Tuesday, February 18, 2025

3 นาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกลสุดอัศจรรย์ Extraordinary Objects จาก Van Cleef & Arpels ที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต

เพื่อขานรับการกลับมาอีกครั้งของนิทรรศการแสดงนาฬิกา Watches & Wonders 2022 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงต้นเดือนเมษายน แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ (Van Cleef & Arpels) จึงได้ตอกย้ำปรัชญา บทกวีแห่งกาลเวลา หรือ Poetry of Time ของเมซงผ่านผลงานเหนือจินตนาการ โดยเฉพาะอย่างผลงานในกลุ่มศิลปะวัตถุ Extraordinary Objects ซึ่งเป็นหุ่นยนต์กลซึ่งมีชื่อเรียกว่า ออโตเมตอน (Automaton)

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ออโตเมตอน นั้นเกี่ยวโยงกับการผลิตนาฬิกาอย่างไร ต้องบอกว่าเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกันเนื่องจากเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบจักรกล หากคุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Hugo (2011) ของผู้กำกับมาร์ติน สกอร์เซซีล่ะก็ หุ่นกลที่เด็กชายฮิวโก้พยายามซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ก็คือหุ่นออโตมาตอนนั่นเอง

คำว่า automaton เป็นคำกรีกที่หมายถึง ทำได้เอง ซึ่งในที่นี้หมายถึง เคลื่อนไหวได้เอง แต่ที่จริงแล้วเคลื่อนไหวได้ตามที่ถูกคนโปรแกรมไว้เท่านั้น ขับเคลื่อนด้วยระบบฟันเฟือง เพียงแค่ไขลานก็ทำให้เจ้าวัตถุตรงหน้าขยับหรือเคลื่อนไหวตามที่ถูกกำหนดไว้ราวกับมีชีวิต

สำหรับแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ เมซงเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งขึ้น ณ จัตุรัสปลาซวองโดมในกรุงปารีสตั้งแต่ปี 1906 นอกจากความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์ศิลปะวัตถุด้วยเทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่แล้ว ยังเลื่องชื่อในด้านการพัฒนาจักรกลซับซ้อนที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 ศิลปะวัตถุหนึ่งเดียวในโลกในกลุ่ม Extraordinary Objects

1/ Planétarium automaton

มนุษย์พยายามศึกษาความเป็นไปในจักรวาลมาเนิ่นนานและสั่งสมองค์ความรู้เรื่อยมา หนึ่งในประดิษฐกรรมสำคัญก็คืออุปกรณ์ที่ติดตั้งกลไกขับเคลื่อนเพื่อจำลองวิถีโคจรของดวงดาวบนดาราจักร ซึ่งในทางดาราศาสตร์เรียกว่า Planetarium โดยจะมีกลไก หรือหน่วยจักรกลขับเคลื่อนแสดงวิถีโคจรเสมือนจริงของดาวดวงต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องฟ้าเป็นต้นกำเนิดของแนวคิดเกี่ยวกับเวลาบนโลกนั่นเอง ในช่วงต้นศตวรรษที่14 ช่างประดิษฐ์นาฬิกาจึงเป็นผู้สร้างทั้งนาฬิกาและเครื่องมือดาราศาสตร์รุ่นแรกๆของโลก ทั้งยังเกิดขึ้นด้วยศรัทธาในศาสนา (ด้วยเชื่อว่าหากสามารถจำลองรูปแบบจักรวาลของพระเจ้า เท่ากับมีโอกาสเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้นด้วย)

ในปี 2014 Van Cleef & Arpels ได้ริเริ่มพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์เพื่อลดมิติต่างๆ ของแบบจำลองสุริยะจักรวาลนี้จนมีขนาดพอเหมาะสำหรับมาประดับอยู่บนข้อมือในรูปแบบของตัวเรือนนาฬิกา นำมาซึ่งนาฬิกาข้อมือ Midnight Planétarium รุ่นแรกสำหรับผู้ชาย และพัฒนาต่อมาเป็นเวอร์ชั่นสำหรับผู้หญิงและไฮจวเวลรี่ แต่สำหรับครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เมซงได้สร้างสรรค์ศิลปะวัตถุอันมีความพิเศษเหนือธรรมดาหรือ Extraordinary Object

