
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชาเนลได้เปิดประตูบ้านหลังใหม่หลังจากปิดรีโนเวตไปเป็นเวลาหนึ่งปี และยังตรงกับวาระครบรอบ 90 ปีนับตั้งแต่มาดมัวแซล โกโก ชาเนล ได้ออกแบบเครื่องประดับชั้นสูงคอลเลกชั่นแรกและคอลเลกชั่นเดียวในชื่อ Bijoux de Diamants เมื่อปี 1932
18, Place Vendôme คือหมุดหมายแห่งใหม่สำหรับคนที่อยากเดินทางมาสัมผัสโลกจิวเวลรี่และนาฬิกาของชาเนลโดยเฉพาะ ตัวอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใน จตุรัส ปลาซ วองโดม ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของบูติกจิวเวลรี่ชั้นนำระดับโลกของแบรนด์ต่างๆ มานานนับศตวรรษ รวมถึงเป็นที่ตั้งของโรงแรมริตซ์อันหรูหรา ซึ่งมาดมัวแซล ชาเนลเคยใช้เป็นที่พำนักจนเรียกได้ว่าเป็นบ้านของเธอเลยก็ว่าได้

อาคารเลขที่ 18 นี้ผ่านกาลเวลาและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งเคยเป็นบ้านพัก คลับที่คนหนุ่มสาวมาชมนิทรรศการ รวมถึงเคยอยู่ในครอบครองของธนาคารเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งดยุคแห่งเวสต์มินสเตอร์เคยครองรักกับมาดมัวแซลในช่วงหนึ่ง…
ต่อมาในปี 1997 ทางแบรนด์ชาเนลได้เข้าครอบครองอาคารเลขที่ 18 และเปลี่ยนให้เป็นสตูดิโอครีเอทีฟ เวิร์กช็อปจิวเวลรี่ สถานที่เก็บรักษาคอลเลกชั่น Patrimoine และบูติกสำหรับจิวเวลรี่และนาฬิกาโดยเฉพาะ และในวันนี้ อาคารหลังนี้ก็ได้เปิดประตูต้อนรับทุกคนอีกครั้ง


ปีเตอร์ มาริโน สถาปนิกชื่อดังซึ่งทำงานให้กับแบรนด์ลักชัวรี่มาแล้วมากมาย คือผู้ที่ทำหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในอาคารหลังนี้ทั้งสามชั้น โดยขยายขนาดของบูติกดั้งเดิม และจินตนาการการตกแต่งให้ร่วมสมัยโดยนำแรงบันดาลใจมาจากโลกของชาเนล เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามา จึงเหมือนได้เข้ามายังโลกความฝันของมาดมัวแซล

ที่นี่เปี่ยมด้วยสัมผัสแห่งความประณีตหรูหรา ทั้งยังผสมผสานยุคสมัยและสไตล์ต่างๆ เข้าด้วยกัน เฉดสีทอง น้ำตาล เบจ และดำ คือเฉดสีหลัก ตกแต่งด้วยงานแล็กเกอร์ งานบรอนซ์ พรมลายแบบผ้าทวีด กระจกอันงดงาม โต๊ะสไตล์หลุยส์ที่ 14 และ 15 ทั้งยังนำผลงานศิลปะของศิลปินชั้นนำมาประดับตกแต่งได้อย่างกลมกลืน เช่น ภาพของปิกัสโซ่ทั้ง 3 ภาพ ประติมากรรมรูปกวางของ ฟรองซัวส์-ซาวิเยร์ ลาลาน ประติมากรรม Coco Chandelier โดยโจเอล มอร์ริสัน ณ ทางขึ้นบันได รวมไปถึงแชนเดอเลียร์ซึ่งสร้างสรรค์โดยเวิร์กช็อป Goossens และที่เรียกได้ว่าโดดเด่นจนมองเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาก็คือ ประติมากรรมเสาสูง 3 เมตรที่มีชื่อว่า La Borne สร้างสรรค์โดยศิลปินเบลเยี่ยม Johan Creten ซึ่งทำให้นึกถึงเสาในจตุรัส ปลาซ วองโดมที่เป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรจิวเวลรี่





ส่วนชั้นบนเป็นสเปซใหม่ มีพื้นที่สำหรับจัดแสดงสร้อยคอ 55.55 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่น Chanel Patrimoine ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นในโอกาสครบรอบ 100 ปีน้ำหอม Chanel No. 5 เมื่อปีที่แล้ว และยังมีห้องผนังสีขาวกว่าห้องใดๆ ในอาหาร โดยมีชื่อเรียกห้องว่า Le Grand Salon สำหรับรับรองลูกค่าวีไอพี ภายในตกแต่งด้วยงานศิลปะ เป็นภาพสีน้ำมันของ Nicolas de Stael เก้าอี้บรอนซ์โดย Voukenas Petrides และโต๊ะโดย Reda Amalou

และเมื่อเปิดม่านผ้าไหมสีเบจเพนต์ลายมองออกผ่านกระจกลงไป ก็จะเห็นทิวทัศน์ของจตุรัส ปลาซ วองโดม สถานที่ที่มาดมัวแซล ชาเนล เคยเฝ้ามองจากห้องในโรงแรมริตซ์ เพื่อดื่มด่ำและตามหาแรงบันดาลใจ
“ขอให้ตำนานของฉันผลิบานและยืนยง หวังว่ามันจะมีชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมสุข” คือวาทะของชาเนลที่เคยกล่าวถึงในหนังสือ The Allure of Chanel…. ความหวังของเธอเป็นจริงดังนั้น