ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักของคู่รักนักแสดง คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส และหมาก-ปริญ สุภารัตน์ ในแฟชั่นเซ็ตจิวเวลรี่เรียบเท่ ทว่าหรูหรา หลากคอลเลกชั่นล่าสุดจาก Cartier สื่อถึงนิยามความรักร่วมสมัยที่ทั้งอิสระ สง่างาม และเป็นนิรันดร์

Kimberley: สร้อยคอโรสโกลด์ สร้อยคอโรสโกลด์ประดับเพชร สร้อยข้อมือโรสโกลด์ แหวนโรสโกลด์ และแหวนโรสโกลด์ประดับเพชร คอลเลกชั่น Clash de Cartier ทั้งหมดจาก CARTIER
ถ้าพูดถึงคู่ฮ็อตของวงการบันเทิงที่ไม่ใช่คู่จิ้นแต่เป็นคู่จริง เราขอยกให้คู่รัก หมาก-คิม เป็นที่คู่ที่ทุกคนกำลังกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในยามนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่มีภาพสุดโรแมนติกที่ฝ่ายชายขอฝ่ายหญิงแต่งงานที่รีสอร์ตสุดหรูในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และความพิเศษของฉบับเดือนกรกฎาคมนี้ก็คือเราได้ทั้งสองมาถ่ายแบบด้วยกันเป็นครั้งแรกหลังกลับจากทริปสวิตเซอร์แลนด์ แน่นอนว่าการจะหาคิวที่ทั้งคู่ว่างตรงกันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นได้! “วันนี้สนุกมากเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่คิมกับพี่หมากได้เป็นแบบให้เครื่องประดับคาร์เทียร์ด้วยกัน” คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส นางเอกสาวสวยบอกกับเรา ใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะยังเป็นสิ่งที่ทำให้เราชอบในตัวเธอเสมอ
“จริงๆ ชอบคอนเซ็ปต์สองปกคู่กันทั้งในลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ และลอฟฟีเซียล ออมส์ เลยยิ่งรู้สึกว่าพิเศษ คิมชอบทั้งสองปกเลย แล้วเครื่องประดับที่นำมาก็เป็นแบบ everyday look ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายด้วย” (อย่าง Crash de Cartier ที่ถ่ายวันนี้ล่ะ?) “คิมชอบคอนเซ็ปต์เหมือนรวมสองด้านที่แตกต่างเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งความ elegant ในวันที่ต้องแต่งตัวออกงาน หรือวันไหนที่เราอยากจะดูเท่ใส่สูท ก็ใส่คอลเลกชั่นนี้ได้เหมือนกัน หวังว่าแฟนๆ จะชอบแฟชั่นเซ็ตนี้นะคะ”


-ในฐานะที่เป็น Friend of Cartier และทำงานร่วมกันมาหลายปี คิมมีความผูกพันกับแบรนด์ลักชัวรี่ฝรั่งเศสนี้อย่างไร
“ตั้งแต่จำความได้ คิมรู้จักแบรนด์คาร์เทียร์แรกๆ เพราะคุณพ่อคิมชอบคาร์เทียร์มาก ทั้งแว่น กระเป๋าสตางค์ ไฟแช็ก คุณพ่อจะใช้หลายอย่างที่เป็นคาร์เทียร์ แล้วยังเคยซื้อสร้อยปองแตร์ให้คิมด้วย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันมีค่าและมีความหมายกับเรามาก เราได้สร้อยคาร์เทียร์เลยนะ แต่ด้วยความที่เรายังเด็ก เราก็ทำหายไปตอนไหนไม่รู้ เสียดายมากๆ แต่นอกจากความทรงจำพิเศษในวัยเด็กแล้ว คิมยังชอบคาร์เทียร์ตรงดีไซน์ คิมไม่ได้เป็นคนแต่งตัวจัดจ้านอะไร ก็เลยชอบจิวเวลรี่ที่มัน timeless ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ยังคงความหรูหรา และใส่ได้ในชีวิตจริง”
-โดยส่วนตัวแล้ว เครื่องประดับที่ใส่ต้องมีความหมายไหม
“ความหมายเหรอ? จริงๆ ก็แล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่ชุดในแต่ละวันเลยค่ะ ปกติที่ใส่ติดตัวตลอดก็คือกำไล Love กับ Juste Un Clou แล้วก็มีแหวน Juste Un Clou ของคาร์เทียร์ที่พี่หมากซื้อให้คิมตอนครบรอบ 7 ปีที่เราคบกัน แต่ตอนนี้ก็เพิ่มแหวนหมั้นเข้ามาด้วย (หัวเราะ)”
-จากที่อยู่ในวงการมา ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ลักชัวรี่ต่างๆ คิมนิยามความลักชัวรี่อย่างไร
“คิดว่ามันคือความน้อยแต่มาก ความไร้กาลเวลา เราไม่ต้องพยายามมากจนเกินไป แต่เราก็ดูลักชัวรี่ได้”