Planétarium automaton มีความสูง 50 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 66.5 ซม. ภายใต้โดมแก้วผลิตพิเศษจากโรงผลิต Fluid workshop บนเกาะแบ็ลลิลในเขตประเทศฝรั่งเศส คือจักรกลจำลองแสดงวิถีโคจรรอบดวงสุริยะเสมือนจริงของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่มองเห็นจากโลกได้ด้วยตาเปล่าและกล้องโทรทัศน์ทั่วไป นั่นก็คือดาวพุธ, ดาวศุกร์, โลกกับดวงจันทร์บริวาร, ดาวอังคาร, ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ โดยดาวแต่ละดวงได้รับการสรรค์สร้างขึ้นพร้อมกลไกขับเคลื่อนให้โคจรครบวงวิถีตามความเร็วจริง เมื่อระบบขับเคลื่อนดำเนินการเปิดกลไกการทำงานของนาฬิกาตั้งโต๊ะดาราจักรจำลองเรือนนี้ ดาวตกก็จะปรากฏออกมาจากช่องประตูบานเล็ก และเคลื่อนตัวรอบหน้าปัดเพื่อทำหน้าที่บอกชั่วโมง ระหว่างที่ดาวตกพุ่งทะยานผ่านบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลายนั้น ก็จะมีเสียงดนตรีพลันก้องกังวานด้วยซึ่งประพันธ์โดย มิเชล ทิราบอสโก (Michel Tirabosco) นักดนตรี และศิลปินคอนเสิร์ตสัญชาติสวิส 

นอกจากกลไกสลับซับซ้อนซึ่งพัฒนาร่วมกับทีมงาน CompliTime เพื่อขับเคลื่อนดวงดาวและทำงานร่วมกับระบบบอกเวลาอีก 11 รูปแบบ (อาทิเช่นกลไกบอกชั่วโมง/นาที, ระบบปฏิทินถาวรตามสุริยคติ, แหล่งพลังงานสำรองก่อนนาฬิกาหยุดเดิน 15 วัน) เมซงยังระดมศิลปะการสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณีมาใช้ อย่างพระอาทิตย์ซึ่งใช้การจัดช่อรวบก้านทองคำต่างเปลวจำนวนมากกว่า 500 เส้นประดับปลายเพชร ดาวพุธทำจากหินมุกดา (moonstone) ดาวศุกร์โมราสีเขียว (agate) ดาวเคราะห์โลกโดดเด่นด้วยสมุทรจักรวาล หรือคริโซคอลลา (chrysocolla) เป็นต้น

———————————————–

2/ Fontaine aux Oiseaux automaton

มองเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นประติมากรรมสำหรับตกแต่ง แต่ที่จริงนี่คือ นาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “คู่วิหคบนอ่างน้ำพุ” โดยดูเวลาได้จากที่ฐานของบ่อซึ่งติดตั้งเข็มตีกลับหรือ retrograde เป็นรูปขนนกแสดงชั่วโมงและนาที ซึ่งถือเป็นคอมพลิเคชั่นชนิดหนึ่ง

และเมื่อไขลานห้าครั้งเพื่อเปิดระบบกลไกทั้งหมดของโครงสร้าง ความอัศจรรย์ก็จะบังเกิดเป็นเวลา 1 นาที นำ้ในบ่อจะเริ่มขยับไหวเป็นระลอก กลีบดอกบัวที่ค่อยๆ แย้มบานขานรับแมลงปอตัวน้อยขยับปีก นกคู่ที่เกาะตัวบนขอบอ่างก็คล้ายตื่นจากหลับใหล ขับขานเพลงซึ่งอาศัยการทำงานประสานกันระหว่างเครื่องลมกับกล่องกล (clicking box) และยังแสดงอากัปยกหัวขยับปีกเสมือนกำลังเกี้ยวพาหยอกล้อกันและกัน และเคลื่อนตัวเข้าหากันอย่างสมจริง ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดนิ่งอีกครั้ง

