Wednesday, February 19, 2025

ดาวิกา โฮร์เน่ ดาวจรัสแสงแห่งวงการ

ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ นักแสดงหญิงแถวหน้าของไทย และ Friend of Gucci กับมนตร์เสน่ห์ของคอลเลกชั่น Love Parade ผลงานการออกแบบของอเลสซานโดร มิเคเล ผสานแรงบันดาลใจจากฮอลลีวูด ดินแดนแห่งความฝันและดวงดาว

ด้วยบุคลิกสง่างามและความเปล่งประกายอันเป็นมนตร์เสน่ห์เฉพาะตัวจะทำให้รู้สึกได้ว่า ‘นี่แหละดารา’ แต่สำหรับเรา ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ยังเป็นนักแสดงที่แท้จริง ที่ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางนี้อย่างจริงจัง พิสูจน์ได้จากความสามารถและชั้นเชิงในการแสดงผ่านผลงานหลากเรื่องตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง

ครั้งนี้นักแสดงหญิงมากความสามารถวัย 29 ได้กลับมาถ่ายแบบขึ้นปกของลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์อีกครั้ง โดยสวมใส่คอลเลกชั่น Gucci Love Parade ด้วยแรงบันดาลใจจากความรุ่งโรจน์ของฮอลลีวูด แน่นอนว่าผลงานการออกแบบนี้ยิ่งช่วยเสริมเสน่ห์และตัวตนของเธอ “คอลเลกชั่นนี้สวยจะเป็นลมตั้งแต่ใหม่เห็นในโชว์แล้ว ดีใจมากที่ได้ใส่ หลายชิ้นเป็นมาสเตอร์พีซ อย่างสูทสีอ่อนตัวนี้คือสวยโดนมากๆ” 

-ถ้าโลกคู่ขนานมีอยู่จริง คิดว่าตอนนี้ตัวเองจะทำอาชีพออะไรอยู่ 

“ใหม่คิดไม่ออกเลยเชื่อปะ ตอนเด็กอาจจะยังคิดออกนะว่ายังอยากทำอะไรอื่นหรือเปล่า แต่พอมาถึงตอนนี้ คือคิดไม่ออกจริงๆ แต่จริงๆ ที่ทำควบคู่ไปกับงานแสดงก็คือธุรกิจส่วนตัว เลยคิดว่าถ้าไม่ได้ทำงานนักแสดงก็คงเป็นบรรดาธุรกิจที่ทำอยู่ค่ะ” 

-ใหม่ที่เป็นนักแสดงกับใหม่ที่เป็นคนธรรมดา แตกต่างกันมากไหม 

“ต่างกันมากๆๆๆๆ เลย ตอนที่เป็นนักแสดงคือเราสวมบทบาทเป็นคนอื่น เป็นคาแร็กเตอร์อื่น ซึ่งบางทีใหม่ก็ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ ไม่เคยเป็น หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตจริง มันอาจจะมีตัวตนของเราอยู่ในบางบท แต่มันก็ไม่ใช่เราเต็มร้อย”

-คนมักมองใหม่ว่าเก่ง สวย เพอร์เฟ็กต์

“มันก็คงเป็นภาพที่เราอยากให้คนอื่นมองเราแหละ แต่จริงๆ แล้วใหม่ก็เป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง เป็นคนที่ธรรมดามากๆ เลย ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ไม่ได้เหมือนภาพที่เห็นเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องของการทำงาน มันก็มีสิ่งที่ใหม่อยากให้คนรู้สึกกับเรา อยากให้คนเห็นว่าเราดูดี สวยงาม แต่ชีวิตจริงเราไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ไม่ได้สวยหรือเก่งตลอดเวลา รู้สึกว่าเรายังเบบี๋อยู่เลย ทำอะไรผิดพลาดอยู่เลย” 

-ในฐานะบุคคลสาธารณะ เจอพลังลบจากโลกอินเตอร์เน็ตมาก็เยอะ ใหม่ผ่านมาได้อย่างไร  

“มันตอบยากเหมือนกันนะ ถ้าเป็นสมัยเด็กๆ ใหม่ก็จะชิลล์ ไม่อ่านบ้าง หรืออ่านแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอโตขึ้นเราก็เริ่มเทกมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมันทำให้เราจัดการความทุกข์ไม่เป็น จนเราต้องพึ่งคนอื่น แม้ว่าเราจะบอกทุกคนว่าเราโอเค เราไม่เป็นไร แต่สุดท้ายเราเป็นคนที่อ่อนแอมาก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คนที่แสดงความคิดเห็นเพื่อความสะใจลองคิดถึงจิตใจของคนอื่นบ้าง ให้ลองรับฟังเหตุผลด้วย”