-ขอถามถึงโมเมนต์สำคัญบ้าง เรารู้สึกมาก่อนไหมว่าจะถูกขอแต่งงาน
“ไม่ได้คิดอะไรเลยกับทริปนี้ อาจจะเป็นเพราะความที่ไม่ได้อยากคาดหวังของเราด้วยมั้งคะ เพราะเราทั้งคู่ทำงานหนักมาก ปีนี้ก็เลยคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะขอเราแต่งงาน แต่เพื่อนๆ พูดกันหมดเลยว่าเขาต้องขอแน่ๆ แต่ช่วงสองวันสุดท้าย เสื้อผ้าเราที่สวยๆ ก็ใส่ใกล้จะหมดแล้ว และไม่แต่งหน้าทำผมด้วย (หัวเราะ) เราเซนส์ได้นิดๆ ว่าเขาแปลกๆ ที่เร่งเราให้แต่งตัวเพราะเขานัดเพื่อนไว้และเราก็เลทแล้ว”
-เคยมโนถึงการขอแต่งงานในฝันไว้ไหม
“ภาพในฝันเหรอคะ คือถ้าพูดถึงพี่หมาก เราจับทางเขาไม่ถูกอยู่แล้ว (หัวเราะ) เพราะเขาผู้ช้ายผู้ชาย เราก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ถ้าเขาจะขอจริงๆ เขาก็คงไม่ทำอะไรมากเพราะถ้าทำมันจะโป๊ะ”
-พออยู่ในสถานะ fiancée ความสัมพันธ์ต่างไปจากเดิมไหม
“ถ้าในแง่ความรู้สึก มันก็ไม่ได้ต่างค่ะ แต่แค่รู้สึกได้ว่ามั่นคงขึ้น การจะตัดสินใจอะไรด้วยกันก็ชัดเจนขึ้น ทำอะไรก็สบายใจขึ้น ในแง่ของความรักก็เหมือนเดิม”
-ไม่โรแมนติกกว่าเดิมเลยเหรอ
“เอาจริงๆ ตั้งแต่กลับมาจากทริป เราไม่มีจังหวะโรแมนติกเลย (หัวเราะ) ทำงานทุกวัน แทบไม่เจอหน้าเลย แค่เป็นห่วงเขามากกว่าค่ะ เพราะทำงานหนักกันทั้งคู่”
-อยากรู้ว่าคิมเรียนรู้อะไรจากการมีความรัก
“คิมได้รู้ว่ามันไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ไปหมดทุกอย่าง ไม่มีทางที่ใครจะเป็นไปตามที่เราคาดหวังทุกอย่าง แต่มันจะมีคนที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับเราที่สุด แล้วก็ต้องใจเย็น เวลาทำอะไรก็จะนึกถึงเขา อย่างเวลาที่เราได้กินของอร่อย เราจะนึกถึงเขาเป็นคนแรกเลยว่าอยากให้เขาได้กินด้วย”
-ถ้าเปรียบความรักของคิมกับหมากป็นหนังหรือเพลง
“หนังน่าจะยากหน่อย เพราะเราไม่ได้ใช้ชีวิตแบบในหนัง (หัวเราะ) แต่ชอบหนังที่โรแมนติกและดูได้บ่อยๆ แบบ The Notebook, About TIme แต่ถ้าเป็นเพลง นึกถึงเพลง All of Me ของ John Legends เพราะเป็นเพลงที่ออกมาตอนที่เราเริ่มคบกัน”


