


ปี 2022 เหล่าทไวไลท์และแฟนๆ ของ 3 หนุ่ม TRINITY “เติร์ด-ลภัส, ปอร์เช่-ศิวกร, แจ๊คกี้-จักริน” ศิลปินในสังกัด 4NOLOGUE คงเต็มอิ่มกับผลงานที่ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจาก 1ST FULL ALBUM – EP.01 BREATH ถูกปล่อยจนครบแล้ว ล่าสุดพวกเขาก็กลับมากับ EP.02 DESIRE พร้อมซิงเกิลใหม่ Champagne Poppin ซึ่งเป็นเพลงสากลเพลงแรกของวงในจังหวะสับๆ เต้นยับ เพราะเหตุนี้ ลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ จึงขอชวนสามหนุ่มมาพูดคุยอัพเดทผลงานใหม่กันสักหน่อย

-ถ้าพูดถึงโมเมนต์กับวง Trinity ที่ชอบที่สุดในปี 2022
ปอร์เช่: “น่าจะเป็นการที่ได้ทำงานร่วมกันเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีอะไรขาดหายไปครับ ด้วยสถานการณ์ที่ดีขึ้นแล้ว ทำให้ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น พอได้ปล่อยเพลง Champagne Poppin ออกมา ก็ยิ่งที่ทำให้อยากสถาการณ์กลับมาเป็นปกติที่สุด จะได้จัดคอนเสิร์ตจริงๆ ได้สักที”
แจ๊คกี้: “ผมชอบความโฟลว์ของปีนี้นะ มันดีกว่าสองปีก่อนที่ทำอะไรแทบไม่ได้เลย”
เติร์ด: “ปีนี้รู้สึกว่าเราทำทุกอย่างออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมั้ง ทุกอย่างมันต่อเนื่อง ผมเจอคนในวงได้นานขึ้นหลายชั่วโมง มากกว่าเวลาที่ผมได้นอนบนเตียงอีกครับ”
ปอร์เช่: “นี่ดีใช่ไหม”
เติร์ด: “ดีนะ เพราะถ้าว่างก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร”
-ล่าสุด ทั้งสามคนได้ปล่อย EP 02 ออกมาแล้ว อยากให้ช่วยเล่าคอนเซ็ปต์ให้ฟังหน่อย
ปอร์เช่: “มันเป็นส่วนหนึ่งของ First Full Album ของเราครับ ก่อนหน้านี้เป็น EP.01 ในคอนเซ็ปต์ BREATH ส่วน EP.02 มาในคอนเซ็ปต์ DESIRE หรือความต้องการ เปิดมาด้วยเพลงแรกชื่อ Champagne Poppin มันคล้ายๆ กับเป็นการเฉลิมฉลอง เป็นเพลงแนวปาร์ตี้มากๆ”
-ในเพลง Champagne Poppin ทั้งสามคนได้มีส่วนร่วมอย่างมากเลย ตั้งแต่เนื้อร้อง วิธีการร้อง ไปจนถึงเอ็มวี
เติร์ด: “จริงๆ เราเริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มทำอัลบัมเลย เราตั้งใจว่าเราจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการทำเพลงให้มากที่สุด”
ปอร์เช่: “แต่จริงๆ เราก็เป็นจุดเล็กๆ ในการทำงานนี้ ยังมีทีมงานเก่งๆ อีกมากมายที่มาช่วยให้มันออกมาอย่างที่ตั้งใจ”
แจ๊คกี้: “ส่วนใหญ่ เราจะแชร์ไอเดียของเรากับทีมงาน”


-เพลง Champagne Poppin ตั้งใจจะสื่ออะไร
ปอร์เช่: “เราได้เดโมเพลงนี้มา ซึ่งมันมีคำว่า Champagne Poppin อยู่แล้ว เราก็มาคิดกันว่าจะขยายมันยังไง มีอะไรที่สื่อถึง Champagne Poppin ได้บ้าง ก็นึกถึงว่าเราดื่มแชมเปญตอนเฉลิมฉลอง แต่ตอนที่แต่งเพลงนี้ออกมามันมีแสลงเยอะมากๆ ผมคงอธิบายความหมายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะมันมีสองความหมาย อยากให้ทุกคนได้ลองตีความเอง”
ลอฟฟีเซียล: งั้นขอแค่ความหมายแรกได้ไหม
ปอร์เช่: “จะให้ผมเฉลยเหรอ งั้นเอางี้แล้วกัน ประโยคหลักของเพลงนี้คือ ‘Poppin’ bottle, Poppin’ bottle, Everybody pop it, if you came from the bottom.’ คือคำว่า bottom ไม่ได้หมายความแค่ว่าจากด้านล่างอย่างเดียว ทุกคนต้องเริ่มต้นจากที่ไหนสักที่หนึ่ง เช่น เราเริ่มจากจุดนี้แล้วเดินทางมา ถ้าคุณเดินทางมาตั้งแต่แรกกับพวกเรา เรามาฉลองให้กับการเดินทางของเรากันดีกว่า”
ลอฟฟีเซียล: เคยเห็นที่หลายๆ คนแปลกันไหม
เติร์ด: “จริงๆ มันก็ได้ประมาณหนึ่ง ผมว่าเพลงมันมีได้หลายความหมาย หลายมุมมอง”
ปอร์เช่: “ผมเดาว่าทุกคนจะแปลออกมาไม่เหมือนกัน อยู่ที่ฟังแล้วว่าจะรู้สึกอย่างไร แล้วแปลออกมา”