นี่เป็นอีกครั้งที่ Van Cleef & Arpels ได้กลับมาร่วมงานกับห้องปฏิบัติการงานผลิตหัตถศิลป์แขนงต่างๆ อันเลื่องชื่อทั้งในฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้ง ฟรองซัวส์ ฌูโนด์ (François Junod) ประดิษฐกรหุ่นกลผู้มีสำนักงานอยู่ในเขตแซงต์-ครัวซ์ของสวิตเซอร์แลนด์ “สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยนั้นก็คือ โครงการพิเศษเหนือธรรมดาที่ยากจะเกิดขึ้นได้ทั่วไปนี้ เป็นเหมือนฝันกลางวันอันนำมาซึ่งงานระดมช่างศิลป์ระดับแถวหน้าหลากสาขา สำหรับผมนั้น นี่ยังเป็นก้าวกระโดดลงสู่ดินแดนมหัศจรรย์ในวงการหุ่นจักรกลร่วมสมัย  พอๆ กับเป็นโจทย์ท้าทายความสามารถครั้งสำคัญ ซึ่งทำให้ต้องทุ่มเทกับการศึกษาวิจัย และพัฒนาทุกรายละเอียดของกลไกขับเคลื่อนระบบต่างๆ มันคือประสบการณ์สุดตระการตาอย่างแท้จริง” ฟรองซัวส์ ฌูโนด์, ประดิษฐกรงานหุ่นจักรกล กล่าว

ผลงานชิ้นใหม่ในคอลเลคชัน Extraordinary Object นี้ เกิดจากการหลอมรวมเข้ากับทักษะความชำนาญชั้นสูงของเหล่าช่างเจียระไนอัญมณี, ช่างขึ้นโครงสร้างตัวเรือนเครื่องประดับ, ช่างฝังรัตนชาติขึ้นตัวเรือน, ช่างลงยา และช่างทำตู้ไม้ใช้เวลาในการสร้างสรรค์มากกว่า 25,200 ชั่วโมง เฉพาะในส่วนของห้องปฏิบัติการงานผลิตแผนกต่างๆ ของ Van Cleef & Arpels ก็กินเวลานานกว่า 4,300 ชั่วโมง 

———————————————–

3/ Rêveries de Berylline automaton

นาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “กรงฝันฮัมมิงเบิร์ด” เป็นผลงานชิ้นแรกของคอลเลกชัน ซึ่งนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาใช้ในการสร้างสรรค์ และพัฒนาร่วมกับห้องปฏิบัติการงานผลิตของฟรองซัวส์ ฌูโนด์ นี่คือนาฬิกาตั้งโต๊ะเจ้าของความสูง 30 เซนติเมตรรองรับงานขึ้นรูปวงดอกไม้ที่บรรจงแย้มกลีบผลิบานอย่างอ่อนช้อย เผยให้เห็นวิหคตัวน้อยซึ่งเร้นกายอยู่ภายใน

ดอกไม้อันถือกำเนิดขึ้นในสวนแห่งจินตนาการนี้ ขับเคลื่อนได้ด้วยระบบกลไกตามสั่ง โดยจะทำการเคลื่อนโครงกลีบรอบวงดอกให้บานออก เผยให้เห็นนกฮัมมิงเบิร์ดหัวเขียวในท่วงท่าพร้อมออกบินก่อนจะลดตัวกลับลงไปยังที่เดิมตรงพวงเกสรศูนย์กลางของวงดอก ในระหว่างนี้จะมีเสียงดนตรีดังกังวานซึ่งได้รับการประพันธ์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับคอลเลกชันนี้ ส่วนก้านใบอะแคนธัสทำจากทองคำจะเคลื่อนตัวไปตลอดแนวแถบวงแหวนคาดโดยรอบเพื่อทำหน้าที่บอกเวลา

“ความยากลำบากในการสร้างสรรค์นาฬิกาหุ่นกลเรือนนี้คงอยู่ที่น้ำหนักขององค์ประกอบส่วนต่างๆ เพื่อให้ระบบกลไกทำงานสัมพันธ์กันในระหว่างควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลและต่อเนื่อง ทุกชิ้นส่วนขององค์ประกอบทั้งหมดนี้ต้องมีน้ำหนักเบาอย่างที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และในฐานะช่างทำเครื่องประดับอัญมณี เราไม่คุ้นชินในการทำงานภายใต้ข้อจำกัดเช่นนี้เท่าไรนัก สำหรับหุ่นกลกรงฝันฮัมมิงเบิร์ด Rêveries de Berylline automaton เรือนนี้ เราทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับห้องปฏิบัติการงานผลิตของฟรองซัวส์ ฌูโนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านประดิษฐกรรมหุ่นกล เพื่อให้งานออกแบบทั้งในส่วนของนกฮัมมิงเบิร์ด และดอกไม้ประสบความสำเร็จในการเคลื่อนไหวได้เสมือนจริง” อาลลอง ปาซซ์บง, รองผู้อำนวยการแผนกห้องปฏิบัติการงานผลิตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงของ Van Cleef & Arpels กล่าว

Other Articles