คอลเลกชั่น Juste Un Clou นาฬิกาโรสโกลด์ รุ่น Baignoire Allongee ทั้งหมดจาก CARTIER แจ๊กเก็ตสูท
และกางเกงทักซิโก้ผ้าซิลค์ซาตินสีขาว ทั้งหมดจาก VELA DE
-ตลอดชีวิตที่ผ่านมา มีช่วงไหนที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตบ้างไหม
“ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างมากเลยก็คือตอนที่สูญเสียคุณพ่อค่ะ เพราะมันทำให้เรากลายเป็นหัวหน้าครอบครัวและต้องเข้มแข็งที่สุด ตอนนั้นอายุประมาณ 24 คิมมีพี่น้องสี่คน เป็นช่วงที่เราทุกคนใจพังกันหมดเลย มันทำให้เราคิดว่าไม่ได้แล้ว เราต้องเข้มแข็ง แล้วสิ่งที่ได้คิดตอนนั้นก็คือ ต่อให้เราทำงานให้ตาย แต่ถ้าเราไม่มีเวลา ไม่หาวันหยุดเพื่อใช้กับคนที่เรารัก มันก็ไร้ประโยชน์ มันทำให้เราเรียนรู้ว่างานก็คืองาน แต่ถ้าวันที่เราพัก เราก็จะพักจริงๆ เพราะเมื่อก่อนเราทำงานทุกวันเลยค่ะ ชีวิตมันไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย เพราะฉะนั้นทำทุกวันให้ดีที่สุด นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่มากเลยสำหรับตัวคิม”
-มีช่วงเวลาไหนในชีวิตที่เราอยากย้อนกลับไปนึกถึงหรือแก้ไขมัน
“น่าจะเป็นช่วงที่คุณพ่อเสียนี่แหละค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อยากใช้เวลากับคุณพ่อให้นานกว่านี้ แต่เราก็ไม่ได้ regret นะคะ เพราะอะไรมันจะเกิดมันก็เกิด มันเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ถ้าย้อนเวลาได้ก็คืออยากย้อนไปเจอพ่ออีกครั้ง”
-พูดถึงเรื่องงานในวงการบ้าง จะมีผลงานอะไรให้เราติดตามในปีนี้
“มีเรื่องหมอหลวงค่ะ เป็นภาคก่อนเรื่องทองเอก เรียกว่าภาค 0.1 ก็ได้ (หัวเราะ) เรื่องจะเกิดขึ้นในยุครัชกาลที่สาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมอ และมีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก และอีกเรื่องก็เกี่ยวกับหมอเหมือนกัน แต่เป็นสมัยปัจจุบัน ชื่อเรื่องสืบลับหมอระบาด ได้แสดงคู่กับพี่ณเดชน์ค่ะ”


แจ๊กเก็ตทักซิโด้ และเดรสยาวตกแต่งดีเทลคัตเอาต์ ทั้งหมดจาก VELA DE
ขวา: สร้อยคอและแหวนไวท์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ โรสโกลด์ ตุ้มหูและแหวนไวท์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ โรสโกลด์ประดับเพชร คอลเลกชั่น Trinity กำไลข้อมือเยลโลว์โกลด์ และกำไลข้อมือโรสโกลด์ประดับเพชร คอลเลกชั่น Juste un Clou กำไลข้อมือเยลโลว์โกลด์ คอลเลกชั่น Love ทั้งหมดจาก CARTIER
-ตั้งแต่เป็นนักแสดง มีบทบาทไหนที่เปิดมุมมองหรือทำให้เราก้าวข้ามอะไรบางอย่างในตัวเอง
“มันท้าทายทุกเรื่องเลยค่ะ แล้วแต่ละเรื่องก็ไม่เคยเหมือนเดิมเลย ทุกครั้งเวลาเปิดกล้อง คิมจะรู้สึกโคตรตื่นเต้นทุกครั้ง มันไม่เคยเป็นความชาชินเลยนะ เพราะทีมงานใหม่ๆ ทำให้เราเหมือนได้เข้าโรงเรียนใหม่ และวิธีการทำงานก็ไม่เหมือนกัน”
-ตลอดสิบปีที่ทำงานมา เราได้เรียนรู้อะไรจากวงการนี้บ้าง
“เราได้เรื่องวินัยค่ะ แล้วก็ได้ second home ได้รู้จักผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เอ็นดูเราและมีบุญคุณกับเรามากๆ คิมเรียนรู้ว่าไม่มีใครเป็นอย่างที่เราต้องการได้ทุกอย่าง เราเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกที่ที่เราไปทำงานด้วย มันสอนให้เราเป็นเหมือนดินน้ำมันที่จะให้ใครปั้นเราก็ได้ แล้วก็การเข้ากับคนได้ง่ายขึ้น และได้เห็นมนุษย์ในหลายเวอร์ชั่นด้วย”
-ถ้าไม่นับคนในครอบครัว มีใครเป็นแรงบันดาลใจให้คิมบ้าง
“แล้วพี่หมากถือเป็นคนในครอบครัวไหมคะ (หัวเราะ) คือเขาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากทำดีในทุกๆ วันเท่าที่เราจะทำได้ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากจะเติบโตไปพร้อมเขาและแก่ไปพร้อมกัน และสร้างอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน”

Photographer: Ponpisut Pejaroen
Fashion Editors: Watcharachai Nun-ngam
Writer: Pimpilai Boonjong
Makeup for Kimberly: Andi Soon
Hair for Kimberly: JCreef
Makeup for Mark: Jirayu Deesara
Hair for Mark: Nathapot Boonsit
Photographer Assistants: Ekachai Sawasdee, Jeerasak Kaysee
Stylist Assistant: Thisakorn Kunchornnok