-ใหม่เข้าวงการตั้งแต่อายุ 14 มาถึงตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ไหม 

“เป็นรุ่นพี่ค่ะ ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก เป็นอีกเจเนอเรชั่นหนึ่งที่โคตรเก่ง ดีใจมากๆ ที่มีคนใหม่ๆ ที่เก่งเกิดขึ้นมาอีก เรามองน้องๆ รุ่นใหม่แล้วชื่นชมในฐานะที่เราเป็นรุ่นพี่ในวงการเดียวกัน แล้วก็ซัพพอร์ตมากๆ เราอยากจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีให้กับรุ่นน้อง เพราะเราเคยเป็นรุ่นน้องมาก่อน เราก็หวังว่าจะมีรุ่นพี่ที่ดีเพื่อเราบ้าง พอวันหนึ่งเราเป็นรุ่นพี่แล้ว เราก็อยากจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีให้กับเด็กๆ เหมือนกัน” 

-ถ้าให้คำแนะนำรุ่นน้องๆ ได้ อยากแนะนำอะไรบ้าง 

“ถ้าในด้านการทำงาน ทุกคนเก่งมากๆ กันอยู่แล้ว แต่เราแค่อยากบอกว่าให้ทุกคนหันมาดูและเทคแคร์จิตใจตัวเองด้วย รุ่นน้องทุกคนที่ใหม่รู้จัก ทุกคนเต็มที่กับงานมากๆ แต่ก็อย่าใจร้ายกับตัวเองเกินไป อยากให้ take it easy นอกจากจริงจังกับงานแล้ว อย่าลืมหาความสุขให้ตัวเองด้วย” 

-ปีนี้ได้ร่วมงานกับคนรุ่นใหม่หลายๆ คนที่ไม่เคยร่วมงานมาก่อน 

“ใช่ค่ะ สนุกมาก ได้เจอรุ่นใหม่ๆ แฮปปี้มาก ทั้งนักแสดงชายและหญิงเจนใหม่ๆ รู้สึกว่าเก่งกันจังเลย รุ่นนี้ทั้งแสดงก็ได้ ร้องก็ได้ เต้นก็ได้ มาแบบฟูลแพ็กเกจ เลยรู้สึกว่าเด็กรุ่นนี้มันแน่จริง”

-กำลังจะมีซีรีส์ใหม่เรื่อง ‘คืนนับดาว’ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าอะไรทำให้อยากแสดงเรื่องนี้

“เรื่องนี้น่าจะออนประมาณเดือนนี้ค่ะเพราะกองถ่ายหยุดถ่ายทำไปช่วงหนึ่ง เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ เลยอยากให้ลองติดตาม คิดว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน ส่วนเหตุผลที่ทำให้อยากแสดงในเรื่องนี้ก็เพราะเป็นทีมใหม่ทั้งหมดเลยค่ะ เป็นทีมของทางช่อง GMM25 นักแสดงในเรื่องก็ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนเลยสักคน ทั้งไบรท์ ออฟ ก้อย และเจนนี่ ปาหนัน ทุกคนเป็นคนที่เราอยากลองทำงานด้วย พูดง่ายๆ เลยคือรับเรื่องนี้เพราะแคสต์ และพี่กู่ ผู้กำกับเองก็น่ารัก รวมทั้งทีมงานด้วยค่ะ”

-อยู่ในวงการบันเทิงมา 15 ปี คิดว่าได้อะไรหรือต้องเสียอะไรไปบ้าง

“เรื่องที่เสียก็มีอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้ทำให้เราเสียใจ มันไม่ได้เป็นประเด็นในชีวิต เราดีใจด้วยซ้ำที่ได้โอกาสมาอยู่ในวงการ ใหม่รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันกลายเป็นสิ่งที่เรารัก เราโชคดีมากๆ  เพราะฉะนั้นมันเหมือนเรายอมแลกหลายๆ อย่างเพื่อให้เราได้ทำสิ่งที่เรารัก เพราะเราอยากเป็นนักแสดงที่ดี… ถึงแม้ว่าตอนแรกที่เข้าวงการบันเทิง เราจะไม่ได้คาดคิดมาก่อน คิดแค่ว่าก็ดี เราก็ทำได้ ก็ได้เงิน แต่พอทำไปสัก3-4 ปีเราก็เริ่มรู้สึกว่าเรารักมันแล้ว หลังๆ คือไม่ได้สนใจเรื่องเงินแล้ว แค่อยากทำงานกับคนที่เราอยากทำด้วย รู้สึกว่าคนเก่งในประเทศเราเยอะมาก เราอยากตามหาคนคนนั้น แล้วก็อยากร่วมงานกับเขา ไม่รู้ว่าเขาอยากร่วมงานกับเราไหมนะ แต่เราอยู่ในจุดที่เราชอบการเป็นนักแสดงมากๆ แล้วก็อยากเจอพาร์ตเนอร์ที่เก่งๆ ด้วย”