-แล้วทั้งสามคนตีความเหมือนกันไหม
ปอร์เช่: “ผมว่าเหมือน ผมแต่งแล้วส่งให้เพื่อนๆ ให้ทุกคนเลือกกันเองว่าเหมาะกับท่อนไหน อย่างท่อนบริดจ์ผมนึกถึงเสียงแจ๊คกี้คนแรกเลย แล้วแจ๊คกี้เป็นคนดีไซน์การร้องเอง ร้องแบบบางๆ ลอยๆ มันเพิ่มความกวนอะไรบางอย่าง”
-คิดว่าเพลงนี้สื่อถึงการเติบโตของ Trinity อย่างไร
แจ๊คกี้: “ผมว่าหลักๆ มันคือการปลดปล่อยความเป็นตัวเอง เราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอายอะไร หรือไม่ต้องแคร์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้ว แค่สนุกแล้วเต็มที่กับมันจริงๆ”
ปอร์เช่: “อย่างคนฟังถ้าฟังแล้วอยากโยกก็เอาเลย ไม่ต้องแคร์ใคร”


-ได้เพอร์ฟอร์มเพลงนี้กันไปแล้วด้วย เป็นไงบ้าง
ปอร์เช่: “เอาจริงๆ แค่ร้องก็เหนื่อยแล้ว เพราะมันใช้พลังข้างในเยอะมาก มันใช้อารมณ์จากข้างใน บวกกับท่าเต้นที่มันเชียร์อัพด้วย”
เติร์ด: “ท่าเต้นมันเหมือนเรากระโดดทั้งเพลงเลย”
ปอร์เช่: “แทบตายเลยครับ ท่าเต้นเพลงนี้”
-มีท่อนไหนที่ยากเป็นพิเศษไหม
เติร์ด: “ถ้าเป็นเรื่องการเต้น ผมว่ามันยากทั้งเพลง มันไม่ใช่เพราะท่านะ แต่มันต้องโฮลด์พลังให้อยู่ เราไม่สามารถเต้นแบบอัดแรงๆ ตั้งแต่แรกได้เพราะไม่งั้นจะหมดพลัง ต้องบาลานซ์ให้ดี แล้วมันก็เป็นสไตล์ใหม่ด้วย เราอาจจะยังไม่ค่อยชิน ส่วนการร้อง มันมีท่อนที่เป็นการใช้เสียงที่เราไม่เคยใช้ อย่างผมต้องร้องให้มีความกวนซึ่งผมเป็นคนไม่กวน”



-เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องภาษาอังกฤษทั้งเพลงเป็นเพลงแรก มีความลังเลอะไรไหมตอนที่จะทำเป็นภาษาอังกฤษ
เติร์ด: “เรารู้สึกตั้งแต่แรกที่ได้ยินทำนองเพลงแล้วว่ามันเข้ากับภาษาอังกฤษ เราก็เลยเลือกที่จะให้มันเป็นภาษาอังกฤษ แค่นั้นเลยครับ”
ปอร์เช่: “จริงๆ เราก็ใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเพลงของเรามาตั้งแต่แรก แค่มองว่ามันเข้ากับฟีลลิ่งที่เราอยากจะสื่อสารไหม”
แจ๊คกี้: “TRINITY เหมือนการทดลองอ่ะครับ เราทดลองหาสิ่งที่แปลกใหม่ไปเรื่อยๆ มันท้าทายตัวเอง”
ปอร์เช่: “เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ แล้วเราก็อยากส่งสิ่งนั้นออกไป แล้วมันไม่จำเป็นต้องฟังออกแต่ก็สามารถสนุกไปกับเสียงเพลง มันก็ได้เหมือนกัน”
เติร์ด: “แค่เอ็นจอยก็พอ เพราะตอนที่เราทำเพลง เราก็เอ็นจอยกันมาก”
-เห็นในเอ็มวีมีอุกกาบาตด้วย มันสื่อถึงอะไร
ปอร์เช่: “มันเหมือนกับว่าถ้าเป็นวันสุดท้ายของเรา เราไม่มานั่งเศร้าหรอก แต่เราจะใช้ชีวิตให้สนุกจนวินาทีสุดท้าย”
แจ๊คกี้: “มันก็เหมือนการตั้งคำถามด้วย วันสิ้นโลกคุณจะทำอะไร
-ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ จะทำอะไร
ปอร์เช่: “นอนครับ”
เติร์ด: “อยู่กับครอบครัว”
แจ๊คกี้: “ผมก็จะอยู่บ้านกับครอบครัว แล้วก็จะนัดที่เติร์ดพี่เช่มาฉลอง”
ลอฟฟีเซียล: วันสุดท้ายแล้ว ก็ยังอยากเจอกันเหรอ
แจ๊คกี้: “ผมต้องพาพี่เช่ออกมาฉลองให้ได้ เพราะมันจะหมดโควต้า เดี๋ยวมันจะไม่มีแล้ว”
-ขอคนละหนึ่งคำสำหรับเพลงนี้ได้ไหม
ปอร์เช่: “TRNINITY ครับ”
เติร์ด: “Free ครับ”
แจ๊คกี้: “ปลดปล่อย..ผมชอบมากเลยนะคำนี้”
ปอร์เช่: “มันปลดปล่อยจริงครับ ทั้งวิธีการร้อง วิธีการเต้น”
-ความฝันหรือเป้าหมายที่อยากให้เป็นจริงในเร็วๆ นี้
แจ๊คกี้: “ผมไม่ค่อยฝันเท่าไหร่”
ปอร์เช่: “เพราะไม่ค่อยได้นอน”
เติร์ด: “ส่วนใหญ่จะหลับลึก เพราะเหนื่อย”
แจ๊คกี้: “ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องก้าวต่อไปของ TRINITY อยากให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”
ปอร์เช่: “รับรองว่ามีอะไรให้ติดตามแน่นอนครับ”

Photographer: Thanut Treamchanchuchai
Stylist: Piphacha Vonpiankul
Writer: Pimpilai Boonjong