออฟ: “กำจัดได้ด้วยการซื้อเลยครับ จะได้บรรเทา (หัวเราะ)” 

-มีแนวคิดในการใช้ชีวิตอย่างไร 

ออฟ: “ไม่ได้มีแนวคิดอะไรครับ แต่เป็นคนวางแผนการใช้ชีวิตพอสมควร จะดูว่ามีเป้าหมายอะไรและพยายามไปให้ถึง แค่สัก 50 เปอร์เซ็นต์ผมก็พอใจมากแล้วครับ”

กัน: “ส่วนกันไม่ค่อยได้วางแผน เป็นคนใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ”

ออฟ: “สำหรับกัน ผมบอกได้เลย คือใช้ชีวิตให้มีความสุข เขาไม่เอาเรื่องเครียดมาใส่หัวเลย”

-ถ้าไม่นับเรื่องงาน มีอะไรดีๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงที่ผ่านมาบ้าง

ออฟ: “ผมมีที่แล้วครับทุกคน ปีหน้าคือเตรียมสร้างบ้าน”

กัน: “อุ๊ย กันไม่มีอะ ปีที่แล้วกันก็ทำแต่งาน”

ออฟ: “รถตู้ไง”

กัน: “ก็ได้เพราะงานอะ” 

-สิ่งที่จะพยายามรักษาไว้สุดชีวิต

ออฟ: “ครอบครัวครับ มันไม่มีอะไรแทนได้ แล้วผมเป็นคนเซนสิทีฟกับเรื่องครอบครัวมากๆ”

กัน: “ผมก็เหมือนกัน”

-ความคูลที่มองเห็นในตัวอีกคน

ออฟ: “สำหรับกัน ก็คือความเป็นตัวเขานี่แหละ เขาดูแลตัวเองดี แต่งตัวดี ดูดีตลอดเวลา”

กัน: “(ส่ายหัว) กันง้องแง้งอ่ะ กันไม่รู้ว่ากันคูลไหม แต่ถ้าปาปี๊ คูลมาก เขามีมาด เขามีความเท่”

ออฟ: “ก็ชื่อบริษัทผมยังใช้ชื่อว่า คนคิดคูล เลยอะครับ (หน้าตาภูมิใจ)…คือจริงๆ ผมอาจจะเคยซ่ามาก่อน มีประสบการณ์ชีวิตเยอะ เวลาคุยกับรุ่นน้องๆ พวกเขาค่อนข้างจะเชื่อฟังผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือความคูลหรือเปล่านะ”

-สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จในปีนี้

ออฟ: “ลงเสาเอกครับ”

กัน: “หักห้ามใจให้ได้มากขึ้น เคยให้สัมภาษณ์ปีที่แล้วว่าอยากเก็บตังค์ ปีนี้ขอเปลี่ยนเป็นหักห้ามใจไม่ให้ซื้อของดีกว่า” 

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam

Writer: Pimpilai Boonjong

Makeup: Jeera Jareonthamasuk (luckysevenb)

Hair: Kampanat Wongsalung

Stylist Assistants: Tisakorn Gunchornnok, Thanawat Nitithanaiyaphong

Photographer Assistants: Supasit Sooksawat, Patcharapol Ketsuwanvatana






Other Articles