-คิดว่าต้องพิสูจน์ตัวเอง หรือพิสูจน์ฝีมือบนเส้นทางนี้อยู่ไหม 

“ใช่ค่ะ คือทุกโปรเจ็กต์ที่ทำมามันฟินและแฮปปี้มากๆ แต่พอมองย้อนกลับไปมันเหมือนยังมีสิ่งที่สามารถพัฒนาหรือปรับปรุงได้ รู้สึกว่าเรายังไปต่อได้อีก มีอีกหลายจุดที่ยังไม่ปลดล็อก ต่อให้โปรเจ็กต์นั้นทะลุพันล้านไปแล้ว เรตติ้งอันดับหนึ่งไปแล้ว หรือได้รางวัล แต่ยังรู้สึกว่าเรายังไปต่อได้อีกนะ อยากจะไปถึงจุดที่คนมองเราเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง และเป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง” 

-ตั้งแต่แสดงมามีบทบาทไหนที่ทำให้รู้สึกว่าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

“น่าจะเป็นบทในเรื่องวันทอง มันเป็นอะไรที่ก้าวผ่านความเป็นตัวเรา เราแสดงเป็นแม่คน ทั้งยาก เครียด และกดดันว่าจะทำได้ดีไหม มันเป็นเรื่องที่ก้าวผ่านอะไรหลายๆ อย่างในการแสดงสำหรับใหม่นะ ซึ่งเราก็ทุมเท พยายาม และใส่ไปเต็มที่แล้ว”

-ปีหน้าจะครบรอบสิบปี ‘พี่มากพระโขนง’ เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าจดจำในหลายๆ ด้าน ใหม่มีความทรงจำพิเศษกับผลงานชิ้นนี้อย่างไรบ้าง

“ใหม่แสดงเรื่องนี้ตั้งแต่อายุ 20 มันเป็นเรื่องที่พลิกชีวิตของใหม่เลยก็ว่าได้ สิ่งที่จดจำได้ก็คือความรู้สึกที่ได้ทำงานกับกองถ่ายในตอนนั้น เราได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกมากจริงๆ”

-ใหม่ห่างหายไปจากการแสดงภาพยนตร์นานแล้วเหมือนกันนะ

“ใช่ค่ะ ใหม่แทบจะลืมความรู้สึกไปแล้วว่าการเล่นหนังเป็นยังไง เพราะไม่ได้เล่นมาประมาณสี่ปีแล้ว แต่จริงๆ ก็รออยู่ค่ะ ใช้คำว่ารอ คือใหม่เป็นคนชอบแสดงหนังมากๆ และแฟนๆ เองก็คงชอบเห็นใหม่ในหนังเพราะมันมีเสน่ห์บางอย่าง ใหม่อยากเล่นนะ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ทั้งจังหวะ คิว และบทที่ใช่ในเวลาที่ใช่ด้วยค่ะ”

-ทำอย่างไรให้ตัวเองสนุกกับงานได้ตลอดเวลา

“ต้องรักอะ เวลาทำงานแล้วรู้สึกว่าได้มาเจอทีมงานที่เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ช่วยกันทำให้งานออกมาดี แค่นั้นก็โอเคแล้ว ทุกคนมารวมกันตรงนี้เพื่อมาทำงานชิ้นเดียวกัน เป็นทีมเวิร์ก ถ้าเรามาทำงานด้วยพลังลบ เหมือนเป็นก้อนเมฆดำ บรรยากาศมันก็ไม่มีความสุข งานที่ได้ก็จะออกมาไม่ดี ถ้าเรารักในสิ่งที่เราทำและรู้สึกว่าตัวเราโชคดีที่ยังทำงานได้ มันก็มีความสุขแล้ว ใหม่เป็นคนชอบทำงานด้วยแหละ ประเด็นคือเราชอบทำงาน การที่เราออกมาทำงาน เราไม่ได้โดนบังคับให้มาทำ” 

-แต่นอกจากใช้เวลาไปกับการทำงานแล้ว ก็ยังเป็น #ดาวินักท่องเที่ยว ด้วย

“ใช่ หลังๆ มานี้ใหม่ชอบเที่ยวมากๆ และชอบลงรูปตอนตัวเองไปเที่ยวให้คนออกไปเที่ยวตามแต่งตัวตาม อย่างถ้าใครจะไปแม่ฮ่องสอนหรือไปเชียงใหม่ มาดูกันได้เลยว่า #ดาวินักท่องเที่ยว ไปที่ไหนมาบ้าง มุมไหนถ่ายรูปแล้วปัง ที่ไหนที่ต้องไป ขนาดนั่งรถขึ้นเขาไปจนแทบอ้วก ถ้าเป็นที่ที่ใหม่อยากจะไป ใหม่ก็ไปนะ แต่บางที่ก็ไม่ได้แพลนมากนะ ถ้าว่างก็ไปเลย”

-แล้วอย่างเวลาที่ใหม่เดินทางไปแฟชั่นวีกล่ะ ต้องเตรียมตัวแค่ไหน 

“ถ้าเป็นทริปแฟชั่นก็ต้องเตรียมเยอะหน่อย ต้องดูว่าไปเมืองไหน ส่องก่อนเลยว่าจะแต่งตัวอย่างไร ไปกินอะไร ไปเสพอะไร แล้วยิ่งถ้าเราต้องไปดูแฟชั่นโชว์ ยิ่งต้องคิดเยอะเลยว่าจะใส่ชุดอะไร เพราะอยากให้ทุกอย่างสมูธที่สุดและสนุกที่สุด” 

-ชอบอะไรเวลาไปดูโชว์ 

“มันเหมือนได้เติมพลังชีวิตกลับมาน่ะค่ะ ใหม่ชอบพลังงานตรงนั้น ชอบความครีเอทีฟของผู้คน แล้วยิ่งโชว์กุชชี่ เขาจะแทบไม่บอกใบ้อะไรก่อนเลย มันเลยยิ่งสนุก ทำให้เราลุ้นว่าแต่ละโชว์จะเป็นอย่างไร”

-ขอเข้าเรื่องความรักบ้าง คิดว่าช่วงเวลาห้าปีที่มีความรัก มุมมองเปลี่ยนไปไหม

“เปลี่ยนค่ะ จะพูดว่าคนเราไม่เปลี่ยนไม่ได้นะ มันเปลี่ยนไปตามวัยด้วยค่ะ มันอาจจะเป็นเวลาแค่ห้าปี แต่สำหรับเรามันนานนะ จากปีแรกที่คลั่งรักเหมือนคนจีบกันใหม่ๆ วัยรุ่นคลั่งรัก แต่พอเวลาผ่านไปเราก็จะกลับมาสู่โลกแห่งความจริงว่าเราเป็นคนอย่างไร อยู่กันได้อย่างไร แล้วโชคดีที่พี่เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ไม่ค่อยมีโปรโมชั่น ดอกไม้ก็ไม่ค่อยจะมี (หัวเราะ) เขาเลยเสมอต้นเสมอปลาย เขาไม่เคยน้อยลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น”

-เป็นคนมองความรักด้วยฟิลเตอร์โรแมนติกไหม

“บ้างบางครั้ง แต่เราจะเป็นสายฮามากกว่า เหมือนเป็นพี่เป็นน้อง ถ้าโรแมนติกคุณเขาจะเขิน (หัวเราะ) เป็นคนขี้อาย ฝากไปบอกได้ไหมว่าช่วยโรเแมนติกหน่อยก็ได้ (หัวเราะ)”

-ซึมซับนิสัยของกันและกันมาบ้างไหม 

“เยอะมาก เขาเป็นคนช้า ใหม่เป็นคนเร็ว ใหม่ช้าลงและมีสติขึ้นก็เพราะเขา แล้วเขาก็ได้ความเร็วของใหม่ไป เลยกลายเป็นว่าเราเติมเต็มกันจนมันพอดีอะค่ะ”

-เหมือนทุกอย่างในชีวิตกำลังไปได้สวย มีความคาดหวังอะไรสำหรับปีนี้บ้างไหม

“ใหม่มีแต่เรื่องงานอย่างเดียวเลยค่ะตอนนี้ อยากจะทำโปรเจ็กต์ที่ทำอยู่ให้เสร็จและออกมาดีที่สุด เราก็จะฟินกับปีนี้แล้ว พร้อมเริ่มต้นปีใหม่ได้” 

Photographer: THANUT TREAMCHANCHUCHAI

Stylist: Chanond Mingmit

Writer: Pimpilai Boonjong

Makeup: Andi

Hair: Seiko Pongsiri

Stylist Assistant: Teeratat Somodomsup

Photographer Assistants: WorapotJaikla, Phongsakarn Kamhangngam






Other Articles